พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,234 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8207/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผ่อนชำระหนี้ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ หากไม่มีการระงับข้อพิพาทเดิมและก่อให้เกิดสิทธิใหม่
สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีลักษณะเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่เดิมและทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามสัญญาขึ้นใหม่ ข้อความในหนังสือสัญญาผ่อนชำระหนี้ของจำเลยทั้งสองที่มีใจความว่า จำเลยที่ 2 ยินยอมชำระเงินค่าผิดสัญญาลาศึกษาของจำเลยที่ 1 โดยขอผ่อนชำระเป็นรายเดือนอัตราเดือนละ 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีนั้น เป็นการยอมรับผิดใช้ทุนการศึกษาซึ่งเป็นหนี้ที่จำเลยที่ 2 ค้ำประกันไว้เดิม โดยใช้วิธีชำระครั้งแรกครึ่งหนึ่งและขอผ่อนชำระอีกครึ่งหนึ่ง ไม่มีข้อความระงับข้อพิพาทที่มีอยู่เดิมเพื่อก่อให้ได้สิทธิขึ้นใหม่ จึงไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8207/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผ่อนชำระหนี้ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ หากไม่มีการระงับข้อพิพาทเดิมและก่อให้เกิดสิทธิใหม่
จำเลยที่1ทำสัญญาขอรับทุนและลาไปศึกษาต่อต่างประเทศต่อมาผิดสัญญาโจทก์ได้นำเงินบำเหน็จของจำเลยที่1ชดใช้หนี้บางส่วนแล้วแจ้งให้จำเลยที่2ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ส่วนที่ค้างจำเลยที่2ชำระเพียงครึ่งเดียวอีกครึ่งหนึ่งทำสัญญาผ่อนชำระหนี้มีใจความว่าจำเลยที่2ยินยอมชำระเงินค่าผิดสัญญาลาศึกษาของจำเลยที่1โดยขอผ่อนชำระเป็นรายเดือนอัตราเดือนละ5,000บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ15ต่อปีหนังสือดังกล่าวเป็นการยอมรับผิดใช้ทุนการศึกษาซึ่งเป็นหนี้ที่จำเลยที่2ค้ำประกันไว้เดิมไม่มีข้อความระงับข้อพิพาทที่มีอยู่เดิมเพื่อก่อให้ได้สิทธิขึ้นใหม่แต่อย่างใดจึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7026/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความระงับมูลหนี้ละเมิด นายจ้างหลุดพ้นความรับผิด
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ของโจทก์ โจทก์จำเลยที่ 1 ได้ตกลง กันซึ่งพนักงานสอบสวนได้บันทึกไว้มีใจความว่า จำเลยที่ 1ยอมรับผิดและยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย โดยจะนำรถของโจทก์ไป ซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเดิมและใช้การได้ โดยจะนำไปซ่อมที่ อู่ ช. คู่กรณีตกลงและไม่ติดใจค่าเสียหายอื่นอีก โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ข้อตกลง ดังกล่าวเป็นสัญญาซึ่งโจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงระงับข้อพิพาท ที่โจทก์จะเรียกค่าเสียหายในการซ่อมรถยนต์ของโจทก์ ค่าเสียหายอื่นอันเกิดจากการกระทำละเมิดซึ่งมีอยู่ในขณะนั้น จากจำเลยที่ 1 ให้เสร็จไปด้วยการผ่อนผันให้แก่กัน โดยโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 นำรถไปซ่อมแซมที่อู่ ช. ให้อยู่ในสภาพเดิมแทนการเรียกค่าเสียหายเป็นตัวเงินและจำเลยที่ 1 ตกลงซ่อมแซม ให้ จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 มีผลให้มูลหนี้ละเมิดระงับสิ้นไป ทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาตามมาตรา 852 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อโจทก์ และเมื่อมูลหนี้ละเมิดระงับ จำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 จึงหลุดพ้นความรับผิดไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6896/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมจากอุบัติเหตุรถแข่ง: ลูกหนี้ร่วม, ประนีประนอม, ค่าเสียหาย
การที่รถยนต์โดยสารทั้งสองคันวิ่งแข่งกันมาและต่างชนโจทก์นั้นแม้จะเป็นกรณีต่างคนต่างประมาทเลินเล่อก็ตาม แต่ความประมาทเลินเล่อของคนขับรถทั้งสองไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นต่อโจทก์ คนขับรถทั้งสองจึงต้องร่วมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม โดยคนขับรถทั้งสองหรือคนใดคนหนึ่งต้องรับผิดต่อโจทก์เต็มจำนวน
