คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1833/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่น ต้องมีคำขอในฟ้องหรือก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เกี่ยวกับกำหนดเวลาจำคุกผู้กระทำผิดตามคำพิพากษานั้น ก.ม.อาญา ม.32 บัญญัตินับแต่วันต้องคุมขัง เว้นแต่ในคำพิพากษาจะสั่งเป็นอย่างอื่น เช่นสั่งให้นับแต่วันคดีถึงที่สุดเป็นต้น
แต่ถ้าจะสั่งให้นับต่อจากคดีเรื่องอื่นก็จำต้องมีคำขอเช่นนั้น ซึ่งโดยปกติโจทก์ต้องขอมาในฟ้อง ถ้าจะขอภายหลังก็ต้องขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ตาม ป.วิ.อาญา ม.163 แม้ ม.215 จะให้นำบทบัญญัติที่ว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลมก็ดี ม.163 ก็อยู่ในลักษณะฟ้องคดีอาญาและไต่สวนมูลฟ้องหาได้อยู่ในลักษณะการพิจารณาไม่ จึงอาศัยความในมาตรานี้นับโทษต่อให้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831-1833/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่น ต้องมีคำขอตั้งแต่ในฟ้อง หรือก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เกี่ยวกับกำหนดเวลาจำคุกผู้กระทำผิดตามคำพิพากษานั้นกฎหมายอาญา มาตรา 72 บัญญัตินับแต่วันต้องคุมขัง เว้นแต่ในคำพิพากษาจะสั่งเป็นอย่างอื่น เช่นสั่งให้นับแต่วันคดีถึงที่สุดเป็นต้น
แต่ถ้าจะสั่งให้นับต่อจากคดีเรื่องอื่นก็จำต้องมีคำขอเช่นนั้น ซึ่งโดยปกติโจทก์ต้องขอมาในฟ้อง ถ้าจะขอภายหลังก็ต้องขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 แม้ มาตรา 215 จะให้นำบทบัญญัติที่ว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลมก็ดี มาตรา 163 ก็อยู่ในลักษณะฟ้องคดีอาญาและไต่สวนมูลฟ้องหาได้อยู่ในลักษณะการพิจารณาไม่ จึงอาศัยความในมาตรานี้นับโทษต่อให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของตัวแทนวัด: การมอบอำนาจยังคงมีผลแม้เจ้าอาวาสเสียชีวิต
ได้ความว่าเจ้าอาวาสวัดอนงค์ก่อนได้ทำหนังสือมอบอำนาจในนามของวัดให้โจทก์ซึ่งเป็นไวยาวัจกรของวัดเป็นตัวแทนเพื่อกระทำกิจการแทนหรือในนามของวัดที่จะให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัดตลอดจนการฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล แต่เจ้าอาวาสมรณภาพไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้พระภิกษุรูปใหม่ผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสยังมิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องก็ตามโจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ เพราะเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้ทำหนังสือหรือมอบอำนาจในฐานที่เป็นเจ้าอาวาสแทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลหาใช่กระทำเป็นการส่วนตัวไม่ เจ้าอาวาสจะได้มรณภาพไปแล้วการมอบอำนาจก็ยังไม่ระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจของวัดยังคงมีผลแม้เจ้าอาวาสเสียชีวิต: สิทธิฟ้องคดีของตัวแทน
ได้ความว่าเจ้าอาวาสวัดอนงค์ก่อนได้ทำหนังสือมอบอำนาจในนามของวัดให้โจทก์ซึ่งเป็นไวยาวัจจกรณ์ของวัดเป็นตัวแทนเพื่อกระทำกิจการแทนหรือในนามของวัดที่จะให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัด ตลอดจนการฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล แต่เจ้าอาวาสมรณะภาพไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้ พระภิกษุรูปใหม่ผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสยังมิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องก็ตาม โจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ เพราะเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้ทำหนังสือหรือมอบอำนาจในฐานที่เป็นเจ้าอาวาาแทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลหาใช่กระทำเป็นการส่วนตัวไม่ เจ้าอาวาสจะได้มรณะภาพไปแล้วการมอบอำนาจก็ยังไม่ระงับไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานบุกรุกและพยายามฆ่า: แยกกระทงหรือรวมกระทง
