คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายและการฟ้องร้องผิดสัญญา: ไม่เป็นมูลเหตุฟ้องหากยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อขาย
โจทก์ฟ้องว่า ได้เสนอขายสิ่งของแก่จำเลย จำเลยได้สนองรับซื้อสิ่งของนั้น ตามคำเสนอของโจทก์แล้ว แต่ต่อมาบิดพริ้วไม่ยอมทำสัญญาซื้อขายสิ่งของนั้นกับโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลแสดงว่าการกระทำระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจะซื้อขายมีผลผูกพันและบังคับได้ตามกฎหมาย ดังนี้ ยังไม่เป็นเหตุผลที่โจทก์จะต้องมาขอใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เพราะเป็นเรื่องที่ขอให้แสดงว่าได้มีการตกลงจะทำสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยหรือไม่เท่านั้นถ้าโจทก์ยืนยันว่าได้มีการตกลงกับจำเลยแล้ว และจำเลยกระทำผิดข้อตกลงอย่างใดโจทก์ชอบที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวในทางนั้น ฉะนั้นในเรื่องนี้ จึงยังไม่เป็นมูลกรณีที่จะพึงฟ้องร้องกันได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเก็บรักษาเงินของเจ้าหน้าที่รัฐ
กระทรวงพาณิชย์ส่งผ้ามาให้ข้าหลวงประจำจังหวัดเพื่อขายแก่ชาวนา ข้าหลวงประจำจังหวัดมอบให้อำเภอเป็นผู้ขาย นายอำเภอจึงแต่งตั้งปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่อื่นเป็นกรรมการขายผ้าดังนี้เมื่อปลัดอำเภอผู้ได้รับการแต่งตั้งทำผิดหน้าที่ จนเกิดการเสียหายขึ้น กระทรวงพาณิชย์ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากปลัดอำเภอผู้นั้นได้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวมรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อน ห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัดกลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอ จนมีผู้ร้ายไขเชฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่าปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรง และต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐจากการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเก็บรักษาเงิน และการรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
กระทรวงพาณิชย์ส่งผ้ามาให้ข้าหลวงประจำจังหวัดเพื่อขายแก่ชาวนา ข้าหลวงประจำจังหวัดมอบให้อำเภอเป็นผู้ขาย นายอำเภอจึงแต่งตั้งปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่อื่นเป็นกรรมการขายผ้า ดังนี้ เมื่อปลัดอำเภอผู้ได้รับการแต่งตั้งทำผิดหน้าที่จนเกิดการเสียหายขึ้น กระทรวงพาณิชย์ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากปลัดอำเภอผู้นั้นได้
การขายผ้ามีระเบียบว่า เงินได้จากการขายให้ส่งต่อคณะกรรมการอำเภอรวบรวมส่งคณะกรรมการจังหวัดเป็นการด่วน ถ้าวันใดได้เงินที่ได้รับมีจำนวนถึงหมื่นบาท ให้คณะกรรมการอำเภอรีบส่งเงินแก่จังหวัดเสียคราวหนึ่งก่อนห้ามมิให้เก็บเงินที่ได้จากการขายผ้าไว้ที่อำเภอเกินกว่าจำนวนหมื่นบาท ดังนี้เมื่อปลัดอำเภอขายผ้าได้เงินเกินหมื่นบาท แล้วไม่นำส่งจังหวัด กลับเอาไปเก็บไว้ในเซฟของอำเภอจนมีผู้ร้ายไขเซฟลักเงินจำนวนนี้ไป ต้องถือว่า ปลัดอำเภอผู้นั้นมิได้ปฏิบัติตามระเบียบโดยตรงและต้องรับผิดใช้เงินจำนวนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภริยาไม่ต้องรับผิดร่วมในหนี้สินของสามีที่ก่อขึ้นระหว่างสมรส เว้นแต่เป็นหนี้ร่วม
