พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากวิวาทปืน: การประเมินเจตนาจากพฤติการณ์ยิง และผลกระทบต่อความผิดฐานพยายามฆ่า
ต่างใช้ปืนแก๊บยิงกันฝ่ายละนัด โดยสมัครใจวิวาทกันกระสุนถูกฝ่ายเดียวในที่ไม่สำคัญจึงเพียงแต่มีบาดเจ็บ หากถูกที่สำคัญก็ทำให้ตายได้ ต่างฝ่ายต่างมีความผิดตาม มาตรา 249,60
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากวิวาทปืน: การพิจารณาเจตนาจากพฤติการณ์ยิง และการใช้ดุลพินิจของศาล
ต่างใช้ปืนแก๊บยิงกันฝ่ายละนัด โดยสมัครใจวิวาทกันกระสุนถูกฝ่ายเดียวในที่ไม่สำคัญจึงเพียงแต่มีบาดเจ็บ หากถูกที่สำคัญก็ทำให้ตายได้ ต่างฝ่ายต่างมีความผิดตาม มาตรา 249,60
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเช่าเพื่อการค้า vs. อยู่อาศัย: จำเลยสละเจตนาเดิม ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยและผู้เช่ารายอื่นๆ อีกประมาณ 112 รายได้เช่าที่โจทก์เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ ครบสัญญาจำเลยจึงมาทำสัญญาเช่าเหมาไปจากโจทก์เพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงและทำการค้า ผู้เช่ารายอื่นๆ ต้องมาเช่าจากจำเลยไปอีกทอดหนึ่งเช่นนี้แล้ว แม้จำเลยจะได้ปลูกโรงเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาทมาก่อนแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าจำเลยได้สละเจตนาเดิมที่เคยเช่าอยู่อาศัยมาเป็นเช่าอยู่เพื่อประโยชน์ให้เช่าช่วงและทำการค้าแล้ว จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินเพื่อค้าและให้เช่าช่วง การสละเจตนาเดิมทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยและผู้เช่ารายอื่นๆ อีกประมาณ 112 รายได้เช่าที่โจทก์เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ ครบสัญญาจำเลยจึงมาทำสัญญาเช่าเหมาไปจากโจทก์เพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงและทำการค้า ผู้เช่ารายอื่นๆ ต้องมาเช่าจากจำเลยไปอีกทอดหนึ่งเช่นนี้แล้ว แม้จำเลยจะได้ปลูกโรงเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาทมาก่อนแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าจำเลยได้สละเจตนาเดิมที่เคยเช่าอยู่อาศัยมาเป็นเช่าอยู่เพื่อประโยชน์ให้เช่าช่วงและทำการค้าแล้ว จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเช่าเพื่อค้า สละเจตนาอยู่อาศัย ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เดิมจำเลยและผู้เช่ารวยอื่น ๆ อีกประมาณ 112 รายได้เช่าที่โจทก์ เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ครบสัญญาจำเลยจึงมาทำสัญญาเช่าเหมาไปจากโจทก์เพื่อนำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงและทำการค้า ผู้เช่ารายอื่น ๆ ต้องมาเช่าจากจำเลยไปอีกทอดหนึ่ง เช่นนี้แล้วแม้จำเลยจะได้ปลูกเรือนอาศัยอยู่ในที่พิพาทมาก่อนแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าจำเลยได้สละเจตนาเดิมที่เคยเช่าอยู่อาศัยมาเป็นเช่าอยู่เพื่อประโยชน์ให้เช่าช่วงและทำการค้าแล้ว จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทต้องระบุตัวบุคคลชัดเจน และโจทก์ต้องพิสูจน์ได้ว่าใครคือผู้ถูกใส่ความ
กรณีที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทข้อความที่กล่าวจะต้องมุ่งเจาะจงถึงบุคคลใดโดยเฉพาะ และโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความถึงบุคคลผู้ถูกหมิ่นประมาทนั้นด้วย
เมื่อในคำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งโจทก์หาได้นำสืบถึงนายแพทย์คนที่ถูกใส่ความหมิ่นประมาทก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์คนใดเป็นผู้เสียหาย
เมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์เฉลิม นายแพทย์เฉลิมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะพึงร้องทุกข์ได้
เมื่อในคำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งโจทก์หาได้นำสืบถึงนายแพทย์คนที่ถูกใส่ความหมิ่นประมาทก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์คนใดเป็นผู้เสียหาย
เมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์เฉลิม นายแพทย์เฉลิมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะพึงร้องทุกข์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทต้องระบุตัวบุคคลชัดเจน โจทก์ต้องพิสูจน์ได้ว่าใครคือผู้ถูกใส่ความ
กรณีที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทข้อความที่กล่าวจะต้องมุ่งเจาะจงถึงบุคคลใดโดยเฉพาะ และโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความถึงบุคคลผู้ถูกหมิ่นประมาทนั้นด้วย
เมื่อในคำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งโจทก์หาได้นำสืบถึงนายแพทย์คนที่ถูกใส่ความหมิ่นประมาทก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์คนใดเป็นผู้เสียหาย
เมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์เฉลิม นายแพทย์เฉลิมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะพึงร้องทุกข์ได้
