พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด: ความรับผิดของโรงแรมต่อการยักยอกเช็คของลูกจ้าง
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างทำงานในโรงแรมที่จำเลยที่ 2 และที่ 7 เป็นหุ้นส่วน โรงแรมดังกล่าวมีบริการผู้มาพักโดยรับฝากเช็คจากผู้มาพักแล้วนำไปซื้อดราฟท์ส่งให้ผู้ทรงเช็คที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ในการนี้ จำเลยที่ 2 ที่ 7 ยอมให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับฝากเช็คของผู้มาพักโดยออกใบรับเช็คให้ ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 2 ที่ 7 เมื่อปรากฏว่าเช็คของโจทก์ที่จำเลยที่ 1 รับฝากไว้เกิดสูญหายไป ทำให้โจทก์สูญเสียเงินตามเช็คเพราะธนาคารจ่ายเงินตามเช็คให้ผู้อื่นไป จำเลยที่ 2 ที่ 7 จะยกข้ออ้างว่า ตนให้อำนาจจำเลยที่ 1 รับฝากเช็คได้ไม่ถึงจำนวนเงินตามเช็คของโจทก์ขึ้นโต้เถียงกับโจทก์หาได้ไม่ จำเลยที่ 2 ที่ 7 ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเท่ากับจำนวนเงินตามเช็คที่รับฝากไว้นั้นแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปืนและกระสุนปืนไม่ใช่ 'ของมีค่า' ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 675
ของมีค่าตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 ไม่รวมถึงปืนและกระสุนปืน ซึ่งมิใช่ของมีคุณค่าพิเศษนอกเหนือไปจากทรัพย์สินธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อการสูญหายของรถยนต์ และการคำนวณค่าสินไหมทดแทนที่เหมาะสม
โจทก์มาพักที่โรงแรมของจำเลยและจอดรถยนต์ไว้ในที่จอดรถของโรงแรมเมื่อรถยนต์นั้นหายไปจากที่จอดดังกล่าว จำเลยซึ่งเป็นเจ้าสำนักต้องรับผิดชอบ
การใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 ในส่วนที่เกี่ยวกับราคาทรัพย์สินย่อมต้องถือเอาราคาของทรัพย์สินนั้น ตามที่อาจซื้อขายกันได้ตามปกติในเวลาที่ทรัพย์สินนั้นสูญหาย ถ้าเจ้าของทรัพย์สินได้ชำระเงินไปเป็นจำนวนสูงกว่าราคาซื้อขายตามปกติ เพราะซื้อมาโดยการเช่าซื้อหรือซื้อด้วยเงินผ่อน ทำให้ผู้ให้เช่าซื้อหรือผู้ขายบวกดอกเบี้ยเข้าไว้ในราคาด้วยการเสียดอกเบี้ยนั้นต้องถือว่าเป็นภาระส่วนตัวเป็นพิเศษของผู้เช่าซื้อหรือผู้ซื้อเช่นเดียวกับกรณีที่กู้เงินผู้อื่นมาซื้อ เจ้าสำนักโรงแรมไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินส่วนที่เป็นดอกเบี้ย
การใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 ในส่วนที่เกี่ยวกับราคาทรัพย์สินย่อมต้องถือเอาราคาของทรัพย์สินนั้น ตามที่อาจซื้อขายกันได้ตามปกติในเวลาที่ทรัพย์สินนั้นสูญหาย ถ้าเจ้าของทรัพย์สินได้ชำระเงินไปเป็นจำนวนสูงกว่าราคาซื้อขายตามปกติ เพราะซื้อมาโดยการเช่าซื้อหรือซื้อด้วยเงินผ่อน ทำให้ผู้ให้เช่าซื้อหรือผู้ขายบวกดอกเบี้ยเข้าไว้ในราคาด้วยการเสียดอกเบี้ยนั้นต้องถือว่าเป็นภาระส่วนตัวเป็นพิเศษของผู้เช่าซื้อหรือผู้ซื้อเช่นเดียวกับกรณีที่กู้เงินผู้อื่นมาซื้อ เจ้าสำนักโรงแรมไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินส่วนที่เป็นดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206-207/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กล้องถ่ายภาพไม่ใช่ของมีค่าพิเศษ โรงแรมไม่ต้องรับผิดเกินค่าเสียหายที่แท้จริง
กล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งเป็นเพียงเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับผู้ถ่ายภาพยนตร์ หรือผู้ถ่ายภาพใช้ในการบันทึกภาพเป็นภาพยนตร์ หรือถ่ายภาพนิ่งเท่านั้นเองหาเป็นของมีคุณค่าเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากการเป็นของใช้ตามธรรมดาไม่ ถึงแม้ว่าราคาของทรัพย์จะค่อนข้างสูงก็ตาม ก็ไม่ใช่เป็นของมีค่าตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยตลอดทั้งสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เสียหายเป็นเงิน 27,650 บาท จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายดังกล่าวนั้นเกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง โดยจะให้ศาลรับฟังคำเบิกความบางตอนของพยานบางปากเพื่อให้สมข้ออ้างของจำเลยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยตลอดทั้งสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เสียหายเป็นเงิน 27,650 บาท จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายดังกล่าวนั้นเกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง โดยจะให้ศาลรับฟังคำเบิกความบางตอนของพยานบางปากเพื่อให้สมข้ออ้างของจำเลยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206-207/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อทรัพย์สินของลูกค้า: กล้องถ่ายภาพไม่ใช่ของมีค่าพิเศษ
กล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งเป็นเพียงเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับผู้ถ่ายภาพยนตร์ หรือผู้ถ่ายภาพใช้ในการบันทึกภาพเป็นภาพยนตร์ หรือถ่ายภาพนิ่งเท่านั้นเอง หาเป็นของมีคุณค่าเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากการเป็นของใช้ตามธรรมดาไม่ ถึงแม้ว่าราคาของทรัพย์จะค่อนข้างสูงก็ตาม ก็ไม่ใช่เป็นของมีค่าตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยตลอดทั้งสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เสียหายเป็นเงิน 27,650 บาท จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายดังกล่าวนั้นเกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง โดยจะให้ศาลรับฟังคำเบิกความบางตอนของพยานบางปากเพื่อให้สมข้ออ้างของจำเลยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยตลอดทั้งสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เสียหายเป็นเงิน 27,650 บาท จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายดังกล่าวนั้นเกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง โดยจะให้ศาลรับฟังคำเบิกความบางตอนของพยานบางปากเพื่อให้สมข้ออ้างของจำเลยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในทางละเมิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และการมอบกุญแจรถให้ลูกจ้างเพื่อปฏิบัติหน้าที่
ในทางแพ่งนั้นกฎหมายไม่ได้บังคับว่า สิทธิฟ้องร้องที่อาจมีได้หลายทางนั้นโจทก์จะต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่งเมื่อโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงให้เข้าใจตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของศาลที่จะนำตัวบทกฎหมายมาปรับแก่คดีเอง
โจทก์พักในโรงแรมของจำเลยที่ 1 คนขับรถของโจทก์ได้มอบกุญแจรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ไปเพื่อเลื่อนรถโจทก์ที่ขวางทางรถคันอื่น ซึ่งเป็นการที่จำเลยที่ 2 รับกุญแจรถไปปฏิบัติหน้าที่ในกิจการโรงแรมของจำเลยที่ 1 การที่คนขับรถซึ่งเป็นบริวารของโจทก์มอบกุญแจรถให้จำเลยที่ 2 ไปนี้ จึงมิใช่ความผิดของบริวารของโจทก์เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ใช้กุญแจรถดังกล่าวขับรถยนต์ของโจทก์ออกจากโรงแรมไปจนเกิดอุบัติเหตุทำให้รถโจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยที่ 1 จึงไม่พ้นความรับผิด
โจทก์พักในโรงแรมของจำเลยที่ 1 คนขับรถของโจทก์ได้มอบกุญแจรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ไปเพื่อเลื่อนรถโจทก์ที่ขวางทางรถคันอื่น ซึ่งเป็นการที่จำเลยที่ 2 รับกุญแจรถไปปฏิบัติหน้าที่ในกิจการโรงแรมของจำเลยที่ 1 การที่คนขับรถซึ่งเป็นบริวารของโจทก์มอบกุญแจรถให้จำเลยที่ 2 ไปนี้ จึงมิใช่ความผิดของบริวารของโจทก์เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ใช้กุญแจรถดังกล่าวขับรถยนต์ของโจทก์ออกจากโรงแรมไปจนเกิดอุบัติเหตุทำให้รถโจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยที่ 1 จึงไม่พ้นความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อความเสียหายจากลูกจ้างที่ขับรถของแขก การมอบกุญแจรถให้ลูกจ้างโรงแรมเพื่อเลื่อนรถ