หนี้สินที่จำเลยผู้เป็นสามีก่อขึ้นในระหว่างที่จำเลยกับผู้ร้องยังเป็นสามีภริยากันอยู่เมื่อใช้ ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 5 แล้วนั้นผู้ซึ่งเป็นภริยาจะต้องรับผิดร่วมด้วยหรือไม่นั้นได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 1045/1484 วินิจฉัยไว้เป็นแบบอย่างไว้แล้วว่าภริยาไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยเว้นแต่หนี้นั้นจะเป็นหนี้ร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภริยาไม่ต้องรับผิดในหนี้สินสามีที่ก่อขึ้นระหว่างสมรส เว้นแต่เป็นหนี้ร่วม
หนี้สินที่จำเลยผู้เป็นสามีก่อขึ้นในระหว่างที่จำเลยกับผู้ร้องยังเป็นสามีภริยากันอยู่เมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้วนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาจะต้องรับผิดร่วมด้วยหรือไม่นั้น ได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 1045/2484 วินิจฉัยไว้เป็นแบบอย่างไว้แล้วว่า ภริยาไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยเว้นแต่หนี้นั้นจะเป็นหนี้ร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาฆ่าหรือไม่ และฐานความผิดที่เหมาะสม
เดินสวนทางกันในเวลามีด พอสวนกันก็ใช้มีดปลายแหลมแทงเขา 1 ที ถูกที่ท้องเหนือสะดือ แผลกว้าง 1 ซ.ม. ยาว 2.7 ซ.ม. ลึกเข้าช่องท้องทะลุลำใส้ อยู่ได้ 3 วัน ก็ตายเพราะพิษบาดแผลนั้นโดยไม่ปรากฎว่มีสาเหตุอะไรกันนั้น ยังไม่มั่นคงพอจะให้ชี้ขาดได้ว่า ผู้แทงได้เจตนาถึงแก่จะฆ่าให้ตาย คงมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 251 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาและเหตุในการกระทำ
เดินสวนทางกันในเวลามืด พอสวนกันก็ใช้มีดปลายแหลมแทงเขา 1 ที ถูกที่ท้องเหนือสะดือ แผลกว้าง 1 ซ.ม. ยาว 2.7 ซ.ม. ลึกเข้าช่องท้องทะลุลำใส้ อยู่ได้ 3 วันก็ตายเพราะพิษบาดแผลนั้น โดยไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุอะไรกันนั้น ยังไม่มั่นคงพอจะให้ชี้ขาดได้ว่าผู้แทงได้เจตนาถึงแก่จะฆ่าให้ตาย คงมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 251 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องขับไล่ซ้ำในมูลกรณีเดิม แม้มีฎีกาใหม่คุ้มครองสิทธิจำเลย
โจทก์เคยฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ ศาลตัดสินคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะมาฟ้องในมูลกรณีเดียวกันนั้นโดยอ้างว่าศาลฎีกาได้พิพากษาวางหลักในเรื่องว่าสถานที่อย่างไรจึงเป็นเคหะอีกไม่ได้ เป็นการฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีขับไล่: แม้ศาลฎีกาวางหลักใหม่ ก็ไม่อาจฟ้องซ้ำได้หากคดีเดิมถึงที่สุดแล้ว
โจทก์เคยฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ ศาลตัดสินคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะมาฟ้องในมูลกรณีเดียวกันนั้นโดยอ้างว่าศาลฎีกาได้ พิพากษาวางหลักในเรื่องว่าสถานที่อย่างไรจึงเป็นเคหะอีกไม่ได้ เป็นการฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเรื่องละเมิด เวลาคลาดเคลื่อนเล็กน้อยไม่ถึงเหตุยกฟ้อง
ในคดีแพ่ง กฎหมายมิได้บังคับเข้มงวดให้ระบุเวลากระทำผิดในคำฟ้องอย่างคดีอาญา ฉะนั้นหากว่าโจทก์จะมิได้ระบุเวลามาในคำฟ้องด้วย ศาลก็ย่อมจะต้องรับไว้พิจารณา
ฟ้องหาว่า จำเลยทำละเมิดในเวลากลางคืน แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำละเมิดในเวลากลางวัน ในวันเดียวกันนั้น ดังนี้ เป็นเรื่องเวลาคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อยไม่ถึงกับจะให้เห็นว่า เป็นการละเมิดคนละคราวกับที่ฟ้อง ยังไม่เป็นเหตุถึงแก่จะให้ยกฟ้อง
of 153