คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030-1033/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์: กรณีหนี้จากลูกจ้าง vs. สัญญาการค้ากับบุคคลภายนอก
อำนาจหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491 ว่า เป็นหน่วยอยู่ในราชการบริหาร ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้า หรือหากำไร ฉะนั้นจึงมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกหนี้สิน ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลยโดยอ้างว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ จำเลยเป็นลูกจ้างของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดตำแหน่งหัวหน้ากองการค้าได้รับเงินไปจากสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นเงินทดรองค่าใช้จ่ายในการขนน้ำตาลจากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯ อันเป็นธุรกิจของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดและอยู่ในหน้าที่ของจำเลย เมื่อมีเงินเหลือจำเลยต้องส่งคืน จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งเงินที่ขาดอยู่อีกเป็นเงินจำนวนหนึ่งแต่เพิกเฉยเสีย จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินนั้นพร้อมทั้งดอกเบี้ย ดังนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกเงินที่ได้จ่ายทดรองแก่จำเลยผู้เป็นลูกจ้างคืนมิใช่เป็นเรื่องของการค้าหรือหากำไรกับบุคคลภายนอก โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องได้ ส่วนเรื่องฟ้องบุคคลภายนอกตามสัญญาการค้า หรือหากำไรแล้วก็ไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วงโดยไม่ได้รับอนุญาตและการฟ้องขับไล่ ผู้ให้เช่าไม่ต้องบอกกล่าว
ผู้เช่าออกจากบ้านเช่าไปอยู่ที่อื่นและโอนให้คนอื่นมาอยู่แทน โดยผู้ให้เช่าไม่ทราบและไม่ได้อนุญาตนั้น เป็นการฝ่าฝืน ป.พ.พ.ม. 544 ผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวตาม ม.566 ก็ฟ้องขับไล่ได้ และกรณีเช่นนี้ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วงโดยไม่ได้รับอนุญาตและย้ายออก ทำให้ไม่ต้องบอกกล่าวฟ้องขับไล่ได้
ผู้เช่าออกจากบ้านเช่าไปอยู่ที่อื่นและโอนให้คนอื่นมาอยู่แทน โดยผู้ให้เช่าไม่ทราบ และไม่ได้อนุญาตนั้น เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 544 ผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวตาม มาตรา 566 ก็ฟ้องขับไล่ได้ และกรณีเช่นนี้ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งกายคล้ายตำรวจไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องแบบตำรวจ หากไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
เครื่องแบบตำรวจครบถ้วนมีระบุไว้หลายสิ่งหลายอย่าง จำเลยเพียงแต่แต่งตัวสรวมกางเกงขาสั้นสีกากีสรวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีกากีมีเครื่องหมาย "น." และ "ร" ติดที่ปกคอเสื้อ 2 ข้าง ยังไม่เรียกว่าจำเลยได้แต่งเครื่องแบบตำรวจตามความหมายใน พ.ร.บ.เครื่องแบบตำรวจ(ฉะบับที่ 3) พ.ศ.2483 มาตรา 3 ซึ่งแก้ไขมาตรา 6 เดิม จึงยังไม่เป็นผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งกายคล้ายตำรวจไม่ถึงขั้นเป็นความผิดฐานแต่งเครื่องแบบตำรวจ
เครื่องแบบตำรวจครบถ้วนมีระบุไว้หลายสิ่งหลายอย่าง จำเลยเพียงแต่แต่งตัวสวมกางเกงขาสั้นสีกากีสวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีกากีมีเครื่องหมาย "น." และ"ร"ติดที่ปกคอเสื้อ 2 ข้าง ยังไม่เรียกว่าจำเลยได้แต่งเครื่องแบบตำรวจตามความหมายในพระราชบัญญัติเครื่องแบบตำรวจ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2483 มาตรา 3 ซึ่งแก้ไขมาตรา 6 เดิม จึงยังไม่เป็นผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จ ข้อสำคัญในคดี: ศาลล่างวินิจฉัยแล้ว โจทก์ฎีกาไม่ได้ยกเหตุผลให้ฟัง
การที่จะวินิจฉัยว่าถ้อยคำที่เบิกความเท็จจะเป็นข้อสำคัญหรือไม่นั้น ย่อมต้องพิจารณาประเด็นในคดีที่ผู้นั้นเบิกความประกอบ เมื่อศาลล่าง 2 ศาลฟังว่าข้อความที่ผู้นั้นเบิกความเท็จไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีแล้ว การเป็นข้อสำคัญหรือไม่สำคัญ ย่อมเป็นข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อสำคัญของคำเบิกความเท็จในคดีอาญา: ศาลล่างวินิจฉัยแล้วฎีกาไม่รับ
การที่จะวินิจฉัยว่าถ้อยคำที่เบิกความเท็จจะเป็นข้อสำคัญหรือไม่นั้น ย่อมต้องพิจารณาประเด็นในคดีที่ผู้นั้นเบิกความประกอบเมื่อศาลล่าง 2 ศาลฟังว่าข้อความที่ผู้นั้นเบิกความเท็จไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีแล้ว การเป็นข้อสำคัญหรือไม่สำคัญย่อมเป็นข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อาจนำสืบพยานภายหลังหากไม่ซักค้านพยานฝ่ายตรงข้ามตาม ป.ว.พ. ม.89
จำเลยมิได้ถามค้านพยานโจทก์ในประเด็นข้อใดไว้ แล้วนำพยานของตนในประเด็นข้อนั้นมาสืบในภายหลัง เป็นการต้องห้าม ป.ม.วิแพ่งมาตรา 89 ศาลจะไม่ยอมรับฟังคำจำเลยในประเด็นข้อนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อาจนำสืบพยานหลังไม่ได้ถามค้านพยานฝ่ายตรงข้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89
จำเลยมิได้ถามค้านพยานโจทก์ในประเด็นข้อใดไว้ แล้วนำพยานของตนในประเด็นข้อนั้นมาสืบในภายหลัง เป็นการต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 ศาลจะไม่ยอมรับฟังคำพยานจำเลยในประเด็นข้อนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองมรดกโดยบุตรและการแบ่งมรดกของบิดามารดาที่ต่างมารดา
การที่บุตรได้ไปมาหาสู่บิดาในที่ดินซึ่งเป็นมรดกของมารดาตกทอดมายังบิดาและบุตร ทั้งบุตรได้ใช้สิทธิในที่ดินนั้นเป็นต้นว่าได้เก็บผลไม้และตัดไม้ไผ่ในที่พิพาทไปใช้สอยเสมอมาเสมือนตนเป็นเจ้าของด้วยนับแต่มารดาตายจนถึงบิดาตายเป็นเวลากว่า 1 ปี ถือได้ว่าบุตรนั้นได้ครอบครองที่มาด้วยกันกับบิดา
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกของบิดามารดาจากจำเลย ผู้ซึ่งร่วมบิดากันแต่ต่างมารดานั้น จำเลยยกอายุความมรดกตามมาตรา 1755 มายันโจทก์ได้เฉพาะมรดกส่วนของบิดาเท่านั้น ส่วนมรดกของมารดาโจทก์จำเลยมิได้เป็นทายาทจะนำอายุความมรดกมาตัดฟ้องด้วยไม่ได้
of 153