คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญายกที่ดินเพื่อชำระหนี้ แม้โมฆะ ก็ไม่อาจเรียกคืนได้ตามหลักกฎหมาย
ทำสัญญายกที่ดินให้แก่เขาเพื่อตอบแทนในการที่เขาออกเงินวิ่งและเต้นให้เป็นความกับบุคคลอื่นจนได้ที่ดินมานั้น แม้สัญญายกให้นี้จะตกเป็นโมฆะโดยขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศิลธรรมอันดีของประชาชนก็ดีแต่ก็ยังเข้าลักษณะตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา 411 ที่ว่าบุคคลใดได้กระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตาม ก.ม.หรือศีลธรรมอันดี ท่านว่าบุคคลนั้นหาอาจจะเรียกร้องคืนทรัพย์ได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำนันขุดนาตามคำสั่งปลัดอำเภอโดยรู้ว่าเจ้าของเสียหาย เข้าข่ายละเมิด แม้จะทำตามคำสั่ง
ปลัดอำเภอบอกให้กำนันขุดนาจองถนนเพื่อสาธารณะประโยชน์ เมื่อไม่ปรากฎว่าปลัดอำเภอผู้นั้นมีอำนาจตามกฎหมายที่จะสั่งได้เช่นนั้นและปรากฎว่านาที่ขุดนั้นเป็นนาของผู้อื่น กำนันขุดทั้งที่รู้ว่าเจ้าของจะเสียหาย ดังนี้ แม้กำนันจะทำตามคำสั่งปลัดอำเภอ ก็เป็นการละเมิดต่อเจ้าของนาเจ้าของนามีสิทธิฟ้องกำนันให้ทำให้พื้นดินดีตามเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำนันขุดนาตามคำสั่งปลัดอำเภอ แม้ทำตามก็ยังละเมิดเจ้าของนา
ปลัดอำเภอบอกให้กำนันขุดนาจองถนนเพื่อสาธารณะประโยชน์เมื่อไม่ปรากฏว่าปลัดอำเภอผู้นั้นมีอำนาจตามกฎหมายที่จะสั่งได้เช่นนั้นและปรากฏว่านาที่ขุดนั้นเป็นนาของผู้อื่น กำนันขุดทั้งที่รู้ว่าเจ้าของจะเสียหายดังนี้ แม้กำนันจะทำตามคำสั่งปลัดอำเภอ ก็เป็นการละเมิดต่อเจ้าของนาเจ้าของนามีสิทธิฟ้องกำนันให้ทำให้พื้นดินดีตามเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราในสัญญากู้ยืม: แยกพิจารณาต้นเงินและดอกเบี้ยได้, การใช้เงินกู้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ตกลงกู้เงิน 40000 บาทคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 10 เดือนเป็นเงิน 2000 บาท เอารวมไว้เป็นเงินกู้ด้วย เมื่อกรณีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า คู่สัญญามีเจตนาที่จะแยกการกู้เงินและเรียกดอกเบี้ยออกต่างหากจากกันแล้ว ส่วนดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราก็ตกเป็นโมฆะ แต่ต้นเงินกู้หาเป็นโมฆะด้วยไม่
การใช้เงินกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมา แสดงหรือได้เวนคืนเอกสาร หรือได้แทงเพิกถอนลงไว้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะเป็นตัวผู้กู้ชำระเองหรือบุคคลที่ 3 เป็นผู้ชำระก็เช่นเดียวกัน เพราะมาตรา 653 มิได้บัญญัติยกเว้นถึงตัวบุคคลผู้ชำระหนี้ไว้เลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้เงิน ดอกเบี้ยเกินสัญญา และการพิสูจน์การชำระหนี้
ตกลงกู้เงินกัน 4,000 บาทคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 10 เดือน เป็นเงิน 2,000 บาท เอารวมไว้เป็นเงินกู้ด้วย เมื่อกรณีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า คู่สัญญามีเจตนาที่จะแยกการกู้เงินและเรียกดอกเบี้ยออกต่างหากจากกันแล้ว ส่วนดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราก็ตกเป็นโมฆะแต่ต้นเงินกู้หาเป็นโมฆะด้วยไม่
