พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,234 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันสมบูรณ์ แม้ประนีประนอมยอมความกับผู้กู้ โจทก์มีสิทธิฟ้องผู้ค้ำประกันได้
สัญญาค้ำประกันที่จำเลยลงลายมือชื่อไว้ มีข้อความสำคัญว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ตามสัญญา ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบชำระหนี้แทนให้ทั้งสิ้นซึ่งเป็นข้อความต่อเนื่องกับสัญญากู้ เพียงแต่อยู่ด้านหลังสัญญาค้ำประกันนี้สมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับคดีได้
โจทก์ผู้ให้กู้ฟ้องผู้กู้ตามสัญญากู้ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว แต่ผู้กู้ยังไม่ชำระหนี้ หนี้นั้นยังไม่ระงับความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันยังมีอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันอีกได้
โจทก์ผู้ให้กู้ฟ้องผู้กู้ตามสัญญากู้ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว แต่ผู้กู้ยังไม่ชำระหนี้ หนี้นั้นยังไม่ระงับความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันยังมีอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันสมบูรณ์ แม้ประนีประนอมยอมความกับผู้กู้ เจ้าหนี้ยังฟ้องผู้ค้ำประกันได้
สัญญาค้ำประกันที่จำเลยลงลายมือชื่อไว้ มีข้อความสำคัญว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระเงินและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ตามสัญญา ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบชำระหนี้แทนให้ทั้งสิ้นซึ่งเป็นข้อความต่อเนื่องกับสัญญากู้ เพียงแต่อยู่ด้านหลัง สัญญาค้ำประกันนี้สมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับได้
โจทก์ผู้ให้ผู้กู้ตามสัญญากู้ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลพิพากษาตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว แต่ผู้กู้ยังไม่ชำระหนี้ หนี้นั้นยังไม่ระงับ ความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันยังมีอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันอีกด้วย
โจทก์ผู้ให้ผู้กู้ตามสัญญากู้ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลพิพากษาตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว แต่ผู้กู้ยังไม่ชำระหนี้ หนี้นั้นยังไม่ระงับ ความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันยังมีอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันอีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ - การปฏิบัติตามสัญญา - การโอนรถยนต์
เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความมีเพียงว่า หากโจทก์จำเลยจะอยู่กินฉันสามีภริยากันต่อไปโจทก์จะโอนรถยนต์ให้แก่จำเลย โดยมิได้ตกลงว่าจะต้องอยู่กินกันตลอดไปแล้วการที่โจทก์กับจำเลยได้กลับไปอยู่กินฉันสามีภริยากันภายหลังจากทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นนับว่าจำเลยได้ปฏิบัติตรงตามสัญญาดังกล่าวแล้ว หาจำต้องอยู่กันตลอดไปไม่โจทก์จึงต้องโอนรถยนต์ให้จำเลยตามสัญญาโจทก์ไม่มีสิทธิในฐานะเจ้าของในรถยนต์นั้นอีกการชำระค่าเช่าซื้อไม่ใช่เงื่อนไขของสัญญา เป็นคนละตอนกับข้อตกลงให้รถยนต์เป็นของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเฉพาะคดีแพ่ง ไม่กระทบสิทธิดำเนินคดีอาญา
คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งเกี่ยวกับเช็คฉบับที่ฟ้องจำเลยในคดีอาญาศาลพิพากษาตามยอมแล้วแต่ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วม (ผู้เสียหาย) ได้ตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีส่วนอาญากับจำเลยแต่ประการใดดังนี้ ถือว่าคู่ความตกลงประนีประนอมยอมความกันแต่เฉพาะในคดีแพ่งเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้ทำโดยสามีเกี่ยวกับสินบริคณห์ของภรรยา
สามีโจทก์และสามีจำเลยได้ตกลงทำบันทึกกันยอมให้ฝ่ายจำเลยไถ่นาพิพาทคืนจากโจทก์ได้ในราคา 5,200 บาท บันทึกนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850, 851 และที่ดินพิพาทเป็นสินบริคณห์ ย่อมอยู่ในอำนาจสามีโจทก์ที่จะจัดการสินบริคณห์ รวมทั้งจำหน่ายได้ด้วยตามมาตรา 1468, 1472 เดิม อันเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น โจทก์ต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่สามีโจทก์ทำไว้ โดยต้องยอมให้จำเลยไถ่ถอนคืนตามสัญญานั้น จะปฏิเสธไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันเจ้าของสินบริคณห์ การไถ่ถอนที่ดิน
