คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินของผู้เยาว์ต้องได้รับอนุญาตจากศาลจึงมีผลผูกพัน
การที่มารดาเอาที่ดินของบุตร ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ไปทำสัญญาจะขายแก่ผู้อื่นนั้นเป็นสัญญาซึ่งตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(1) เป็นที่เข้าใจกันอยู่ว่าจะผูกพันเด็กได้ก็ต่อเมื่อศาลได้อนุญาตให้ขายตามสัญญานั้นแล้ว (อ้างฎีกาที่ 462/2488)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความขัดแย้งระหว่างฟ้องซื้อขายกับหลักฐานสัญญากู้ ศาลไม่บังคับตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ตามที่โจทก์จำเลยตกลงกันไว้โดยบรรยายฟ้องมีความว่าโจทก์จำเลยตกลงซื้อขายที่ดินกัน จำเลยต้องการเงินไปใช้ก่อนโจทก์จึงมอบเงินให้จำเลยไป 700 บาท อีก 100 บาทจะชำระกันเมื่อทำโอนจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นเงิน 800 บาท ต่อมาจำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้แก่โจทก์ ๆ จึงฟ้องและได้แนบสำเนาสัญญากู้มาท้ายฟ้องด้วย ดังนี้แม้เดิมจะไ้ดมีการตกลงซื้อขายที่ดินหรือไม่ก็ดีแต่ที่กล่าวในฟ้องว่าได้ตกลงทำสัญญากู้กันประกอบด้วยตัว สัญญากู้เอง เห็นได้ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องตกลงจะซื้อขายที่ดินกัน ฉะนั้นจึงถือได้ว่าโจทก์ฟ้องเรื่องซื้อขายที่ดินอ้างสัญญากู้มาเป็นหลักฐาน ซึ่งมีข้อความชัดเจนเป็นเรื่องสัญญากู้เงินไว้ชัดแจ้งแล้วเช่นนี้ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินโดยอาศัยสัญญากู้หาได้ไม่ เพราะฟ้องกับคำขอท้ายฟ้องขัดกันอยู่ศาลจะบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซื้อขายที่ดินโดยอ้างสัญญากู้ ฟ้องกับคำขอขัดแย้งกัน ศาลไม่สามารถบังคับตามคำขอได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ตามที่โจทก์จำเลยตกลงกันไว้ โดยบรรยายฟ้องมีความว่าโจทก์จำเลยตกลงซื้อขายที่ดินกัน จำเลยต้องการเงินไปใช้ก่อน โจทก์จึงมอบเงินให้จำเลยไป 700 บาท อีก 100 บาทจะชำระกันเมื่อทำโอน จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นเงิน 800 บาท ต่อมาจำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้แก่โจทก์ โจทก์จึงฟ้องและได้แนบสำเนาสัญญากู้มาท้ายฟ้องด้วยดังนี้ แม้เดิมจะได้มีการตกลงซื้อขายที่ดินหรือไม่ก็ดี แต่ที่กล่าวในฟ้องว่าได้ตกลงทำสัญญากู้กันประกอบด้วยตัวสัญญากู้เอง เห็นได้ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องตกลงจะซื้อขายที่ดินกัน ฉะนั้นจึงถือได้ว่า โจทก์ฟ้อง เรื่องซื้อขายที่ดินอ้างสัญญากู้มาเป็นหลักฐาน ซึ่งมีข้อความชัดเจนเป็นเรื่องสัญญากู้เงินไว้ชัดแจ้งแล้วเช่นนี้ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินโดยอาศัยสัญญากู้หาได้ไม่ เพราะฟ้องกับคำขอท้ายฟ้องขัดกันอยู่ ศาลจะบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังข้อเท็จจริงจากฟ้องเดิม & งดสืบพยานเมื่อมีข้อเท็จจริงเพียงพอ
บิดาผู้ตายฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจำนองที่ผู้ตายจำนองเขาไว้โดยอ้างว่าเขารับจำนองไม่สุจริตเมื่อปรากฎว่าบิดาผู้ตายกับภรรยาผู้ตายเคยเป็นความกันเรื่องที่ดินแปลงนี้มาก่อนแล้ว และในคดีก่อนนั้นบิดาผู้ตายกล่าวในฟ้องว่าผู้รับจำนองรายที่กล่าวนี้รับจำนองจากผู้ตายโดยสุจริต ดังนี้ศาลย่อมรับฟังความข้อนี้จากฟ้องฉะบับก่อนได้ว่า ผู้รับจำนองรับจำนองโดยสุจริตโดยไม่ต้องสืบพยานต่อไปและแม้บิดาผู้ตายจะขอสืบว่าความจริงผู้รับจำนองรับจำนองไว้โดยไม่สุจริตศาลก็มีอำนาจงดสืบได้เพราะคดีฟังได้ดังกล่าวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังข้อเท็จจริงจากฟ้องเดิมและการงดสืบพยานเมื่อมีข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการวินิจฉัยคดี
บิดาผู้ตายฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจำนอง ที่ผู้ตายจำนองเขาไว้โดยอ้างว่าเขารับจำนองไม่สุจริต เมื่อปรากฏว่า บิดาผู้ตายกับภรรยาผู้ตายเคยเป็นความกันเรื่องที่ดินแปลงนี้มาก่อนแล้ว และในคดีก่อนนั้นบิดาผู้ตายกล่าวในฟ้องว่าผู้รับจำนองรายที่กล่าวนี้รับจำนองจากผู้ตายโดยสุจริตดังนี้ ศาลย่อมรับฟังความข้อนี้จากฟ้องฉบับก่อนได้ว่า ผู้รับจำนองรับจำนองโดยสุจริตโดยไม่ต้องสืบพยานต่อไป และแม้บิดาผู้ตายจะขอสืบว่า ความจริงผู้รับจำนองรับจำนองไว้โดยไม่สุจริต ศาลก็มีอำนาจงดสืบได้เพราะคดีฟังได้ดังกล่าวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรโชกทางวาจา และดุลยพินิจการนับโทษต่อ
ความผิดฐานกรรโชกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 303 นั้น แสดงอยู่ชัดว่า ใช้วาจาขู่เข็ญก็เป็นความผิดเช่นเดียวกับการใช้กำลังข่มขืน
จำเลยพูดขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาล ดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303 แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลยพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงโจทก์ก็จะฎีกาขอ ให้นับโทษต่ออีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรโชกทางวาจาและการใช้ดุลพินิจนับโทษ
ความผิดฐานกรรโชกตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 303 นั้นแสดงอยู่ชัดว่า ใช้วาจาขู่เข็ญก็เป็นความผิดเช่นเดียวกับการใช้กำลังข่มขืน
จำเลยพูดขู่ว่า ถ้าไม่ให้เงินก็จะต้องถูกส่งตัวไปขังที่สันติบาลดังนี้เป็นการพูดขู่เข็ญขืนใจตามมาตรา 303แล้ว
การนับโทษจำเลยนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งกำหนดตามที่เห็นสมควรตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 จึงเป็นปัญหาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลล่าง 2 ศาลใช้ดุลพินิจไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่งตามที่โจทก์ขอในคดีที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง โจทก์ก็จะฎีกาขอให้นับโทษต่ออีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกตามมาตรา 327 ต้องมีเจตนาเฉพาะเจาะจง การกระทำเพียงล่วงล้ำเข้าไปโดยไม่มีเจตนาไม่ถือเป็นความผิด
ความผิดฐานบุกรุกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 327 นั้นผู้กระทำจะต้องมีเจตนากระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นด้วยจึงจะเป็นความผิด
จำเลยเข้าไปใต้ถุนเรือนของเจ้าทรัพยื ใช้มือลอดฟื้นฟากเรือนเพือถูกต้องเนื้อตัวบุตรสาวเจ้าทรัพย์ด้วยความคะนองพอใจบุตรีเจ้าทรัพย์ แต่บุตรีเจ้าทรัพย์ไม่พอใจจึงใช้มีดฟันเอาจำเลยก็หนีไปนั้น จำเลยยังไม่มีความผิดตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 327
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 329 ครั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 329 โจทก์ก็ยอมคงฎีกายืนยันขึ้นมาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 327 เท่านั้น ในชั้นฎีกาคดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงมาตรา 329 อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาบุกรุกและการกระทำต่อร่างกาย: ความผิดตามมาตรา 327
ความผิดฐานบุกรุกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 327 นั้นผู้กระทำจะต้องมีเจตนากระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นด้วยจึงจะเป็นความผิด
จำเลยเข้าไปใต้ถุนเรือนของเจ้าทรัพย์ ใช้มือลอดพื้นฟากเรือนเพื่อถูกต้องเนื้อตัวบุตรสาวเจ้าทรัพย์ด้วยความคะนองพอใจบุตรีเจ้าทรัพย์แต่บุตรีเจ้าทรัพย์ไม่พอใจจึงใช้มีดฟันเอาจำเลยก็หนีไปนั้น จำเลยยังไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 327
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 329 ครั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 329 โจทก์ก็ยอม คงฎีกายืนยันขึ้นมาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 327 เท่านั้นในชั้นฎีกาคดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงมาตรา 329 อีก (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2494)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายกทรัพย์โดยพินัยกรรม: การตีความพินัยกรรมสั่งให้ยกทรัพย์เมื่อเสียชีวิต มิใช่การยกทรัพย์โดยเสน่หา
ความในพินัยกรรมข้อหนึ่งกล่าวว่า ผู้ตายเจตนายกทรัพย์ให้ผู้มีชื่อตั้งแต่วันทำพินัยกรรมฉบับนี้ มีข้อความเริ่มต้นระบุไว้ชัดว่าขอทำหนังสือพินัยกรรมเป็นคำสั่งเผื่อตายไว้ และตอนท้ายก็ยังกล่าวยืนยันว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้ด้วยความเต็มใจและมีสติดี มีพยานลงชื่ออย่างพินัยกรรมทุกประการ เช่นนี้ ย่อมถือว่าเป็นพินัยกรรมที่ผู้ตายมุ่งหมายจะยกทรัพย์ให้เมื่อผู้ตายตายลง หาใช่เป็นหนังสือยกทรัพย์ให้โดยเสน่หาไม่
of 153