คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดแผลจากการทำร้ายร่างกายเข้าข่าย 'บาดเจ็บสาหัส' แม้ระยะเวลารักษาไม่นาน แต่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ได้ความว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายถึง 2 แห่งคือที่แขนและที่หน้าอกบาดแผลทั้ง 2 แห่งนี้ปรากฏว่าระยะการรักษาเพียง 15 วันแผลตกสะเก็ดลุกขึ้นลงเรือนได้ แต่ได้ความว่าบาดแผลนี้รักษาอยู่ 23 วันยังไม่หายดีระหว่างรักษาตัวทำการงานอะไรไม่ได้เมื่อเบิกความเป็นพยานครั้งหลังจากเกิดเหตุ 2 เดือน 4 วัน หายใจรู้สึกเสียวที่หน้าอกยังทำการงานอะไรไม่ได้เช่นนี้ถือว่าเป็นบาดแผลสาหัสต้องตาม มาตรา 256 กฎหมายอาญาไม่ใช่บาดเจ็บธรรมดาตาม มาตรา254 กฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคนโดยเจตนาศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสดังนี้เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลถึงสาหัสและฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าก็ย่อมจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดแผลสาหัสจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต
ได้ความว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายถึง 2 แห่งคือที่แขนและที่น่าอก บาดแผลทั้ง 2 แห่งนี้ปรากฏว่าระยะการรักษาเพียง 15 วันแผลตกนะเก็ดลุกขึ้นลงเรือนได้ แต่ได้ความว่าบาดแผลนี้รักษาอยู่ 23 วันยังไม่หายดี ระหว่างรักษาตัวทำการงานอะไรไม่ได้ เมื่อเบิกความเป็นพยานครั้งหลังจากเกิดเหตุ 2 เดือน 4 วัน หายใจรู้สึกเสียวที่น่าอกยังทำการงานอะไรไม่ได้ เช่นนี้ถือว่าเป็นบาดแผลสาหัสต้องตาม ม.256 ก.ม.อาญา ไม่ใช่บาดเจ็บธรรมดาตาม ม.254 ก.ม.อาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคนโดยเจตนา ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม ม.254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลถึงสาหัสและฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าก็ย่อมจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายบาดเจ็บสาหัสตาม ม.256 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลในคดีที่ราคาประเมินเปลี่ยนแปลง: ศาลมีอำนาจเรียกค่าขึ้นศาลตามราคาปัจจุบันได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยขายที่ดินให้ตามสัญยาที่ได้ตกลงประมูลราคากัน แต่ปรากฏว่าราคาที่ดินในขณะฟ้องคดีไม่เท่ากับราคาที่ดินตามที่ได้ประมูลกัน โจทก์จะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนราคาที่ดินในขณะที่ฟ้องคดี
เมื่อมีประเด็นโต้เถียงในชั้นฎีกาถึงเรื่องค่าขึ้นศาลว่าศาลล่างเรียกมาไม่ครบ ศาลฎีกาย่อมอาจสั่งให้คู่ความนำค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่ทั้งสามศาลมาชำระเสียให้ถูกต้องก่อนศาลฎีกาจะพิจารณาพิพากษาก็ได้.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและหน้าที่การนำสืบพยาน: ประเด็นการยืมเงินและการปฏิเสธข้อกล่าวหา
จำเลยกล่าวไว้ในตอนท้ายคำให้การว่า "อย่างไรก็ดีโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องข้าพเจ้าเป็นจำเลย" เหตุใดจึงกล่าวว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้แสดงข้ออ้างอิงแต่ประการใดไม่ ทั้งจำเลยมิได้ให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ศาลได้แต่เพียงแปลความหมายว่าคำกล่าวที่ว่าไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องมาจากคำให้การของจำเลยในตอนต้นๆเช่นที่กล่าวว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ๆ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่เรื่องตัดฟ้องไม่ จึงไม่มีประเด็น และมิจำเป็นที่ศาลจะวินิจฉัยเลยไปถึงว่า โจทก์จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและหน้าที่นำสืบ: การที่จำเลยไม่ให้การตัดฟ้องและไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริงในฟ้องทำให้ไม่มีประเด็นต้องสืบ