สามีโจทก์และสามีจำเลยได้ตกลงทำบันทึกกันยอมให้ฝ่ายจำเลยไถ่นาพิพาทคืนจากโจทก์ได้ในราคา 5,200 บาท บันทึกนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850, 851 และที่ดินพิพาทเป็นสินบริคณห์ ย่อมอยู่ในอำนาจสามีโจทก์ที่จะจัดการสินบริคณห์ รวมทั้งจำหน่ายได้ด้วยตามมาตรา 1468, 1472 เดิม อันเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น โจทก์ต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่สามีโจทก์ทำไว้โดยต้องยอมให้จำเลยไถ่ถอนคืนตามสัญญานั้น จะปฏิเสธไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2617/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ: การข่มขู่หลอกลวงและการบอกเลิกสัญญา
หนังสือแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการให้แบ่งมรดกตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลย การที่จำเลยบอกโจทก์ว่าตามศาสนาอิสลามโจทก์เป็นหญิงไม่มีสิทธิรับมรดก แต่จะแบ่งให้บ้างถ้าโจทก์ลงชื่อตั้งอนุญาโตตุลาการ มิฉะนั้นโจทก์จะอยู่ในบ้านที่เป็นมรดกไม่ได้ ดังนี้ หาเป็นการข่มขู่หลอกลวงให้ร่วมลงชื่อในสัญญาดังกล่าว นี้ไม่โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อโจทก์บอกเลิกการตั้งอนุญาโตตุลาการไปยังคณะอนุญาโตตุลาการ จำเลยมิได้ยินยอมด้วยจึงไม่มีผล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2617/2522 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งมรดกตามศาสนาอิสลาม: การบอกเลิกสัญญาและการข่มขู่หลอกลวง
หนังสือแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการให้แบ่งมรดกตามบัญญัติของศาลนาอิสลาม ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยการที่จำเลยบอกโจทก์ว่าตามศาสนาอิสลาม โจทก์เป็นหญิงไม่มีสิทธิรับมรดก แต่จะแบ่งให้บ้างถ้าโจทก์ลงชื่อตั้งอนุญาโตตุลาการ มิฉะนั้นโจทก์จะอยู่ในบ้านที่เป็นมรดกไม่ได้ ดังนี้ หาเป็นการข่มขู่หลอกลวงโจทก์ให้ลงชื่อในสัญญานี้ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อโจทก์บอกเลิกการตั้งอนุญาโตตุลาการไปยังคณะอนุญาโตตุลาการโดยจำเลยมิได้ยินยอมด้วยจึงไม่มีผล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2617/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ: การข่มขู่หลอกลวงและการบอกเลิกสัญญา
หนังสือแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการให้แบ่งมรดกตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลย การที่จำเลยบอกโจทก์ว่าตามศาสนาอิสลามโจทก์เป็นหญิงไม่มีสิทธิรับมรดก แต่จะแบ่งให้บ้างถ้าโจทก์ลงชื่อตั้งอนุญาโตตุลาการ มิฉะนั้นโจทก์จะอยู่ในบ้านที่เป็นมรดกไม่ได้ ดังนี้ หาเป็นการข่มขู่หลอกลวงให้ร่วมลงชื่อในสัญญาดังกล่าวนี้ไม่โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อโจทก์บอกเลิกการตั้งอนุญาโตตุลาการไปยังคณะอนุญาโตตุลาการ จำเลยมิได้ยินยอมด้วยจึงไม่มีผล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้จากเช็คเป็นหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และการยินยอมให้ลงวันที่เช็ค
ปัญหาเรื่องการแปลงหนี้จากเช็คเป็นหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความ สงบเรียบร้อยาของประชาชน เมื่อจำเลยไม่ยกขึ้นต่อสู้โดยชัดแจ้งจึงไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ แม้จำเลยจะไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายในเช็ค แต่ก็เป็นเช็คที่จำเลยออกชำระหนี้ย่อมถือได้โดยปริยายว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ลงวันที่สั่งจ่ายได้เอง เมื่อไม่ได้ความว่าโจทก์ลงวันที่สั่งจ่ายโดยไม่สุจริต จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ แม้จำเลยจะไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายในเช็ค แต่ก็เป็นเช็คที่จำเลยออกชำระหนี้ย่อมถือได้โดยปริยายว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ลงวันที่สั่งจ่ายได้เอง เมื่อไม่ได้ความว่าโจทก์ลงวันที่สั่งจ่ายโดยไม่สุจริต จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์