พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,234 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3746/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับในสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลมีอำนาจลดจำนวนลงให้เหมาะสมกับความเสียหายที่แท้จริงได้
หลังจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ชนเสาอากาศวิทยุของโจทก์เสียหายเป็นเงิน 35,752 บาทแล้ว จำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์มีข้อความสรุปได้ว่าจำเลยทั้งสองตกลงจะซ่อมแซมและติดตั้งเสาอากาศวิทยุและอุปกรณ์วิทยุให้ถูกต้องสามารถใช้การได้ดี แข็งแรงได้มาตรฐานของทางราชการให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 20 วันนับตั้งแต่วันทำสัญญา ถ้าจำเลยทั้งสองผิดสัญญายอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน 90,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันผิดสัญญาจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าเสียหายจำนวน 90,000 บาทตามหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงกันไว้นั้น เป็นค่าเสียหายที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ล่วงหน้าจึงเป็นเบี้ยปรับตามมาตรา 379 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และเบี้ยปรับนั้นแม้จะได้กำหนดกันไว้ในสัญญา แต่ก็มิได้บังคับไว้โดยเด็ดขาดว่าจะต้องให้เป็นไปตามนั้น ศาลมีอำนาจลดเบี้ยปรับลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามมาตรา 383 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2146/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน การบังคับคดี และข้อตกลงเพิ่มเติม
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความเพียงว่า จำเลยยอมชำระหนี้จากกองมรดกของผู้ตายให้โจทก์ ถ้าผิดนัดให้โจทก์ยึดทรัพย์จำนองตามฟ้องและทรัพย์สินอื่นของผู้ตายขายทอดตลาดเอาเงินใช้หนี้โจทก์จนครบเท่านั้น จำเลยจะฎีกาว่า หลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์แล้ว โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบจำนวนหาได้ไม่ เพราะเป็นข้อตกลงที่มิได้มีในสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมเฉพาะทางอาญา ไม่กระทบสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอาญาบันทึกไว้เพียงว่า โจทก์ได้รับเงิน 10,000 บาท จากจำเลยที่ 1 เพื่อบรรเทาความเสียหายจนเป็นที่พอใจแล้ว ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทางอาญาแก่จำเลยที่ 1ต่อไปเป็นบันทึกว่าโจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 ต่อไปเฉพาะในทางอาญาเท่านั้น มิใช่ตกลงระงับข้อพิพาททางแพ่งไม่ทำให้หนี้ละเมิดระงับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน: สิทธิในการเรียกร้องเงินส่วนเกิน
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาล โดยจำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่จำนองให้โจทก์ เมื่อจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาแล้ว แม้ภายหลังโจทก์ขายที่ดินดังกล่าวให้บุคคลอื่นได้ราคาสูงกว่าจำนวนหนี้ที่จำเลยค้างชำระ จำเลยจะขอให้โจทก์คืนเงินค่าที่ดินส่วนที่เกินจำนวนหนี้แก่จำเลยไม่ได้เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 732 ใช้บังคับเฉพาะกรณีขายทอดตลาดบังคับจำนอง ไม่ใช้บังคับกรณีทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดตามสัญญาประนีประนอมจากตัวแทนเชิด แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3หรือไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกา โจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 3 เชิดจำเลยที่ 4ให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 3 ได้เชิดจำเลยที่ 4 อย่างไร เพราะสามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างของบริษัทจำเลยที่ 1 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกจ้างฝ่ายตรวจสอบอุบัติเหตุของจำเลยที่ 3 ร่วมกันเจรจาและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ณ สำนักงานของจำเลยที่ 3ประกอบกับการที่จำเลยที่ 1 และทนายความของจำเลยที่ 3 ยอมรับผิดตามหนังสือของโจทก์ที่ขอให้ชำระหนี้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เห็นชอบในการทำสัญญา-ประนีประนอมยอมความด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 รู้อยู่แล้วยอมให้จำเลย-ที่ 3 และที่ 4 เชิดตัวเขาเองออกเป็นตัวแทน จำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อมิใช่เป็นเรื่องการตั้งตัวแทนไปทำสัญญาประนีประนอมยอม-ความกันตามปกติแต่เป็นเรื่องตัวแทนเชิด จึงหาจำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนแต่อย่างใดไม่
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างของบริษัทจำเลยที่ 1 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกจ้างฝ่ายตรวจสอบอุบัติเหตุของจำเลยที่ 3 ร่วมกันเจรจาและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ณ สำนักงานของจำเลยที่ 3ประกอบกับการที่จำเลยที่ 1 และทนายความของจำเลยที่ 3 ยอมรับผิดตามหนังสือของโจทก์ที่ขอให้ชำระหนี้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เห็นชอบในการทำสัญญา-ประนีประนอมยอมความด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 รู้อยู่แล้วยอมให้จำเลย-ที่ 3 และที่ 4 เชิดตัวเขาเองออกเป็นตัวแทน จำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อมิใช่เป็นเรื่องการตั้งตัวแทนไปทำสัญญาประนีประนอมยอม-ความกันตามปกติแต่เป็นเรื่องตัวแทนเชิด จึงหาจำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด: สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันจำเลย แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นบริษัทจำกัดโดยจำเลยที่ 3 เป็นบริษัทรับประกันวินาศภัยจากจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 ได้ตอกเสาเข็มฐานรากอาคารของจำเลยที่ 1 ทำให้บ้านโจทก์ได้รับความเสียหาย ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2จำเลยที่ 