จำเลยกล่าวไว้ในตอนท้ายคำให้การว่า "อย่างไรก็ดีโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องข้าพเจ้าเป็นจำเลย" เหตุใดจึงกล่าวว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้แสดงข้ออ้างอิงแต่ประการใดไม่ ทั้งจำเลยมิได้ให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ศาลได้แต่เพียงแปลความหมายว่าคำกล่าวที่ว่าไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องมาจากคำให้การของจำเลยในตอนต้นๆเช่นที่กล่าวว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ๆ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่เรื่องตัดฟ้องไม่ จึงไม่มีประเด็น และมิจำเป็นที่ศาลจะวินิจฉัยเลยไปถึงว่า โจทก์จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้ หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้าน หรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้าง จำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการนำสืบพยาน: จำเลยต้องยกเหตุไม่มีอำนาจฟ้องเป็นข้อต่อสู้ก่อน และโจทก์ไม่ต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่จำเลยไม่โต้แย้ง
จำเลยกล่าวไว้ในตอนท้านคำให้การว่า "อย่างไรก็ดีโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องข้าพเจ้าเป็นจำเลย " เหตุใดจึงกล่าวว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้แสดงข้ออ้างอิงแต่ประการใดไม่ ทั้งจำเลยมิได้ให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ศาลได้แต่เพียงแปลความหมายว่าคำกล่าวที่ว่าไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องมาจากคำให้การของจำเลยในตอนต้น ๆ เช่นที่กล่าวว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ๆ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่เรื่องตัดฟ้องไม่ จึงไม่มีประเด็นและมิจำเป็นที่ศาลจะวินิจฉัยเลยไปถึงว่าโจทก์จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้นไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้างจำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฎิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และการนำสืบหักล้างเอกสารกู้ยืม
ทำหนังสือกู้ให้ไว้ เพื่อสมนาคุณที่ผู้กู้ขายสุกรให้ร้านสหกรณ์ซึ่งผู้ให้กู้เป็นเลขานุการ ได้ให้ความสะดวกแก่ผู้กู้ โดยผู้กู้ไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เลยอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้กู้นำสืบหักล้างเอกสารกู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และการนำสืบหักล้างเอกสารกู้ยืม
ทำหนังสือกู้ให้ไว้ เพื่อสมนาคุณที่ผู้กู้ขายสุกรให้ร้านสหกรณ์ซึ่งผู้ให้กู้เป็นเลขานุการ ได้ให้ความสะดวกแก่ผู้กู้ โดยผู้กู้ไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เลยอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้กู้นำสืบหักล้างเอกสารกู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเชื่อโดยสุจริตเป็นเหตุยกฟ้อง แม้ใบอนุญาตไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ถึงแม้จะวินิจฉัยว่าใบเสร็จรับเงินค่าใบอนุญาตเร่ขายไม่ใช่เป็นใบอนุญาตให้ทำการเร่ขายได้ก็ดี แต่ข้อเท็จจริงซึ่งศาลฎีกาจำต้องถือตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์คือ จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นในอนุญาตให้เร่ขายได้แล้วเช่นนี้ จึงย่อมเอาผิดแก่จำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสุจริตของผู้กระทำผิดและผลต่อการเอาผิดทางอาญา แม้ใบอนุญาตไม่ชอบ
ถึงแม้จะวินิจฉัยว่าใบเสร็จรับเงินค่าใบอนุญาตเร่ขายไม่ใช่เป็นใบอนุญาตให้ทำการเร่ขายได้ก็ดี แต่ข้อเท็จจริงซึ่งศาลฎีกาจำต้องถือตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์คือ จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นใบอนุญาตให้เร่ขายได้แล้วเช่นนี้ จึงย่อมเอาผิดแก่จำเลยหาได้ไม่
of 153