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์โดยสารทั้งสองคันที่ก่อเหตุร่วมกับจำเลยที่ 1 ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันในรถยนต์โดยสารทั้งสองคันดังกล่าวต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ในฐานะลูกหนี้ร่วมในจำนวนค่าเสียหายเป็นเงิน 730,000 บาท แต่เนื่องจากโจทก์ จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3ได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโจทก์ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นเงิน 60,000 บาทส่วนค่าเสียหายที่เหลือโจทก์ยังติดใจเรียกร้องจากจำเลยอื่นอีก สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงมีเพียง 60,000 บาทคงเหลือส่วนที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์จำนวนเงิน 670,000 บาท
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์โดยสารทั้งสองคันที่ก่อเหตุร่วมกับจำเลยที่ 1 ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันในรถยนต์โดยสารทั้งสองคันดังกล่าวต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ในฐานะลูกหนี้ร่วมในจำนวนค่าเสียหายเป็นเงิน 730,000 บาท แต่เนื่องจากโจทก์ จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3ได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโจทก์ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นเงิน 60,000 บาทส่วนค่าเสียหายที่เหลือโจทก์ยังติดใจเรียกร้องจากจำเลยอื่นอีก สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงมีเพียง 60,000 บาทคงเหลือส่วนที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์จำนวนเงิน 670,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6848/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันลูกหนี้ร่วมชำระหนี้จริง ไม่เป็นหนี้สมยอม
ลูกหนี้และบริษัท ส.ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับเจ้าหนี้โดยยอมรับผิดร่วมกันชำระเงินแก่เจ้าหนี้ ไม่ว่าลูกหนี้จะต้องรับผิดตามเช็คมูลหนี้เดิมเป็นส่วนตัวหรือไม่ก็ตาม การที่ลูกหนี้ยินยอมระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ดังกล่าวรวมทั้งคดีอาญาข้อหาความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คซึ่งลูกหนี้และบริษัทถูกเจ้าหนี้ฟ้องอยู่ทั้งเพื่อประสงค์ให้เจ้าหนี้ลดยอดหนี้ให้แก่ลูกหนี้และบริษัท ส. โดยยอมตนเข้าผูกพันทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระเงินแก่เจ้าหนี้ร่วมกับบริษัท ส.เช่นนี้ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 852 ซึ่งหมายความว่าลูกหนี้กับบริษัท ส.มีหน้าที่ที่จะต้องร่วมกันชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความแก่เจ้าหนี้ ถือว่าลูกหนี้มีความผูกพันที่ต้องชำระหนี้ที่มีอยู่จริงแก่เจ้าหนี้ หาใช่เป็นหนี้สมยอมโดยปราศจากมูลหนี้ซึ่งต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94ไม่ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6848/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันลูกหนี้ร่วม แม้ไม่มีหนี้ส่วนตัว เจ้าหนี้มีสิทธิรับชำระหนี้จากทรัพย์สินลูกหนี้
ลูกหนี้และบริษัทส.ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับเจ้าหนี้โดยยอมรับผิดร่วมกันชำระเงินแก่เจ้าหนี้ไม่ว่าลูกหนี้จะต้องรับผิดตามเช็คมูลหนี้เดิมเป็นส่วนตัวหรือไม่ก็ตามการที่ลูกหนี้ยินยอมระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ดังกล่าวรวมทั้งคดีอาญาข้อหาความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คซึ่งลูกหนี้และบริษัทถูกเจ้าหนี้ฟ้องอยู่ทั้งเพื่อประสงค์ให้เจ้าหนี้ลดยอดหนี้ให้แก่ลูกหนี้และบริษัทส.โดยยอมตนเข้าผูกพันทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระเงินแก่เจ้าหนี้ร่วมกับบริษัทส.เช่นนี้ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปและทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา852ซึ่งหมายความว่าลูกหนี้กับบริษัทส.มีหน้าที่ที่จะต้องร่วมกันชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความแก่เจ้าหนี้ถือว่าลูกหนี้มีความผูกพันที่ต้องชำระหนี้ที่มีอยู่จริงแก่เจ้าหนี้หาใช่เป็นหนี้สมยอมโดยปราศจากมูลหนี้ซึ่งต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา94ไม่เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6163/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันตามข้อตกลงที่สามีทำแทนภรรยา: ตัวแทนเชิด vs. ตัวแทนตามสัญญา
