คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 850

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,234 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3038/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินที่ไม่ได้จดทะเบียนตกเป็นโมฆะ แม้มีเจตนาซื้อขายและมีบันทึกการไกล่เกลี่ย
โจทก์และ ม. เอาที่ดินพิพาทไปขายฝากไว้กับจำเลยแล้วไม่ไถ่คืนตามกำหนดระยะเวลาในสัญญาที่ดินพิพาทตกเป็นของจำเลยโดยเด็ดขาดเป็นเรื่องการทำนิติกรรมขายฝากที่ดินโดยทั่วไป มิได้ก่อให้เกิดกรณีพิพาทระหว่างโจทก์ ม. และจำเลย การที่โจทก์ไปร้องทุกข์ต่อสำนักนายยกรัฐมนตรีขอให้ทางราชการไกล่เกลี่ยให้จำเลยขายที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์ นายอำเภอจึงทำการไกล่เกลี่ยตามคำร้องทุกข์ของโจทก์ ก็มิใช่กรณีพิพาทระหว่างโจทก์จำเลย เพราะจำเลยไม่มีเรื่องอะไรที่จะพิพาทกับโจทก์แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ต้องการซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยโดยขอให้ทางราชการช่วย ไกล่เกลี่ยให้ ทั้งให้บันทึกคำเปรียบเทียบของนายอำเภอ ก็ไม่มีข้อความระบุว่านายอำเภอไกล่เกลี่ยเนื่องจากมีข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลย และเป็นการไกล่เกลี่ยเพื่อระงับข้อพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 ดังนี้จึงไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ แม้จำเลยจะลงลายมือชื่อในเอกสารก็ไม่มีความผูกพันที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงในเอกสารดังกล่าว เอกสารนั้นมีข้อความเพียงว่า จำเลยตกลงขายที่ดินพิพาทคืนให้โจทก์ในราคา 30,000 บาท ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าโจทก์จำเลยจะชำระเงิน และไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเมื่อไร ข้อตกลงของโจทก์จำเลยดังกล่าวจึงมิใช่สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท แต่เป็นสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทเสร็จเด็ดขาด เมื่อทรัพย์ที่ซื้อขายเป็นที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์จำเลย จึงตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคแรก จำเลยจึงไม่มีความผูกพันที่จะต้องขายที่ดินพิพาทให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2017/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงทางภารจำยอมมีผลผูกพัน แม้จำเลยจะถอนข้อตกลงในภายหลัง โจทก์ไม่ต้องถอนตาม
โจทก์ จำเลย และ ช. ได้ แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เป็นส่วนสัดของแต่ ละคน และได้ ทำบันทึกตกลง กันต่อ เจ้าพนักงานที่ดินว่าไปจดทะเบียนทางภารจำยอมหลังจากได้ รับโฉนด ที่ดินแล้ว บันทึกข้อตกลงดังกล่าวใช้ บังคับได้ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยได้ ถอน ข้อตกลงนั้น แต่ โจทก์ไม่ได้ถอน ด้วย ดังนี้ โจทก์ จำเลยต้อง ผูกพันตาม บันทึกข้อตกลงดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับในสัญญาประนีประนอมยอมความสูงเกินไป ศาลแรงงานมีอำนาจลดจำนวนได้ตามกฎหมาย
สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยซึ่งมีข้อความว่า จำเลยตกลงกลับเข้าทำงานให้แก่โจทก์มีกำหนดเวลา 3 เท่าของเวลาที่ลาไปศึกษา หากจำเลยผิดสัญญาทำงานไม่ครบตามกำหนดเวลาเนื่องจากความผิดของจำเลย จำเลยจะชดใช้เงินจำนวน 285,750.19 บาท และ 53,559.89 เหรียญสหรัฐอเมริกาพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่ผิดสัญญาให้แก่โจทก์ ข้อตกลงที่จะชดใช้เงินดังกล่าวย่อมเป็นเบี้ยปรับ เมื่อจำเลยผิดสัญญาและศาลแรงงานกลางเห็นว่าเบี้ยปรับสูงเกินไปก็ย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับในสัญญาประนีประนอมยอมความสูงเกินไป ศาลแรงงานมีอำนาจลดจำนวนได้
สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยซึ่งมีข้อความว่า จำเลยตกลงกลับเข้าทำงานให้แก่โจทก์มีกำหนดเวลา 3 เท่าของเวลาที่ลาไปศึกษา หากจำเลยผิดสัญญาทำงานไม่ครบตามกำหนดเวลาเนื่องจากความผิดของจำเลย จำเลยจะชดใช้เงินจำนวน 285,750.19 บาท และ 53,559.89 เหรียญสหรัฐอเมริกาพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่ผิดสัญญาให้แก่โจทก์ ข้อตกลงที่จะชดใช้เงินดังกล่าวย่อมเป็นเบี้ยปรับ เมื่อจำเลยผิดสัญญาและศาลแรงงานกลางเห็นว่าเบี้ยปรับสูงเกินไปก็ย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับในสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลมีอำนาจลดจำนวนลงได้หากสูงเกินไป