ในทางแพ่งนั้นกฎหมายไม่ได้บังคับว่า สิทธิฟ้องร้องที่อาจมีได้หลายทางนั้น โจทก์จะต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง เมื่อโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงให้เข้าใจตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของศาลที่จะนำตัวบทกฎหมายมาปรับแก่คดีเอง
โจทก์พักในโรงแรมของจำเลยที่ 1 คนขับรถของโจทก์ได้มอบกุญแจรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ไป เพื่อเลื่อนรถโจทก์ที่ขวางทางรถคันอื่น ซึ่งเป็นการที่จำเลยที่ 2 รับกุญแจรถไปปฏิบัติหน้าที่ในกิจการโรงแรมของจำเลยที่ 1 การที่คนขับรถซึ่งเป็นบริวารของโจทก์มอบกุญแจรถให้จำเลยที่ 2 ไปนี้ จึงมิใช้ความผิดของบริวารของโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ใช้กุญแจรถดังกล่าวขับรถยนต์ของโจทก์ออกจากโรงแรมไปจนเกิดอุบัติหตุทำให้รถโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 1 จึงไม่พ้นความรับผิด
โจทก์พักในโรงแรมของจำเลยที่ 1 คนขับรถของโจทก์ได้มอบกุญแจรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ไป เพื่อเลื่อนรถโจทก์ที่ขวางทางรถคันอื่น ซึ่งเป็นการที่จำเลยที่ 2 รับกุญแจรถไปปฏิบัติหน้าที่ในกิจการโรงแรมของจำเลยที่ 1 การที่คนขับรถซึ่งเป็นบริวารของโจทก์มอบกุญแจรถให้จำเลยที่ 2 ไปนี้ จึงมิใช้ความผิดของบริวารของโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ใช้กุญแจรถดังกล่าวขับรถยนต์ของโจทก์ออกจากโรงแรมไปจนเกิดอุบัติหตุทำให้รถโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 1 จึงไม่พ้นความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อความเสียหายของรถยนต์ที่จอดไว้ และประเด็นการต่อสู้คดีที่ไม่ชัดเจน
บรรยายฟ้องว่ารถยนต์คันพิพาทได้เสียหายอะไรบ้าง ประมาณค่าเสียหายรวมกันเป็นเงินจำนวนหนึ่งดังรายการเอกสารท้ายฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง โดยไม่จำต้องกล่าวว่าเสียหายรายการใด ราคาเท่าไร เพราะเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา
จำเลยเป็นบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจการโรงแรม โจทก์ที่ 1 ได้มาพักโรงแรมจำเลยและนำรถยนต์คันพิพาทที่ยืมโจทก์ที่ 2 มาจอดไว้ในบริเวณโรงแรมแล้วเกิดเสียหายขึ้น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มาปรับแก่คดี มิใช่เป็นเรื่องฝากทรัพย์ตามธรรมดาทั่วไป จำเลยต้องรับผิดต่อเจ้าของรถ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่
จำเลยนำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ใช้ลูกจ้างจำเลยช่วยขับรถยนต์คันพิพาทไปเติมน้ำมัน แต่ตามคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวอ้างไว้ให้ชัดแจ้งดังที่จำเลยนำสืบ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แม้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยสืบพยานมา ก็หาก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อต่อสู้ขึ้นไม่ และไม่อาจนำพยานจำเลยที่ไม่ถูกต้องนี้มาวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยเป็นบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจการโรงแรม โจทก์ที่ 1 ได้มาพักโรงแรมจำเลยและนำรถยนต์คันพิพาทที่ยืมโจทก์ที่ 2 มาจอดไว้ในบริเวณโรงแรมแล้วเกิดเสียหายขึ้น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มาปรับแก่คดี มิใช่เป็นเรื่องฝากทรัพย์ตามธรรมดาทั่วไป จำเลยต้องรับผิดต่อเจ้าของรถ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่
จำเลยนำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ใช้ลูกจ้างจำเลยช่วยขับรถยนต์คันพิพาทไปเติมน้ำมัน แต่ตามคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวอ้างไว้ให้ชัดแจ้งดังที่จำเลยนำสืบ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แม้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยสืบพยานมา ก็หาก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อต่อสู้ขึ้นไม่ และไม่อาจนำพยานจำเลยที่ไม่ถูกต้องนี้มาวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อความเสียหายของรถยนต์ที่จอดไว้ และประเด็นการนำสืบพยานที่ไม่ชัดเจน
