พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขพินัยกรรม: การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขทำให้เสียสิทธิรับมรดก แม้ผู้รับไม่ทราบเงื่อนไข
เจ้าของพินัยกรรม์ผู้ให้ระบุเงื่อนไขไว้ในพินัยกรรม์ว่าให้มารดาของผู้รับเซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม สัญญากลัดต่อท้ายพินัยกรรม์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทำพินัยกรรม์ฉะบับนั้น แม้มารดาของผู้รับและผู้รับจะไม่ทราบเงื่อนไขนี้ก็ตาม เมื่อปรากฎว่ามารดาของผู้รับมิได้เซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวไว้ในพินัยกรรม์แล้ว ผู้รับก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์ตามที่พินัยกรรม์กำหนดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1779/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมออกจากที่เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แม้มีการทำสัญญาเช่าใหม่ก็ไม่กระทบการยินยอมเดิม
ผู้เช่าได้เช่าตึกมาตั้งแต่ยังเป็นเจ้าของคนเดิมเมื่อเจ้าของคนเดิมจะขายตึกที่เช่า ผู้เช่าก็ได้ตกลงกับเจ้าของคนเดิมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าและกับผู้ที่จะเป็นเจ้าของคนใหม่ว่าคนยินยอมออกจากตึกที่เช่า เมื่อผู้ให้เช่าเดิมขายตึกนั้นและครั้นเมื่อเจ้าของใหม่ซื้อตึกนั้นแล้ว ผู้เช่านั้นยังได้ขอผัดต่อมาอีกจนที่สุดทำสัญญาเช่าอยู่ต่อมา เพื่อขอเวลาออกจากตึกที่เช่าไปภายในกำหนด ดังนี้เป็นที่เห็นได้ว่าผู้เช่ายินยอมออกจากตึกตามความหมายของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน มาตรา 16(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1779/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยินยอมให้เช่าต่อและการยินยอมออกจากที่เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
ผู้เช่าได้เช่าตึกมาตั้งแต่ยังเป็นของเจ้าของคนเดิม เมื่อเจ้าของคนเดิมจะขายตึกที่เช่า ผู้เช่าก็ได้ตกลงกับเจ้าของคนเดิม ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าและกับผู้ที่จะเป็นเจ้าของใหม่ว่า ตนยินยอมออกจากตึกที่เช่า เมื่อผู้ให้เช่าเดิมขายตึกนั้น และครั้นเมื่อเจ้าของใหม่ซื้อตึกนั้นแล้ว ผู้เช่านั้นก็ยังได้ขอผัดต่อมาอีกจนที่สุดทำสัญญาเช่าอยู่ต่อมา เพื่อขอเวลาออกจากตึกที่เช่าไปภายในกำหนด ดังนี้ เป็นที่เห็นได้ว่า ผู้เช่ายินยอมออกจากตึกตามความหมายของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน มาตรา16(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาและแพ่งปนกัน ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกับศาลล่างในส่วนอาญา แม้ฎีกาเฉพาะแพ่ง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนมีราคา เกิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยผิดสัญญาทางแพ่งไม่ผิดฐานยักยอก จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้คดีส่วนอาญาย่อมถือว่ายุติ คู่ความคงฎีกาได้เฉพาะคดีส่วนทางแพ่งเท่านั้น และในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งในชั้นฎีกานี้ ศาลฎีกาย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างที่ได้ฟังไว้ในคดีส่วนอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งและอาญาปนกัน ศาลฎีกาต้องใช้ข้อเท็จจริงเดิมจากคดีอาญาที่ยุติแล้วในการพิจารณาคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนมีราคาเกิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดสัญญาทางแพ่งไม่ผิดฐานยักยอก จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้คดีส่วนอาญาย่อมถือว่ายุติ คู่ความคงฎีกาได้เฉพาะคดีส่วนทางแพ่งเท่านั้น และในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งในชั้นฎีกานี้ ศาลฎีกาย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างที่ได้ฟังไว้ในคดีส่วนอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองโดยเปิดเผยและเจตนาเป็นเจ้าของ แม้ได้รับมอบการครอบครองและชำระเงินมัดจำแล้วก็ยังไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกัน ผู้ขายได้รับเงินมัดจำไว้แล้วได้มอบการครอบครอง ที่ดินให้ผู้ซื้อโดยเจตนาจะโอนขายให้ผู้ซื้อในภายหลัง แต่ก็ไม่ใช่มอบให้ในการขายเลย เป็นแต่จะได้ทำขายในภายหลัง ซึ่งผู้ซื้อจะต้องชำระเงินเพิ่มขึ้นอีก ดังนี้ มิใช่เป็นการมอบกรรมสิทธิ์และย่อมต้องถือว่าผู้ซื้อได้ครอบครองโดยอาศัยอำนาจของผู้ขาย จึงไม่ใช่เป็นการครอบครองปรปักษ์ตาม มาตรา 1382 ฉะนั้นแม้จะได้ครอบครองมาถึง 10 ปี ก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การมอบครองเพื่อทำการซื้อขายในอนาคต ไม่ถือเป็นการมอบกรรมสิทธิ
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันผู้ขายได้รับเงินมัดจำไว้แล้ว ได้มอบการครอบครองที่ดินให้ผู้ซื้อโดยเจตนาจะโอนขายให้ผู้ซื้อในภายหลัง แต่ก็ไม่ใช่มอบให้ในการขายเลยเป็นแต่จะได้ทำขายในภายหลัง ซึ่งผู้ซื้อจะต้องชำระเงินเพิ่มขึ้นอีก ดังนี้ มิใช่เป็นการมอบกรรมสิทธิและย่อมต้องถือว่าผู้ซื้อได้ครอบครองโดยอาศัยอำนาจของผู้ขาย จึงไม่ใช่เป็นการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 ฉะนั้นแม้จะได้ครอบครองมาถึง 10 ปี ก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการฟ้องแบ่งทรัพย์สินจากการเป็นเจ้าของร่วม และข้อพิพาทเรื่องสัญญาผลประโยชน์
โจทก์ฟ้องเป็นใจความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกัน มีข้อตกลงเป็นสัญญาต่อกันว่า จำเลยจะแบ่งผลประโยชน์คือค่าเช่าให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีข้อตกลงหรือสัญญาอย่างใดเลย ดังนี้ ข้อที่ว่า โจทก์จำเลยมีข้อตกลงหรือสัญญาต่อกันหรือไม่ จึงเป็นประเด็นฉะนั้นการที่โจทก์ฎีกาขอแบ่งผลประโยชน์เนื่องจากการเป็นเจ้าของร่วมจึงเป็นนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องบรรยายความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันจำเลยตกลงจะให้ประโยชน์แล้วไม่ให้ โจทก์จึงขอเอาประโยชน์นั้นตลอดจนแบ่งส่วนทรัพย์อันมีกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย ทั้งในคำขอท้ายฟ้องก็มีคำขอแบ่งส่วน ดังนี้ ย่อมถือว่าเป็นฟ้องที่บรรยายข้อความเรื่องขอแบ่งส่วนแล้วเป็นฟ้องที่ใช้ได้