เมื่อในคำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งโจทก์หาได้นำสืบถึงนายแพทย์คนที่ถูกใส่ความหมิ่นประมาทก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์คนใดเป็นผู้เสียหาย
เมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์เฉลิม นายแพทย์เฉลิมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะพึงร้องทุกข์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทต้องระบุตัวบุคคลชัดเจน โจทก์ต้องพิสูจน์ได้ว่าใครคือผู้ถูกหมิ่นประมาท
กรณีที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทข้อความที่กล่าวจะต้องมุ่งเจาะจงถึงบุคคลใดโดยเฉพาะและโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความถึงบุคคลผู้ถูกหมิ่นประมาทนั้นด้วย
เมื่อในคำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งโจทก์หาได้นำสืบถึงนายแพทย์คนที่ถูกใส่ความหมิ่นประมาท ก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์ได้เป็นผู้เสียหาย
เมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์เฉลิม นายแพทย์เฉลิมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะพึงร้องทุกข์ได้
เมื่อในคำโฆษณามีความหมายเฉพาะนายแพทย์ชายคนหนึ่งไม่มีกินความถึงนายแพทย์ทุก ๆ คนของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งโจทก์หาได้นำสืบถึงนายแพทย์คนที่ถูกใส่ความหมิ่นประมาท ก็ย่อมทราบไม่ได้ว่านายแพทย์ได้เป็นผู้เสียหาย
เมื่อตามคำฟ้องไม่มีช่องทางแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวใส่ความถึงนายแพทย์เฉลิม นายแพทย์เฉลิมจึงมิใช่ผู้เสียหายอันจะพึงร้องทุกข์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยที่ไม่จดทะเบียน & การโอนสมยอม: อำนาจฟ้องขับไล่
สิทธิอาศัยเป็นทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ถ้าไม่จดทะเบียนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ย่อมไม่บริบูรณ์
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยว่ามีสิทธิอาศัยตลอดชีวิตตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าของเดิมและสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้แม้จะปรากฏว่าสิทธิอาศัยที่จำเลยอ้างนั้นไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกการให้อาศัยได้ก็ตาม ก็ยังมีประเด็นที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้รับโอนมาชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือยังหากจำเลยสืบสมก็เท่ากับว่าโจทก์ยังไม่ใช่เจ้าของซึ่งไม่มีอำนาจฟ้องยังไม่ควรสั่งงดสืบพยานควรจะได้ฟังพยานในประเด็นข้อนี้ต่อไป
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยว่ามีสิทธิอาศัยตลอดชีวิตตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าของเดิมและสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้แม้จะปรากฏว่าสิทธิอาศัยที่จำเลยอ้างนั้นไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกการให้อาศัยได้ก็ตาม ก็ยังมีประเด็นที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้รับโอนมาชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือยังหากจำเลยสืบสมก็เท่ากับว่าโจทก์ยังไม่ใช่เจ้าของซึ่งไม่มีอำนาจฟ้องยังไม่ควรสั่งงดสืบพยานควรจะได้ฟังพยานในประเด็นข้อนี้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย การโอนสมยอมทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
สิทธิอาศัยเป็นทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ถ้าไม่จดทะเบียนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ย่อมไม่บริบูรณ์
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยว่ามีสิทธิอาศัยตลอดชีวิตตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าของเดิมและสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้แม้จะปรากฏว่าสิทธิอาศัยที่จำเลยอ้างนั้นไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกการให้อาศัยได้ก็ตาม ก็ยังมีประเด็นที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้รับโอนมาชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือยังหากจำเลยสืบสมก็เท่ากับว่าโจทก์ยังไม่ใช่เจ้าของซึ่งไม่มีอำนาจฟ้องยังไม่ควรสั่งงดสืบพยานควรจะได้ฟังพยานในประเด็นข้อนี้ต่อไป
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยว่ามีสิทธิอาศัยตลอดชีวิตตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าของเดิมและสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้แม้จะปรากฏว่าสิทธิอาศัยที่จำเลยอ้างนั้นไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกการให้อาศัยได้ก็ตาม ก็ยังมีประเด็นที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้รับโอนมาชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือยังหากจำเลยสืบสมก็เท่ากับว่าโจทก์ยังไม่ใช่เจ้าของซึ่งไม่มีอำนาจฟ้องยังไม่ควรสั่งงดสืบพยานควรจะได้ฟังพยานในประเด็นข้อนี้ต่อไป