พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองและการซื้อที่ดินโดยไม่สุจริต ผู้รับโอนต้องตรวจสอบสิทธิของผู้ครอบครองก่อน
โจทก์ซื้อที่พิพาทจากนายทองสุขและได้จัดการโอนโฉนดจดทะเบียนการโอนกันถูกต้อง แต่ที่พิพาทนี้จำเลยปกครองมาเกิน 10 ปีโดยเจตนาเป็นเจ้าของ เวลาซื้อนายทองสุขบอกโจทก์ว่าจำเลยเช่าแต่โจทก์ไม่ถามจำเลย เมื่อฟังว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทมาเกิน 10 ปี โดยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง แต่จะยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกผู้รับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนได้ก็ต่อเมื่อได้ไปจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ไว้ต่อเจ้าพนักงาน
แต่ในคดีนี้ศาลฟังว่าโจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากนายทองสุขไปโดยเสียค่าตอบแทน แต่ไม่สุจริตจึงใช้ยันจำเลยไม่ได้
ศาลอาจฟังพยานทั้งสองฝ่ายรวมกันไป แล้วชี้ว่า ได้กระทำโดยสุจริตหรือทำโดยไม่สุจริตได้.
แต่ในคดีนี้ศาลฟังว่าโจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากนายทองสุขไปโดยเสียค่าตอบแทน แต่ไม่สุจริตจึงใช้ยันจำเลยไม่ได้
ศาลอาจฟังพยานทั้งสองฝ่ายรวมกันไป แล้วชี้ว่า ได้กระทำโดยสุจริตหรือทำโดยไม่สุจริตได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในที่ดินโดยไม่สุจริต ผู้รับโอนเสียสิทธิเรียกร้องแม้มีการจดทะเบียน หากผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองเกิน 10 ปี
โจทก์ซื้อที่พิพาทจากนายทองสุขและได้จัดการโอนโฉนดจดทะเบียนการโอนกันถูกต้อง แต่ที่พิพาทนี้จำเลยปกครองมาเกิน 10 ปีโดยเจตนาเป็นเจ้าของ เวลาซื้อนายทองสุขบอกโจทก์ว่าจำเลยเช่าแต่โจทก์ไม่ถามจำเลย เมื่อฟังว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทมาเกิน 10 ปีโดยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง แต่จะยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกผู้รับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนได้ก็ต่อเมื่อได้ไปจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ไว้ต่อเจ้าพนักงาน
แต่ในคดีนี้ศาลฟังว่าโจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากนายทองสุขไปโดยเสียค่าตอบแทน แต่ไม่สุจริตจึงใช้ยันจำเลยไม่ได้
ศาลอาจฟังพยานทั้งสองฝ่ายรวมกันไป แล้วชี้ว่าได้กระทำโดยสุจริตหรือทำโดยไม่สุจริต ได้
แต่ในคดีนี้ศาลฟังว่าโจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากนายทองสุขไปโดยเสียค่าตอบแทน แต่ไม่สุจริตจึงใช้ยันจำเลยไม่ได้
ศาลอาจฟังพยานทั้งสองฝ่ายรวมกันไป แล้วชี้ว่าได้กระทำโดยสุจริตหรือทำโดยไม่สุจริต ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1520/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีไม้แปรรูปเกิน 0.20 ลบ.ม. โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่จำกัดว่าเป็นเจ้าของหรือผู้แปรรูป
การมีไม้แปรรูปเป็นจำนวนเกิน 0.20 เมตรลูกบาศก์ไว้ในความครอบครอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตนั้น ไม่จำกัดว่าต้องเป็นผู้แปรรูปไม้เอง เป็นผู้ตั้งโรงแปรรูปไม้หรือตั้งไรงค้าไม้แปรรูปไม้ ก.ม.ไม่ได้บัญญัติว่าผู้แปรรูปไม้ ฯลฯ หรือมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองต้องเป็นเจ้าของไม้แปรรูปนั้น ก.ม.บัญญัติเพียงว่า ผู้ทำการแปรรูปไม้ ฯลฯ ตลอดจนผู้มีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองต้องได้รับอนุญาตตามความใน พ.ร.บ.ป่าไม้ทั้งนั้น แม้จะเป็นเพียงผู้จัดการแทนผู้อื่นก็ตาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1520/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปเกิน 0.20 ลบ.ม. ต้องได้รับอนุญาต แม้เป็นผู้จัดการแทนผู้อื่น
การมีไม้แปรรูปเป็นจำนวนเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตนั้น ไม่จำกัดว่าต้องเป็นผู้แปรรูปไม้เอง เป็นผู้ตั้งโรงแปรรูปไม้หรือตั้งโรงค้าไม้แปรรูปกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าผู้แปรรูปไม้ ฯลฯหรือมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองต้องเป็นเจ้าของไม้แปรรูปนั้น กฎหมายบัญญัติเพียงว่า ผู้ทำการแปรรูปไม้ ฯลฯ ตลอดจนผู้มีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองต้องได้รับอนุญาตตามความใน พระราชบัญญัติป่าไม้ทั้งนั้น แม้จะเป็นเพียงผู้จัดการแทนผู้อื่นก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศห้ามนำสุกรชำแหละเข้ากรุงเทพฯ โดยอ้างสวัสดิภาพประชาชน ไม่ชอบด้วยอำนาจตาม พรบ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร
ประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรห้ามมิให้ผู้ใดนำสุกรชำแหละเข้ามาในเขตเทศบาลกรุงเทพฯ เว้นแต่การนำติดตัวเข้ามาเพื่อบริโภครวมกันไม่เกิน 4 ก.ก. โดยอ้างว่าเพื่อสวัสดิภาพของประชาชนผู้บริโภค เพราะว่าสุกรมีชีวิตที่ส่งเข้ามาในเขตเทศบาลฯมีจำนวนเพียงพอแก่ความต้องการแล้วนั้น ดังนี้ พึงเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการค้ากำไรเกินควรตามความใน พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรพ.ศ.2490 มาตรา 8(6)(8) แต่อย่างใดเลย เพราะถ้ามีเนื้อสุกรชำแหละในเขตเทศบาลมากๆ กลับจะทำให้ราคาเนื้อสุกรชำแหละถูกลง ประกาศของคณะกรรมการฯฉบับนี้จึงเป็นการนอกเหนืออำนาจ แม้จำเลยทำการฝ่าฝืนก็เอาผิดแก่จำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศห้ามนำสุกรชำแหละเข้าเขตเทศบาลเกิน 4 ก.ก. เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของ พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร
ประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรห้ามมิให้ผู้ใดนำสุกรชำแหละเข้ามาในเขตเทศบาลกรุงเทพฯ เว้นแต่การนำติดตัวเข้ามาเพื่อบริโภครวมกันไม่เกิน 4 ก.ก. โดยอ้างว่าเพื่อสวัสดิภาพของประชาชนผู้บริโภค เพราะว่าสุกรมีชีวิตที่ส่งเข้ามาในเขตเทศบาลฯมีจำนวนเพียงพอแก่ความต้องการแล้วนั้น ดังนี้ พึงเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการค้ากำไรเกินควรตามความในพ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาตรา 8(6)(8) แต่อย่างใดเลย เพราะถ้ามีเนื้อสุกรชำแหละในเขตเทศบาลมาก ๆ กลับจะทำให้ราคาเนื้อสุกรชำแหละถูกลง ประกาศของคณะกรรมการฯฉบับนี้จึงเป็นการนอกเหนืออำนาจ แม้จำเลยทำการฝ่าฝืนก็เอาผิดแก่จำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดต้นไม้ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย แม้ทางน้ำจะเป็นสาธารณะหรือไม่
การที่จำเลยตัดฟันต้นเตย ซึ่งโจทก์ปลูกไว้ตามทางน้ำโดยไม่มีอำนาจจะทำได้ จำเลยต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าต้นเตยให้แก่โจทก์ โดยไม่ต้องวินิจฉัยว่าทางน้ำจะเป็นทางสาธารณะหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดต้นไม้ในที่ดินผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
การที่จำเลยตัดฟันต้นเตยซึ่งโจทก์ปลูกไว้ตามทางน้ำโดยไม่มีอำนาจจะทำได้ จำเลยต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าต้นเตยให้แก่โจทก์ โดยไม่ต้องวินิจฉัยว่าทางน้ำจะเป็นทางสาธารณะหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีมโนสาเร่: ศาลอุทธรณ์ต้องยึดข้อเท็จจริงจากศาลชั้นต้น
คดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาจากเจ้าของเดิมตั้งแต่ก่อนที่จะตกมาเป็นของโจทก์ และฟังว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในเรือนพิพาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายที่ชนะคดีตามที่ท้ากันไว้นั้น แต่ศาลอุทธรณ์กลับฟังว่าจำเลยไม่ได้เช่าจากเจ้าของเดิมคนสุดท้ายที่โอนให้แก่โจทก์ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารเสียนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคดีมโนสาเร่คู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่: ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากศาลชั้นต้น ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นตันฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาจากเจ้าของเดิมตั้งแต่ก่อนที่จะตกมาเป็นของโจทก์ และฟังว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในเรือนพิพาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายที่ชนะคดีตามที่ท้ากันไว้นั้น แต่ศาลอุทธรณ์ กลับฟังว่าจำเลยไม่ได้เช่าจากเจ้าของเดิมคนสุดท้ายที่โอนให้แก่โจทก์ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารเสียนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะคดีมโนสาเร่คู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฏหมายเท่านั้น.