จำเลยมอบหมายให้สามีจำเลยทำข้อตกลงกับโจทก์เกี่ยวกับทางพิพาท การที่จำเลยยอมให้สามีจำเลยแสดงออกว่า เป็นตัวแทนของจำเลยทำข้อตกลงกับโจทก์เป็นเรื่องตัวแทนเชิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ที่จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้นแม้จำเลยจะมิได้มีหนังสือตั้งให้สามีจำเลยไปทำข้อตกลงกับโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นตัวการก็ต้องผูกพันตามบันทึกข้อตกลงที่สามีจำเลยทำกับโจทก์ให้โจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6163/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบหมายให้ผู้อื่นทำข้อตกลง ทางภารจำยอม ตัวแทนเชิด และผลผูกพันตามสัญญา
จำเลยมอบหมายให้สามีจำเลยทำข้อตกลงกับโจทก์เกี่ยวกับทางพิพาทการที่จำเลยยอมให้สามีจำเลยแสดงออกว่าเป็นตัวแทนของจำเลยทำข้อตกลงกับโจทก์เป็นเรื่องตัวแทนเชิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา821ไม่อยู่ในบังคับมาตรา798ที่จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือฉะนั้นแม้จำเลยจะมิได้มีหนังสือตั้งให้สามีจำเลยไปทำข้อตกลงกับโจทก์จำเลยซึ่งเป็นตัวการก็ต้องผูกพันตามบันทึกข้อตกลงที่สามีจำเลยทำกับโจทก์ให้โจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6029/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้เช็คและการผ่อนชำระหนี้ตามข้อตกลงในคดีอาญา ไม่ถือเป็นการระงับหนี้สัญญา
จำเลยที่1สั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมต่อมาโจทก์นำเช็คฉบับดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่2เป็นคดีอาญาการที่โจทก์จำเลยที่1ตกลงกันในคดีดังกล่าวว่าจำเลยที่1ยอมชำระหนี้แก่โจทก์เป็นงวดๆและเมื่อจำเลยที่1ชำระหนี้ครบถ้วนแล้วโจทก์จะถอนฟ้องนั้นข้อตกลงดังกล่าวหาได้ระงับข้อพิพาทที่เกิดให้เสร็จสิ้นไปทีเดียวยังมีเงื่อนไขว่าให้จำเลยที่1ชำระหนี้จนครบถ้วนเสียก่อนโจทก์จึงจะถอนฟ้องให้ข้อตกลงหาใช่สัญญาประนีประนอมยอมความอันจะเป็นเหตุให้หนี้ตามสัญญากู้ระงับไม่ จำเลยที่1ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์2ฉบับแต่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เพียงบางส่วนเมื่อไม่ปรากฎว่าเป็นการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับใดต้องถือว่าจำเลยที่1ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับแรกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6029/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงชำระหนี้เป็นงวดๆ ไม่ถือเป็นสัญญาประนีประนอม-ยอมความ การชำระหนี้บางส่วนยึดตามสัญญากู้ฉบับแรก
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมต่อมาโจทก์นำเช็คฉบับดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีอาญา การที่โจทก์จำเลยที่ 1 ตกลงกันในคดีดังกล่าวว่า จำเลยที่ 1 ยอมชำระหนี้แก่โจทก์เป็นงวด ๆและเมื่อจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว โจทก์จะถอนฟ้องนั้น ข้อตกลงดังกล่าวหาได้ระงับข้อพิพาทที่เกิดให้เสร็จสิ้นไปทีเดียว ยังมีเงื่อนไขว่าให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้จนครบถ้วนเสียก่อน โจทก์จึงจะถอนฟ้องให้ ข้อตกลงหาใช่สัญญาประนีประนอม-ยอมความอันจะเป็นเหตุให้หนี้ตามสัญญากู้ระงับไม่
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ 2 ฉบับ แต่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เพียงบางส่วน เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับใดต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับแรกตาม ป.พ.พ. มาตรา 328วรรคสอง
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ 2 ฉบับ แต่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เพียงบางส่วน เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับใดต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับแรกตาม ป.พ.พ. มาตรา 328วรรคสอง