คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารรับเงินค่าเซ้งบ้านที่มีข้อความระบุค่าเช่ารายเดือน ถือเป็นสัญญาเช่าที่มีผลผูกพันตามกฎหมายแพ่ง
คณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯลฯมีอำนาจแต่เฉพาะการเช่าที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ฉะนั้น ก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครอง ตาม ป.ม.กฎหมายแพ่ง ฯ ไม่ใช่เรื่องของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ มติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าที่ให้ความยินยอมแก่ผู้ให้เช่าเข้าอยู่ในเคหะที่เช่าเองได้นั้น ย่อมไม่มีผลแก่ผู้ให้เช่า
เอกสารรับเงินค่าเซ้งบ้าน มีข้อความเริ่มต้นระบุว่าผู้รับเป็นเจ้าของบ้านได้รับเงินค่าเซ้งบ้านจำนวนหนึ่งไว้แล้ว และมีข้อความว่า ให้สัญญาว่าบ้านหลังนั้นจะให้ผู้ชำระเงินเช่า คิดค่าเช่าเดือนละ 40 บาทไปจนกว่าจะหมดความต้องการแล้วลงชื่อผู้เช่าและพยาน ดังนี้ถือว่าเอกสารนี้เป็นสัญญษเช่าแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าเช่า vs. ค่าเสียหายจากสัญญาเช่า และการเกิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
อายุความฟ้องเรียกค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์มีกำหนด 5 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 ไม่ใช่ 6 เดือนตามมาตรา 563แต่อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้เช่าเกี่ยวแก่สัญญาเช่ามีกำหนด 6 เดือนตามมาตรา 563
เอกสารมีใจความว่าโจทก์เรียกร้องค่าเสียหาย 6,500 บาทจากจำเลย จำเลยให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจและตีราคาเจ้าหน้าที่ของจำเลยตีราคาค่าเสียหายสูงกว่าที่โจทก์ขอคณะกรรมการของจำเลยจึงประชุมตกลงให้ค่าเสียหายโจทก์ดังโจทก์ขอแต่ไม่ปรากฏว่าเมื่อคณะกรรมการได้ตกลงเช่นว่านั้นแล้ว จำเลยได้ทำคำสนองรับไปยังโจทก์ ฉะนั้นจึงยังไม่เกิดสัญญาขึ้นระหว่างโจทก์และจำเลยเอกสารเช่นว่านี้จึงไม่มีทางจะถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามมาตรา 850 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสัญญาเช่า และการไม่เกิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
อายุความฟ้องเรียกค่าอสังหาริมทรัพย์มีกำหนดปีตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 6 ไม่ใช่ 6 เดือนตามมาตรา 563 แต่อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้+เกี่ยวแก่สัญญาเช่ามีกำหนดเดือนตามมาตรา 563
เอกสารมีใจความว่าโจทก์เรียกร้องค่าเสียหาย 500 บาทจากจำเลย ๆ ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจและตีราคาเจ้าหน้าที่ของจำเลยราคาค่าเสียหายสูงกว่าที่โจทก์ขอคณะกรรมการของจำเลยจึงประชุมตกลงให้ค่าเสียหายโจทก์ดังโจทก์ขอแต่ไม่ปรากฎว่าเมื่อคณะกรรมการได้ตกลงเช่นว่านั้นแล้ว จำเลยได้ทำคำสนองรับไปยังโจทก์ฉะนั้นจึงยังไม่เกิดสัญญาขึ้นระหว่างโจทก์และจำเลยเอกสารเช่นว่านี้จึงไม่มีทางจะถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามมาตรา 850 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความต้องระงับข้อพิพาท ไม่ใช่แค่ยอมผ่อนผัน
คำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์มีข้อความกล่าวอ้างว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความเลิกความไม่ติดใจว่ากล่าวกันต่อไปแต่ไม่มีข้อความแสดงว่าได้มีการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่สัญญาด้วยกันต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันอย่างใดนั้นเรียกไม่ได้ว่าเป็นหลักฐานสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 คงเป็นแต่เพียงคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมต้องมีข้อระงับข้อพิพาท การยื่นคำร้องถอนอุทธรณ์ไม่ใช่สัญญาประนีประนอม
คำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์มีข้อความกล่าวอ้างว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมายอมความเลิกความไม่ติดใจว่ากล่าวกันต่อไป แต่ไม่มีข้อความแสดงว่าได้มีการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่สัญญาด้วยกันต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันอย่างใด นั้นเรียกไม่ได้ว่าเป็นหลักฐานสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 850 คงเป็นแต่เพียงคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เคหะกับการประกอบธุรกิจ: การเช่าตึกแถวเพื่ออยู่อาศัยและประกอบอาชีพทางการแพทย์ยังคงอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าสิ่งปลูกสร้างใช้เป็นที่อยู่อาศัย แม้จะมีการประกอบธุรกิจหรือการค้าบ้างก็ต้องนับว่าเป็นเคหะ แต่ถ้าใช้ประกอบธุรกิจหรือการค้าแม้จะมีการอยู่อาศัยด้วย ก็ยังไม่ถือว่าเป็นเคหะตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