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งมีข้อความว่า จำเลยตกลงกลับเข้าทำงานให้แก่โจทก์มีกำหนดเวลา 3 เท่าของเวลาที่ลาไปศึกษา หากจำเลยผิดสัญญาทำงานไม่ครบตามกำหนดเวลาเนื่องจากความผิดของจำเลย จำเลยจะชดใช้เงินจำนวน 285,750.19 บาทและ 52,559.89 เหรียญสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่ผิดสัญญาให้แก่โจทก์ ข้อตกลงที่จะชดใช้เงินดังกล่าวย่อมเป็นเบี้ยปรับ เมื่อจำเลยผิดสัญญาและศาลแรงงานกลางเห็นว่าเบี้ยปรับสูงเกินไปก็ย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การชำระหนี้แชร์และการคิดดอกเบี้ย
โจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 1 เปียแชร์ไปชำระค่าเสียหายที่โจทก์ที่ 2 ทำละเมิดต่อบุตรจำเลย และโจทก์จะเป็นผู้ส่งเงินแชร์แทนข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าเสียหายที่โจทก์ที่ 2 ก่อขึ้น จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด จึงไม่อาจบังคับตามข้อตกลงดังกล่าวได้ จำเลยต้องชำระเงินแชร์ที่โจทก์ทั้งสองออกแทนไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาต่างตอบแทน การค้างชำระภาษีรถยนต์เป็นค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ คู่สัญญาไม่ชำระหนี้ได้
เหตุขัดข้องที่ทำให้ไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์กันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองเนื่องมาจากการค้างชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปี เมื่อตามสัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมค่าอากรแสตมป์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งหมด ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีที่ค้างชำระดังกล่าวจึงเป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามที่ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชอบจำเลยทั้งสองจะถือเป็นเหตุไม่ชำระหนี้แก่โจทก์และขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทน: ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เป็นภาระของจำเลย แม้มีเหตุขัดข้อง
เหตุขัดข้องที่ทำให้ไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์กันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง เนื่องมาจากการ ค้าง ชำระค่าภาษีรถยนต์ประจำปี เมื่อตามสัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งหมด ค่าภาษีรถยนต์ประจำปีที่ค้างชำระดังกล่าวจึงเป็นค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามที่ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชอบ จำเลยทั้งสองจะถือเป็นเหตุไม่ชำระหนี้แก่โจทก์และขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้คดีอาญาไม่พบผู้กระทำผิด
บันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอมีข้อความว่า "จำเลยเผาป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ ยางพาราเสียหาย 1,211 ต้น โจทก์คิดค่าเสียหาย 250,000 บาท จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวภายใน 70 วัน และจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ถือเป็นข้อตกลงที่โจทก์และจำเลยระงับข้อพิพาทเรื่องไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไปจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีผลผูกพันโจทก์และจำเลย แม้ต่อมาจะปรากฏว่าคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยจุดไฟเผาหญ้าโดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตามโจทก์จำเลยก็ยังคงต้องผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้คดีอาญาไม่พบผู้กระทำผิด
บันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอมีข้อความว่า จำเลยเผาป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ ยางพาราเสียหาย 1,211 ต้นโจทก์คิดค่าเสียหาย 250,000 บาท จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวภายใน 70 วัน และจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ถือเป็นข้อตกลงที่โจทก์และจำเลยระงับข้อพิพาทเรื่องไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไปจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีผลผูกพันโจทก์และจำเลยแม้ต่อมาจะปรากฏว่าคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยจุดไฟเผาหญ้าโดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตามโจทก์จำเลยก็ยังคงต้องผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
of 124