คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีทำลายทรัพย์สินและการกระทำความผิดของผู้รับใช้
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์หาว่าบุกรุกแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยหาว่ากระทำให้เสียทรัพย์โดยว่าจำเลยสับฟันถอนต้นผลเอาสินของโจทก์ในที่แปลงเดียวกันนั้น ดังนี้ถือไม่ได้ว่าเวลาในระหว่างคดีก่อนนั้นเป็นเวลาหยุดอายุความตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 79 ยังต้องนับอายุความตามมาตรา 80 อยู่ ถ้าโจทก์ฟ้องเกิน 3 เดือนคดีก็ขาดอายุความ
ความผิดตามมาตรา 150 นั้นเป็นเรื่องทำลายทรัพย์ในการพิจารณาคดีใด ๆ ของศาล และมีผู้แสดงทรัพย์นั้นให้ปรากฎแล้วถ้าเป็นการทำลายทรัพย์เสียก่อนไปฟ้องศาลแล้ว คดีก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 150
ความผิดตามมาตรา 175, 176 เป็นความผิด ซึ่งผู้รับใช้ยังมิได้กระทำถ้าผู้รับใช้กระทำความผิดไว้แล้ว ผู้ใช้ก็ไม่ผิดตามมาตรา 175, 176 แต่ผิดฐาน+ในความผิดที่ทำขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อลูกหนี้ผิดสัญญาและมีทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเกินเบี้ยปรับ
เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ นอกจากเบี้ยปรับตามที่กำหนดกันไว้ในสัญญาแล้ว เจ้าหนี้ยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เสียไป เกินจากที่กำหนดเป็นเบี้ยปรับกันไว้ได้อีก ตามมาตรา 380 วรรคสอง
เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิดแทนลูกหนี้ เพราะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้และอ้างว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่า ลูกหนี้อยู่แห่งใด ผู้ค้ำประกันพิสูจน์ไม่ได้ว่า ลูกหนี้มีทางที่จะชำระหนี้ได้ และพิสูจน์ไม่ได้ว่าการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ไม่เป็นการยาก ดังนั้นผู้ค้ำประกันจึงไม่พ้นจากความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ และสิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องค่าเสียหายเกินเบี้ยปรับ
เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นอกจากเบี้ยปรับตามที่กำหนดกันไว้ในสัญญาแล้ว เจ้าหนี้ยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เสียไปเกินจากที่กำหนดเป็นเบี้ยปรับกันไว้ได้อีกตามมาตรา 380 วรรค 2
เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิดแทนลูกหนี้ เพราะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้และอ้างว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้เมื่อไม่ปรากฎว่าลูกหนี้อยู่แห่งใดผู้ค้ำ ประกันพิศูจน์ไม่ได้ว่าลูกหนี้มีทางที่จะชำระหนี้ได้ และพิศูจน์ไม่ได้ว่าการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ไม่เป็นการยากดังนี้นผู้ค้ำประกันจึงไม่พ้นจากความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้เลี้ยงสัตว์เมื่อสัตว์ทำผู้อื่นเสียหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433
ในกรณีเกิดความเสียหายขึ้นเพราะสัตว์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้เลี้ยงและเจ้าของกระบือได้ทำละเมิด ทำให้กระบือของตนขวิดกระบือของโจทก์เสียหายถึงตาย เช่นนี้ ก็เป็นฟ้องอันชัดแจ้ง และแสดงเหตุแห่งข้อหาอย่างบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องบรรยายว่า จำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดต่อความเสียหายจากสัตว์เลี้ยง ตามมาตรา 433 ป.พ.พ. ไม่ต้องพิสูจน์เจตนาหรือประมาท
ในกรณีเกิดความเสียหายขึ้นเพราะสัตว์ ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 433 นั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้เลี้ยงและเจ้าของกระบือได้ทำละเมิด ทำให้กระบือของตนขวิดกระบือของโจทก์เสียหายถึงตายเช่นนี้ ก็เป็นฟ้องอันชัดแจ้งและแสดงเหตุแห่งข้อหาอย่างบริบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 172 แล้ว ไม่จำเป็นกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจพนักงานสอบสวน: เฉพาะพนักงานสอบสวนเท่านั้นที่ร้องขอปล่อยทรัพย์ของกลาง
บรรดาอำนาจหน้าที่ต่างๆ ของพนักงานสอบสวนที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานสอบสวนโดยเฉพาะและไม่มีบทกฎหมายแห่งใดให้บุคคลอื่นใช้อำนาจและหน้าที่นี้แทน ฉะนั้น กรมตำรวจซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวน จึงหามีสิทธิที่มาร้องต่อศาลแทนพนักงานสอบสวน ขอให้ปล่อยทรัพย์ของกลาง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้เป็นของกลางได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหน้าที่พนักงานสอบสวน: กรมตำรวจไม่มีสิทธิร้องแทนพนักงานสอบสวนในคดีอาญา
บรรดาอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ของพนักงานสอบสวนที่บัญญัติไว้ใน ป.ม.วิ.อาญานั้น เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานสอบสวนโดยเฉพาะ และไม่มีบทกฎหมายแห่งใดให้บุคคลอื่นใช้อำนาจและหน้าที่นี้แทน ฉะนั้นกรมตำรวจซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวน จึงหามีสิทธิที่มีร้องต่อศาลแทนพนักงานสอบสวน ขอให้ปล่อยทรัพย์ของกลางซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้เป็นของกลางได้ไม่
(ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์และการใช้ดุลพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ ไม่จำกัดเฉพาะการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174 นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการพิพากษาแก้เฉพาะบางส่วน ศาลฎีกาไม่รับฎีกาข้อเท็จจริงเนื่องจากเป็นการแก้น้อย
คดีร้องขัดทรัพย์ทั้งหมดมีราคาเพียง 520 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์ทั้งหมด ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาให้ถอนการยึดเรือนราคา 20 บาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนที่ดิน 3 แปลงราคาไม่เกิน 500 บาท ให้โจทก์มีสิทธิยึดเพื่อขายทอดตลาดได้ ได้สุทธิเท่าใดมอบให้ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งหักใช้หนี้ตามคำพิพากษา ดังนี้เป็นการพิพากษาแก้น้อยจะฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
of 153