เช่าตึกแถวถนนสำราญชัยอำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนครมา18-19 ปีแล้ว โดยใช้ตึกแถวนี้เป็นที่อยู่อาศัยและทำการเป็นแพทย์ผดุงครรภ์มีป้ายติดหน้าบ้านเมื่อมีคนไข้ก็ไปทำการคลอดนอกสถานที่ ชั้นบนใช้เป็นที่หลับนอนชั้นล่างใช้รับแขกและนั่งเล่น มีตู้บรรจุขวดยาที่เปิดใช้แล้ว ดังนี้ ถือว่าไม่ถึงขนาดที่จะเรียกว่า เช่าเพื่อใช้เป็นที่ประกอบธุรกิจหรือการค้า การเช่าจึงยังตกอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเคหะเพื่ออยู่อาศัย แม้มีธุรกิจเล็กน้อยยังคงได้รับการคุ้มครองภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าสิ่งปลูกสร้างใช้เป็นที่อยู่อาศัย แม้จะมีการประกอบธุระกิจหรือการค้าบ้างก็ต้องนับว่าเป็นเคหะ แต่ถ้าใช้ประกอบธุระกิจหรือการค้า แม้จะมีการอยู่อาศัยด้วย ก็ยังไม่ถือว่าเป็นเคหะตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
เช่าตึกแถวถนนสำราญชัยอำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนครมา 18-19 ปี แล้วโดยใช้ตึกแถวนี้เป็นที่อยู่อาศัยและทำการเป็นแพทย์ผดุงครรภ์มีป้ายติดหน้าบ้าน เมื่อมีคนไข้ก็ไปทำการคลอดนอกสถานที่ชั้นบนใช้เป็นที่หลับนอน ชั้นล่างใช้รับแขกและนั่งเล่น มีตู้บรรจุขวดยาที่เปิดใช้แล้ว ดังนี้ ถือว่าไม่ถึงขนาดที่จะเรียกว่า เช่าเพื่อใช้เป็นที่ประกอบธุระกิจหรือการค้า การเช่าจึงยังตกอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องชำระหนี้จากมรดก: ความสมบูรณ์ของฟ้องและการพิสูจน์ข้อตกลง
โจทก์ฟ้องว่า สามีจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ 3 รายการ แล้วบรรยายหนี้ทั้ง 3 รายการนั้นแล้วว่า สามีจำเลยกับโจทก์ได้ตกลงกันให้สามีจำเลยจ่ายเงินชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของโจทก์เสียจำนวนหนึ่งโดยไม่ระบุตัวเจ้าหนี้มาในฟ้องเงินที่เหลือให้รักษาไว้เพื่อมอบแก่โจทก์เมื่อโจทก์ต้องการ แต่ยังไม่ทันได้จัดการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้ของโจทก์และตัวโจทก์สามีจำเลยตายเสียก่อน จำเลยเป็นผู้ครอบครองมรดกไว้แต่ผู้เดียว จึงขอให้จำเลยชำระหนี้รายนี้ ถือว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความไม่ชัดเจนของฟ้องยักยอกเงิน: ผลกำไรจากการซื้อขายข้าวตกเป็นของใคร?
ฟ้องว่าจำเลยได้รับมอบเงินเพื่อไปซื้อข้าวเปลือกไว้ขายเอากำไรแล้วนำเงินมาส่งแก่เจ้าของ จำเลยได้มีเจตนาทุจริตยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวเสียดังนี้ เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะเป็นฟ้องที่อาจตีความได้หลายนัย คือไม่กล่าวว่าผลกำไรจากการซื้อขายข้าวนั้นตกเป็นของใครจึงอาจตกเป็นของจำเลยผู้วิ่งเต้นซื้อขาย ส่วนเจ้าของเงินได้แต่ค่าป่วยการ เช่นการกู้ยืมหรือว่ากำไรนั้นแบ่งกันเป็นทำนองหุ้นส่วน หรือว่ากำไรเป็นของเจ้าของเงินแต่ผู้เดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้ขายแล้วกลับใจ มารดาใช้สิทธิโดยไม่สุจริต สัญญาซื้อขายสมบูรณ์
มารดาผู้เป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร ปล่อยให้บุตรไปประกาศรับมรดกที่ดินนี้แต่ผู้เดียวจนเจ้าพนักงานจดทะเบียนไว้แล้ว มารดาก็ทราบต่อมาบุตรตกลงขายที่ดินให้บุคคลอื่น มารดาก็รู้เห็นอยู่ด้วย จนยินยอมเอาเงินที่ได้รับจากผู้ซื้อมาไถ่ถอนการขายฝากที่ดินนี้แม้ภายหลังจะกลับใจโดยมารดาเอาที่ดินไปประกาศขายแก่คนอื่นเสีย แต่เมื่อบุตรคัดค้านและอำเภอสั่งให้มารดาฟ้องมารดาก็ไม่ฟ้อง จนต่อมาบุตรได้ประกาศขายให้ผู้ซื้อมารดาก็ไม่คัดค้านอย่างไรอีก จนอำเภอจดทะเบียนทำสัญญาซื้อขายให้กันเสร็จไปแล้วดังนี้ ย่อมถือได้ว่าพฤติการณ์และการกระทำของมารดาทำให้ผู้ซื้อเชื่อโดยสุจริตว่ามารดาคงไม่เกี่ยวข้องกับที่พิพาท ยอมให้บุตรขายได้แล้ว ผู้ซื้อจึงรับซื้อและชำระราคาไป มารดาจะกลับมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาซื้อขายดังกล่าวไม่ได้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
of 153