การที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกระทงหรือเป็นความผิดกระทงเดียวแต่ต้องด้วยกฎหมายหลายบท มีหลักวินิจฉัยดังนี้คือ ถ้าการกระทำใดเป็นความผิดต้องด้วยกฎหมายหลายบทแล้วจะแยกการกระทำนั้นออกจากกันไม่ได้ ก็เป็นความผิดที่ต้องด้วยกฎหมายหลายบท แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติการกระทำเป็นความผิดไว้คนละอย่างต่างกัน เช่นลักทรัพย์กับทำร้ายร่างกาย หรือทำร้ายร่างกายกับบุกรุกดังนี้ ผู้ที่กระทำผิดทั้งสองอย่างก็ต้องเป็นความผิด 2 กระทงไม่ใช่ต้องด้วยกฎหมายหลายบทเพราะต่างกรรมต่างวาระกัน
การที่จำเลยที่ 1 ทำผิดทั้งบุกรุกและพยายามฆ่าคนเป็นความผิด 2 ฐาน ไม่ใช่เป็นการกระทำเพียงอย่างเดียวจำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดเป็นสองกระทงคือฐานบุกรุกกระทงหนึ่งและฐานพยายามฆ่าคนอีกกระทงหนึ่ง แต่ถ้าความผิดอาญานั้นเกี่ยวเนื่องกันศาลอาจใช้ดุลพินิจรวมกระทงลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกเปรียบเทียบอำเภอเป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ หากจำเลยรับสภาพหนี้ชัดเจน
คำรับสภาพหนี้ในบันทึกการเปรียบเทียบของอำเภอซึ่งจำเลยลงลายมือชื่อไว้ เป็นหลักฐานแสดงการกู้ยืมเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 (เทียบฎีกาที่ 865/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกการเปรียบเทียบทางอำเภอเป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ หากจำเลยรับสภาพหนี้ในเอกสาร
คำรับสภาพหนี้ในบันทึกการเปรียบเทียบของอำเภอซึ่งจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานแสดงการกู้ยืมเป็นหนังสือตาม ่ป.พ.พ. ม.653.
(เทียบฎีกาที่ 865/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกาย: การแบ่งแยกความรับผิดชอบของผู้ร่วมวิวาทและการพิจารณาความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
ในกรณีที่จำเลยกับผู้ตายต่างสมัครใจวิวาทเข้าทำร้ายกันจนผลผู้ตายตายลง โดยจำเลยที่ 1 และผู้ตายเริ่มเข้าทำร้ายกัน จำเลยที่ 1 ใช้พายและฆ้อนทำร้ายผู้ตายไม่เป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนผู้ตายมีมีดขอแล้วเข้ากอดปล้ำกัน จำเลยที่ 2 เห็นจำเลยที่ 1 เสียเปรียบเข้าช่วยจำเลยที่ 1 โดยใช้ไม้คานตีและใช้มีดแทงผู้ตายถูกชายโครงขวาทะลุช่องท้องเป็นแผลฉกรรจ์ แพทย์ลงความเห็นว่าถึงตายเพราะแผลนี้ ข้อเท็จจริงเช่นนี้ยังไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 สมคบกับจำเลยที่ 2 ในการทำร้ายผู้ตายจำเลยที่ 1 ควรมีความผิดเพียงกรรมที่ตนทำฐานทำร้ายร่างกายตาม มาตรา 254 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย: ความรับผิดชอบเฉพาะผู้ลงมือแทง
ในกรณีที่จำเลยกับผู้ตายต่างสมัครในวิวาทเข้าทำร้ายกันจนผลผู้ตายตายลง โดยจำเลยที่ 1 และผู้ตายเริ่มเข้าทำร้ายกันจำเลยที่ 1 ใช้พายและฆ้อนทำร้ายผู้ตายไม่เป็นแผลฉกรรจ์ส่วนผู้ตายมีมีดขอแล้วเข้ากอดปล้ำกันจำเลยที่ 2 เห็นจำเลยที่ 1 เสียเปรียบเข้าช่วยจำเลยที่ 1 โดยใช้ไม้คานตีและใช้มีดแทงผู้ตายถูกชายโครงขวาทลุช่องท้องเป็นแผลฉกรรจ์แพทย์ลงความเห็นว่าถึงตายเพราะแผลนี้.ข้อเท็จจริงเช่นนี้ยังไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 สมคบกับจำเลยที่ 2 ในการทำร้ายผู้ตาย จำเลยที่ 1 ควรมีความผิดเพียงกรรมที่ตนทำฐานทำร้ายร่างกายตาม ม.256 เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องชู้สาว ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
การที่ใช้มีดถางหญ้าฟันเขาถึง 3 แผล แผลที่คอเป็นแผลฉกรรจ์และถึงแก่ความตายในขณะนั้น อันมีสาเหตุเพราะจำเลยเป็นชู้กับเมียผู้ตายและอยากจะอยู่ด้วยกัน การที่จำเลยขุดดินร่วมครึ่งชั่วโมงลอดตัวเข้าไปฆ่าผู้ตายซึ่งนอนอยู่ในโรงได้สมประสงค์ เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยกระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตาม มาตรา 250
การลดโทษประหารชีวิตตาม มาตรา 5937 นั้นต้องควบกัน มาตรา 37 เป็นหลักเกณฑ์การลดโทษว่ามากน้อยเพียงไร มาตรา 59เป็นดุลพินิจในการลดโทษให้
of 153