3 ได้เชิดจำเลยที่ 4 ให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 800,000 บาท ได้ชำระไปบางส่วนยังค้างชำระอยู่ 320,000 บาท ขอให้จำเลยทั้งสี่ชำระค่าเสียหายที่ค้างชำระดังกล่าว เป็นคำฟ้องที่บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาพร้อมคำขอบังคับทั้งได้อ้างอิงสิทธิซึ่งเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ไม่จำเป็นต้องบรรยายถึงพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 3ได้เชิดจำเลยที่ 4 อย่างไร เพราะข้อเท็จจริงดังกล่าวสามารถนำสืบในชั้นพิจารณาคดีได้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม จำเลยที่ 1 กับที่ 3 มิได้ตั้งจำเลยที่ 2 กับที่ 4 เป็นตัวแทนไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ตามปกติ แต่เป็นเรื่องตัวแทนเชิด จึงไม่จำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด: สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันจำเลย แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ
โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 3 ได้เชิดจำเลยที่ 4 อย่างไร เพราะเป็นข้อที่สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องจึงไม่เคลือบคลุม การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างของบริษัทจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นลูกจ้างฝ่ายตรวจสอบอุบัติเหตุ ของจำเลยที่ 3 ร่วมกันเจรจาและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ โจทก์ณ สำนักงานของจำเลยที่ 3 ประกอบกับการที่ทนายของจำเลย ที่ 3กับจำเลยที่ 1 ยอมรับผิดตามหนังสือของโจทก์ที่ขอให้ ชำระหนี้ จึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เห็นชอบในการทำ สัญญาประนีประนอมยอมความด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 รู้อยู่แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 และที่ 4 เชิดตัวเขาเองออกเป็นตัวแทน จำเลยที่ 1 และที่ 3จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญา ประนีประนอมยอมความ เมื่อมิใช่เป็นเรื่องตั้งตัวแทนไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความ กันตามปกติ แต่เป็นเรื่องตัวแทนเชิด จึงหาจำต้องมีหนังสือมอบอำนาจ ให้กระทำแทนแต่อย่างใดไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด: การรับผิดตามสัญญาประนีประนอม แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3หรือไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกา โจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 3 เชิดจำเลยที่ 4 ให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 3 ได้เชิดจำเลยที่ 4 อย่างไร เพราะสามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างของบริษัทจำเลยที่ 1 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกจ้างฝ่ายตรวจสอบอุบัติเหตุของจำเลยที่ 3 ร่วมกันเจรจาและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ณ สำนักงานของจำเลยที่ 3 ประกอบกับการที่จำเลยที่ 1และทนายความของจำเลยที่ 3 ยอมรับผิดตามหนังสือของโจทก์ที่ขอให้ชำระหนี้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เห็นชอบในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3รู้อยู่แล้วยอมให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 เชิดตัวเขาเองออกเป็นตัวแทน จำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อมิใช่เป็นเรื่องการตั้งตัวแทนไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันตามปกติแต่เป็นเรื่องตัวแทนเชิด จึงหาจำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6232/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนัดหยุดงานที่ผิดกฎหมายแต่มีการตกลงประนีประนอม ทำให้ไม่อาจเลิกจ้างได้
การนัดหยุดงานของผู้คัดค้านในระหว่างที่ผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างกำลังปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมอยู่ เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 34(2) จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่หลังจากที่ได้หยุดงานแล้ว สหภาพแรงงานกับผู้ร้องตกลงกันได้และทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างใหม่ โดยผู้ร้องตกลงไม่กลั่นแกล้งพนักงานทุกคนที่นัดหยุดงาน อันมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือได้ว่าผู้ร้องจะไม่เอาเหตุที่ผู้คัดค้านได้นัดหยุดงานนั้นเป็นเหตุเลิกจ้างผู้คัดค้าน ดังนี้ผู้ร้องจึงไม่มีเหตุสมควรจะเลิกจ้างผู้คัดค้าน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5828/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขัดแย้งกับสัญญาประนีประนอมยอมความ การยึดทรัพย์โดยมิชอบ
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่าที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดี ยึดมาใน คดี นี้เป็นของผู้ร้อง ต่อมาโจทก์และผู้ร้องทำสัญญา ประนีประนอม ยอมความและศาลพิพากษาตามยอมให้ผู้ร้องชำระเงิน แก่ โจทก์ หาก ผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดียึดที่ดินดังกล่าว และทรัพย์อื่น ๆ ของผู้ร้องโจทก์และผู้ร้องได้ลงชื่อในสัญญา ประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลจึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ เมื่อ ผู้ร้องผิดสัญญาโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ยึดทรัพย์ดังที่ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความมาบังคับคดีได้ แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอและศาลได้ออกหมายบังคับคดีแต่อย่างใด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ตามคำสั่งศาล ที่ยึดไว้ซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการบังคับคดีตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ถือได้ว่าเป็นการยึดและขายทอดตลาด ทรัพย์โดยมิได้ออกหมายบังคับคดีจึงเป็นการมิชอบ ปัญหาดังกล่าว เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้เอง.