การใช้เงินกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือได้เวนคืนเอกสาร หรือได้แทงเพิกถอนลงไว้แล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะเป็นตัวผู้กู้ชำระเองหรือบุคคลที่ 3 เป็นผู้ชำระก็เช่นเดียวกันเพราะมาตรา 653 มิได้บัญญัติยกเว้นถึงตัวบุคคลผู้ชำระหนี้ไว้เลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนชำระหนี้และการยอมรับข้อตกลงใหม่ของผู้ให้กู้ ทำให้เกิดผลผูกพันตามสัญญา แม้จะไม่ได้ทำเป็นหนังสือ
ผู้ให้กู้มอบหมายให้ทนายความไปทวงถามผู้กู้ ให้ชำระเงินกู้ ผู้กู้ยังไม่มีเงินชำระทันที ทนายความจึงตกลงผ่อนผันโดยคำบันทึกไว้ในท้ายสัญญากู้ให้ผู้กู้ผ่อนชำระเป็นงวด ๆ แล้วทนายความและผู้กู้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วยกัน ดังนี้เมื่อผู้ให้กู้ยอมรับเอาข้อตกลงตามบันทึกนั้นแล้วโดยแสดงออกโดยตรงหรือปริยายก็ตาม ข้อความในบันทึกนั้นก็ย่อมผูกพันผู้ให้กู้
ทำสัญญากู้กันแล้วตกลงกันให้ผ่อนส่งคืนเป็นงวด ๆ นั้นเป็นเรื่องอยู่ภายในบังคับแห่ง ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 166 อายุความ 5 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงผ่อนผันหนี้ผูกพันผู้ให้กู้เมื่อยอมรับ หากทำเป็นหลักฐาน
ผู้ให้กู้มอบหมายให้ทนายความไปทวงถามผู้กู้ ให้ชำระเงินกู้ ผู้กู้ยังไม่มีเงินชำระทันทีทนายความจึงตกลงผ่อนผันโดยทำบันทึกไว้ในท้ายสัญญากู้ให้ผู้กู้ผ่อนชำระเป็นงวดๆ แล้วทนายความและผู้กู้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วยกัน ดังนี้เมื่อผู้ให้กู้ยอมรับเอาข้อตกลงตามบันทึกนั้นแล้วโดยแสดงออกโดยตรงหรือปริยายก็ตาม ข้อความในบันทึกนั้นก็ย่อมผูกพันผู้ให้กู้
ทำสัญญากู้กันแล้วตกลงกันให้ผ่อนส่งคืนเป็นงวดๆ นั้น เป็นเรื่องอยู่ภายในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 166 มีอายุความ 5 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงเคหะที่เช่า ไม่เป็นเหตุบังคับตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
การเปลี่ยนแปลงเคหะที่เช่า(ย้ายบันได) จะโดยรับอนุญาตหรือไม่รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าก็ดี หาใช่เป็นมูลเหตุที่จะยกขึ้นพิจารณาและบังคับตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ไม่เพราะ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ไม่มีบทกล่าวไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงเคหะที่เช่า (ย้ายบันได) ไม่เป็นเหตุบอกเลิกสัญญาเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
การเปลี่ยนแปลงเคหะที่เช่า (ย้ายบรรได) จะโดยรับอนุญาตหรือไม่รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าก็ดี หาใช่เป็นมูลเหตุที่จะยกขึ้นพิจารณาและบังคับตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ไม่ เพราะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ไม่มีบทกล่าวไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้โดยวาจาและการสะดุดหยุดอายุความตาม ป.ม.แพ่ง มาตรา 172
การรับสภาพหนี้นั้น ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 172 ตอนท้ายก็แสดงอยู่ชัดว่า ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบแคลงสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น ก็ได้จึงหาจำเป็นต้องทำเป็นหนังสือเสมอไปไม่
บิดาทำสัญญาขายเรือนให้เขา ครั้นต่อมาบิดาตายตนเป็นผู้รับมรดก และยอมรับจะโอนเรือนให้เขาตามสัญญาซื้อขายโดยวาจา และยังได้ยินยอมให้เขาครอบครองเรือนนั้นตั้งแต่บิดาตายตลอดมา ดังนี้ เรียกได้ว่าบุตรยอมรับสภาพต่อผู้ซื้อซึ่งเป็นเจ้าหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 172
of 153