บรรยายฟ้องว่ารถยนต์คันพิพาทได้เสียหายอะไรบ้าง ประมาณค่าเสียหายรวมกันเป็นเงินจำนวนหนึ่งดังรายการเอกสารท้ายฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรค 2 โดยไม่จำต้องกล่าวว่าเสียหายรายการใด ราคาเท่าใด เพราะเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา
จำเลยเป็นบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจการโรงแรม โจทก์ที่ 1 ได้มาพักโรงแรมจำเลย และนำรถยนต์คันพิพาทที่ยืมโจทก์ที่ 2 มาจอดไว้ในบริเวณโรงแรม แล้วเกิดเสียหายขึ้น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มาปรับแก่คดีมิใช่เป็นเรื่องฝากทรัพย์ตามธรรมดาทั่วไป จำเลยต้องรับผิดต่อเจ้าของรถ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่
จำเลยนำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ใช้ลูกจ้างจำเลยช่วยขับรถยนต์คันพิพาทไปเติมน้ำมันแต่ตามคำให้การจำเลยมิได้กล่าวไว้ให้ชัดแจ้งที่จำเลยนำสืบ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แม้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยสืบพยานมา ก็หาก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อต่อสู้ขึ้นไม่ และไม่อาจนำพยานจำเลยไม่ถูกต้องนี้มาวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยเป็นบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจการโรงแรม โจทก์ที่ 1 ได้มาพักโรงแรมจำเลย และนำรถยนต์คันพิพาทที่ยืมโจทก์ที่ 2 มาจอดไว้ในบริเวณโรงแรม แล้วเกิดเสียหายขึ้น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มาปรับแก่คดีมิใช่เป็นเรื่องฝากทรัพย์ตามธรรมดาทั่วไป จำเลยต้องรับผิดต่อเจ้าของรถ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่
จำเลยนำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ใช้ลูกจ้างจำเลยช่วยขับรถยนต์คันพิพาทไปเติมน้ำมันแต่ตามคำให้การจำเลยมิได้กล่าวไว้ให้ชัดแจ้งที่จำเลยนำสืบ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แม้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยสืบพยานมา ก็หาก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อต่อสู้ขึ้นไม่ และไม่อาจนำพยานจำเลยไม่ถูกต้องนี้มาวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อทรัพย์สินของลูกค้า: รถจักรยานยนต์ไม่ใช่ 'ของมีค่า' ตามกฎหมาย
คำว่า 'ของมีค่า' ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง นั้นหมายถึงทรัพย์สินที่มีคุณค่าอันมีลักษณะพิเศษทำนองเดียวกับเงินทองตรา ธนบัตร ตั๋วเงิน ฯลฯ แต่รถจักรยานยนต์เป็นเพียงทรัพย์สินตามธรรมดาทั่วๆ ไป จึงถือไม่ได้ว่าเป็นของมีค่าตามบทบัญญัติดังกล่าว ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้ฝากรถจักรยานยนต์ไว้กับพนักงานโรงแรมของจำเลย แล้วรถจักรยานยนต์ดังกล่าวหายไป จำเลยเป็นเจ้าสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดตามมาตรา 674,675 วรรคหนึ่ง จะรับผิดเพียง 500 บาทตามมาตรา 675 วรรคสองไม่ได้
ศาลชั้นต้นฟังว่า รถจักรยานยนต์หายไปโดยมิใช่ความผิดของโจทก์ พิพากษาให้จำเลยใช้ราคารถจักรยานยนต์ 12,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่าโจทก์นำรถจักรยานยนต์เข้าเก็บในโรงแรมโดยไม่ใส่กุญแจรถเป็นความผิดของโจทก์ดังนี้เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นฟังว่า รถจักรยานยนต์หายไปโดยมิใช่ความผิดของโจทก์ พิพากษาให้จำเลยใช้ราคารถจักรยานยนต์ 12,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่าโจทก์นำรถจักรยานยนต์เข้าเก็บในโรงแรมโดยไม่ใส่กุญแจรถเป็นความผิดของโจทก์ดังนี้เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย