พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,234 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเรื่องมรดก: ผลผูกพันและขอบเขตการเรียกร้อง
โจทก์จำเลยได้เจรจากันเรื่องทรัพย์มรดกของบิดามารดา ฝ่ายจำเลยเสนอให้โคแก่โจทก์ 3 ตัว เท่านั้น ฝ่ายโจทก์ยืนยันจะขอแบ่งที่นาด้วยและโจทก์จำเลยลงชื่อไว้ในบันทึกเช่นนี้ ถือว่าบันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ที่ดิน เมื่อโจทก์ได้รับโคไป 3 ตัว ตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอแบ่งทรัพย์สินอื่นจากจำเลยได้ เว้นแต่ที่ดินซึ่งเดิมเป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดา และบ้านซึ่งเป็นส่วนควบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ขอบเขตและผลผูกพัน
โจทก์จำเลยได้ เจรจากันเรื่องทรัพย์มรดกของบิดามารดา ฝ่ายจำเลยเสนอให้โคแก่โจทก์ 3 ตัว เท่านั้น ฝ่ายโจทก์ยืนยันจะขอแบ่งที่นาด้วยและโจทก์จำเลยลงชื่อไว้ในบันทึกเช่นนี้ ถือว่าบันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ที่ดิน เมื่อโจทก์ได้รับโคไป 3 ตัว ตาม ข้อตกลงดังกล่าวแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอแบ่งทรัพย์สินอื่นจากจำเลยได้ เว้นแต่ที่ดินซึ่ง เดิม เป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดา และบ้านซึ่ง เป็นส่วนควบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและการผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดเวลา
สัญญาประนีประนอมยอมความมีสาระสำคัญว่า จำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์งวดละ 10,000 บาท งวดแรกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2530และงวดต่อไปทุก ๆ 3 เดือน จนกว่าจะครบหนี้ ผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดถือว่าผิดนัดทั้งหมด ดังนี้ การนับระยะเวลาตามที่กำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความจะต้องคำนวณตามปฏิทินในราชการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 159 ดังนั้น การชำระหนี้งวดที่ 2 จึงครบกำหนดชำระวันที่ 1 พฤษภาคม 2530 และงวดที่ 3ครบกำหนดวันที่ 1 สิงหาคม 2530 การที่จำเลยนำเงินงวดที่ 3 ไปชำระให้โจทก์เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2530 เป็นการเลยกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้ เป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ และถือว่าเป็นการผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสองโจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดีได้ จำเลยอ้างว่า โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยชำระไม่ตรงวันที่1 ของเดือนก็ได้ แต่ไม่ให้ข้ามงวด โจทก์ว่าไม่เป็นความจริงเมื่อโจทก์ไม่ยอมรับว่ามีข้อตกลงกันดังที่จำเลยอ้าง ศาลต้องถือตามที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ การนับระยะเวลาตามปฏิทินราชการ
สัญญาประนีประนอมยอมความมีสาระสำคัญว่า จำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์งวดละ 10,000 บาท งวดแรกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2530 และงวดต่อไปทุก ๆ 3 เดือน จนกว่าจะครบหนี้ ผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดถือว่าผิดนัดทั้งหมด ดังนี้การนับระยะเวลาตามที่กำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความจะต้องคำนวณตามปฏิทินในราชการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 159 ดังนั้น การชำระหนี้งวดที่ 2 จึงครบกำหนดชำระวันที่ 1 พฤษภาคม 2530 และงวดที่ 3 ครบกำหนดวันที่ 1 สิงหาคม 2530 การที่จำเลยนำเงินงวดที่ 3 ไปชำระให้โจทก์เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2530 เป็นการเลยกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้ เป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ และถือว่าเป็นการผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง โจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดีได้
จำเลยอ้างว่า โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยชำระไม่ตรงวันที่ 1 ของเดือนก็ได้ แต่ไม่ให้ข้ามงวด โจทก์ว่าไม่เป็นความจริง เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับว่ามีข้อตกลงกันดังที่จำเลยอ้าง ศาลต้องถือตามที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยอ้างว่า โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยชำระไม่ตรงวันที่ 1 ของเดือนก็ได้ แต่ไม่ให้ข้ามงวด โจทก์ว่าไม่เป็นความจริง เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับว่ามีข้อตกลงกันดังที่จำเลยอ้าง ศาลต้องถือตามที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