โจทก์ฟ้องบรรยายความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันจำเลยตกลงจะให้ประโยชน์แล้วไม่ให้ โจทก์จึงขอเอาประโยชน์นั้นตลอดจนแบ่งส่วนทรัพย์อันมีกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย ทั้งในคำขอท้ายฟ้องก็มีคำขอแบ่งส่วน ดังนี้ ย่อมถือว่าเป็นฟ้องที่บรรยายข้อความเรื่องขอแบ่งส่วนแล้วเป็นฟ้องที่ใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการแบ่งผลประโยชน์จากเจ้าของร่วมและการพิสูจน์ข้อตกลงสัญญา การฟ้องร้องต้องระบุประเด็นชัดเจน
โจทก์ฟ้องเป็นใจความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกัน มีข้อตกลงเป็นสัญญาต่อกันว่าจำเลยจะแบ่งผลประโยชน์คือค่าเช่าให้โจทก์จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีข้อตกลงหรือสัญญา อย่างใดเลย ดังนี้ข้อที่ว่าโจทก์จำเลยมีข้อตกลงหรือสัญญาต่อกันหรือไม่ จึงเป็นประเด็นฉะนั้นการที่โจทก์ฎีกาขอแบ่งผลประโยชน์เนื่องจากการเป็นเจ้าของร่วมจึงเป็นนอกฟ้องนอก ประเด็นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องบรรยายความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันจำเลยตกลงจะให้ประโยชน์แล้วไม่ให้ โจทก์จึงขอเอาประโยชน์นั้นตลอดจนแบ่งส่วนทรัพย์อันมีกรรมสิทธิร่วมด้วย ทั้งในคำขอท้ายฟ้องก็มีคำขอแบ่งส่วนดังนี้ ย่อมถือว่าเป็นฟ้องที่บรรยายข้อความเรื่งอขอแบ่งส่วนแล้วเป็นฟ้องที่ใช้ได้
โจทก์ฟ้องบรรยายความว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกันจำเลยตกลงจะให้ประโยชน์แล้วไม่ให้ โจทก์จึงขอเอาประโยชน์นั้นตลอดจนแบ่งส่วนทรัพย์อันมีกรรมสิทธิร่วมด้วย ทั้งในคำขอท้ายฟ้องก็มีคำขอแบ่งส่วนดังนี้ ย่อมถือว่าเป็นฟ้องที่บรรยายข้อความเรื่งอขอแบ่งส่วนแล้วเป็นฟ้องที่ใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีทำลายทรัพย์สิน: การหยุดชะงักของอายุความและความรับผิดของผู้จ้างวาน
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์หาว่าบุกรุก แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยหาว่า กระทำให้เสียทรัพย์ โดยว่าจำเลยสับฟันถอนต้นผลอาสินของโจทก์ในที่แปลงเดียวกันนั้น ดังนี้ถือไม่ได้ว่าเวลาในระหว่างคดีก่อนนั้นเป็นเวลาหยุดอายุความตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 79 ยังต้องนับอายุความตามมาตรา 80 อยู่ ถ้าโจทก์ฟ้องเกิน 3 เดือน คดีก็ขาดอายุความ
ความผิดตามมาตรา 150 นั้นเป็นเรื่องทำลายทรัพย์ในการพิจารณาคดีใดๆ ของศาล และมีผู้แสดงทรัพย์นั้นให้ปรากฏแล้ว ถ้าเป็นการทำลายทรัพย์เสียก่อนไปฟ้องศาลแล้วคดีก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 150
ความผิดตามมาตรา 175,176 เป็นความผิด ซึ่งผู้รับใช้ยังมิได้กระทำ ถ้าผู้รับใช้กระทำความผิดไว้แล้ว ผู้ใช้ก็ไม่ผิดตามมาตรา 175,176 แต่ผิดฐานสมคบในความผิดที่ทำขึ้น
ความผิดตามมาตรา 150 นั้นเป็นเรื่องทำลายทรัพย์ในการพิจารณาคดีใดๆ ของศาล และมีผู้แสดงทรัพย์นั้นให้ปรากฏแล้ว ถ้าเป็นการทำลายทรัพย์เสียก่อนไปฟ้องศาลแล้วคดีก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 150
ความผิดตามมาตรา 175,176 เป็นความผิด ซึ่งผู้รับใช้ยังมิได้กระทำ ถ้าผู้รับใช้กระทำความผิดไว้แล้ว ผู้ใช้ก็ไม่ผิดตามมาตรา 175,176 แต่ผิดฐานสมคบในความผิดที่ทำขึ้น