นับแต่ศาลนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยครั้งแรกเป็นเวลา 6 เดือนเศษจำเลยนำพยานเข้าสืบได้เพียง 3 ปาก และจำเลยขอเลื่อนไปสืบพยานต่อ ถึงวันนัดจำเลยแถลงว่านางสาว ด. พยานจำเลยป่วยขอเลื่อน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปอีกนัดหนึ่ง ถึงวันนัดจำเลยมิได้นำนางสาว ด. ไปศาลเพื่อให้ศาลทำการสืบพยานปากนี้ ทั้งมิได้แถลงเกี่ยวกับพยานที่จะนำเข้าสืบในวันนั้นแต่อย่างใด พฤติการณ์ถือว่าจำเลยประวิงคดี ศาลชอบที่จะงดสืบพยานจำเลยได้ เมื่อศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ได้ไปยื่นคำร้องขอโอนกิจการโรงงานให้จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่จำเลยไม่ยอมชำระเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลบังคับคดีได้
นับแต่ศาลนัดไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยครั้งแรกเป็นเวลา6 เดือน เศษ จำเลยนำพยานเข้าสืบได้เพียง 3 ปาก และจำเลยขอเลื่อนไปสืบพยานต่อ ถึง วันนัดจำเลยแถลงว่านางสาว ด. พยานจำเลยป่วยขอเลื่อน โจทก์คัดค้านว่าจำเลยประวิงคดีศาลอนุญาตให้เลื่อนไปอีกนัดหนึ่ง ถึง วันนัดจำเลยมิได้นำนางสาว ด. ไปศาลเพื่อให้ศาลทำการสืบพยานปากนี้ ทั้งมิได้แถลงเกี่ยวกับพยานที่จะนำเข้าสืบในวันนั้นแต่อย่างใด พฤติการณ์ถือว่าจำเลยประวิงคดี เมื่อศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ได้ ไปยื่นคำร้องขอโอนกิจการโรงงานให้จำเลยตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ จำเลยไม่ยอมชำระเงินแก่โจทก์ตาม สัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยยังคงผูกพันแม้มีการประนีประนอมความรับผิด การเปลี่ยนแปลงความรับผิดของผู้เอาประกันภัยไม่กระทบความรับผิดของประกัน
จำเลยผู้รับประกันภัยยินยอมให้โจทก์ผู้เอาประกันภัยไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายเพราะเหตุรถยนต์ของโจทก์ที่ประกันภัยไว้ชนกับรถยนต์คนอื่นซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยแม้ความรับผิดของโจทก์ผู้เอาประกันภัยที่มีต่อผู้เสียหายจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นความรับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็หาทำให้ความรับผิดของจำเลยต่อโจทก์ที่มีอยู่แล้วตามกรมธรรม์ประกันภัยเปลี่ยนแปลงระงับสิ้นไปไม่ จำเลยยังคงต้องรับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรมธรรม์ประกันภัยยังคงคุ้มครองแม้มีการประนีประนอมยอมความ ความรับผิดของจำเลยไม่ระงับ
จำเลยผู้รับประกันภัยยินยอมให้โจทก์ผู้เอาประกันภัยไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหาย เพราะเหตุรถยนต์ของโจทก์ที่ประกันภัยไว้ชนกับรถยนต์คนอื่น ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย แม้ความรับผิดของโจทก์ผู้เอาประกันภัยที่มีต่อผู้เสียหายจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นความรับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็หาทำให้ความรับผิดของจำเลยต่อโจทก์ที่มีอยู่แล้วตามกรมธรรม์ประกันภัยเปลี่ยนแปลงระงับสิ้นไปไม่ จำเลยยังคงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันภัยยังคงมีผลแม้มีการประนีประนอมระหว่างผู้เอาประกันภัยกับผู้เสียหาย
จำเลยผู้รับประกันภัยยินยอมให้โจทก์ผู้เอาประกันภัยไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายเพราะเหตุรถยนต์ ของโจทก์ที่ประกันภัยไว้ชนกับรถยนต์ คนอื่น ซึ่ง จำเลยจะต้อง รับผิดตาม สัญญาประกันภัย แม้ความรับผิดของโจทก์ผู้เอาประกันภัยที่มีต่อ ผู้เสียหายจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นความรับผิดตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ ก็หาทำให้ความรับผิดของจำเลยต่อ โจทก์ที่มีอยู่แล้วตาม กรมธรรม์ประกันภัยเปลี่ยนแปลงระงับสิ้นไปไม่ จำเลยยังคงต้อง รับผิดต่อ โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าซ่อมรถยนต์จากการประกันภัย แม้มีข้อตกลงเรื่องค่าเสียหายอื่นแล้ว
แม้ข้อตกลงระหว่างพันจ่าอากาศเอก ส. กับจำเลยตามรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันจะมีใจความว่า พันจ่าอากาศเอก ส. ได้เรียกร้องค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลตัวเองและของภรรยาเป็นเงินรวม 27,500 บาทและไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายอื่นใดอีกต่อไปทั้งทางแพ่งและอาญาก็ตาม แต่ก็ยังมีข้อความอีกว่า สำหรับรถยนต์ของพันจ่าอากาศเอก ส. นั้นคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะไปทำการเจรจากันในภายหลังต่อไป แสดงว่าคู่กรณีเจตนาแยกการเรียกค่าเสียหายจากการซ่อมแซมรถยนต์ออกจากค่าเสียหายจำนวน 27,500 บาท พันจ่าอากาศเอกส. จึงไม่สูญสิทธิที่จะเรียกร้องค่าซ่อมแซมรถยนต์ในภายหลังเมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยรถยนต์ของพันจ่าอากาศเอก ส. ได้นำรถยนต์ดังกล่าวไปซ่อมแซมและชำระค่าซ่อมแซมแล้ว โจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของพันจ่าอากาศเอก ส. ในอันทีจะเรียกร้องเงินค่าซ่อมแซมรถยนต์จากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880.(ที่มา-ส่งเสริม)