คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์: จำเลยปฏิเสธการรับฝาก ไม่ถือเป็นเจตนายักยอก หากไม่มีหลักฐานแสดงเจตนาทุจริต
เมื่อคดีได้ความแต่เพียงว่าจำเลยรับฝากโคไว้แล้วบุตรจำเลยมาเอาไปเสีย โดยโจทก์ไม่มีพยานแสดงให้เห็นว่าจำเลยรู้เห็นเป็นใจให้บุตรจำเลยเอาโคไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้คดีโจทก์ก็ยังชี้ไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอก ฉนั้นแม้คดีจะได้ความว่าจำเลยรับฝากโคไว้แล้วกับปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากก็ดีหรือการที่จำเลยบอกผู้เสียหายว่าบุตรจำเลยเอาไปจากจำเลย ๆ ก็รับจะใช้ให้ก็ดี เมื่อไปพูด "ถ้ามึงพูดดีก็ให้ พูดไม่ดีก็ไม่ให้" เพีบงเท่านี้ยังลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์: เจตนาทุจริตต้องพิสูจน์ได้ การปฏิเสธหรือการเสนอใช้เงินคืนไม่ถือเป็นเจตนายักยอก
เมื่อคดีได้ความแต่เพียงว่าจำเลยรับฝากโคไว้แล้วบุตรจำเลยมาเอาไปเสีย โดยโจทก์ไม่มีพยานแสดงให้เห็นว่าจำเลยรู้เห็นเป็นใจให้บุตรจำเลยเอาโคไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้คดีโจทก์ก็ยังชี้ไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอก ฉะนั้นแม้คดีจะได้ความว่าจำเลยรับฝากโคไว้แล้วกลับปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากก็ดี หรือการที่จำเลยบอกผู้เสียหายว่าบุตรจำเลยเอาไปจากจำเลย จำเลยก็รับจะใช้ให้ก็ดี เมื่อไปพูดกันที่บ้านกำนัน จำเลยยังพูดว่า"ถ้ามึงพูดดีก็ให้ พูดไม่ดีก็ไม่ให้" เพียงเท่านี้ยังลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมเนื่องจากจำเลยสมคบกันหลอกลวงเจ้าหนี้เพื่อให้เสียเปรียบ
โจทก์กล่าวฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ผู้เงินโจทก์ที่ 1 ไปโดยให้โจทก์ที่ 2 ค้ำประกันและจำเลยที่ 1 ได้นำทะเบียนรถยนต์มีชื่อจำเลยที่ 1 มาหลอกโจทก์ทั้ง2 ว่าเป็นของจำเลยที่ 1 แท้จริงรถคันนั้นจำเลยที่ 1 ซื้อผ่อนส่งจากบริษัท+ ยังผ่อนไม่หมดรถยังเป็นของบริษัท จำเลยที่ 2 ก็ทราบความดังนี้ดี แล้วจำเลยที่ 1 พาจำเลยที่ 2 ไปชำระเงินค้างผ่อนส่งแล้วให้บริษัทโอนใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของ นอกจากรถคันนี้แล้วจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอย่างใดอีก
ตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้แสดงว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 2 เป็นเหตุให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบตรงตามความในป.พ.พ.ม.237 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เลิกถอนนิติกรรมระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมเนื่องจากจำเลยสมคบกันเอาทรัพย์สินไปจากเจ้าหนี้ ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
โจทก์กล่าวฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ที่ 1 ไปโดยให้โจทก์ที่ 2 ค้ำประกัน และจำเลยที่ 1 ได้นำทะเบียนรถยนต์มีชื่อจำเลยที่ 1 มาหลอกโจทก์ทั้ง 2 ว่าเป็นของจำเลยที่ 1 แท้จริงรถคันนั้นจำเลยที่1 ซื้อผ่อนส่งจากบริษัทดีทแฮลม์ ยังผ่อนไม่หมดรถยังเป็นของบริษัทจำเลยที่ 2 ก็ทราบความดังนี้ดี แล้วจำเลยที่ 1 พาจำเลยที่ 2 ไปบริษัทชำระเงินที่ค้างผ่อนส่งแล้วให้บริษัทโอนใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของนอกจากรถคันนี้แล้วจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอย่างใดอีก
ตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้แสดงว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 2 เป็นเหตุให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบตรงตามความใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยคดีทางเดินต้องเป็นไปตามคำท้าของคู่ความ ศาลมิอาจใช้เหตุอื่นนอกเหนือจากที่ได้ท้ากันไว้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดิน คู่ความท้ากันว่าให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาทถ้าเห็นว่าที่พิพาทมีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่ ถ้าเป็นจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เป็นโจทก์ยอมแพ้
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า"แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล. ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียนหมายอักษร ข." เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่นๆ(นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น)เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อพิพาทเรื่องทางเดินต้องเป็นไปตามคำท้าของคู่ความ ศาลมิอาจนำเหตุอื่นมาวินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดิน คู่ความท้ากันว่าให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาทถ้าเห็นว่าที่พิพาทมีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่ ? ถ้าเป็นจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เป็น โจทก์ยอมแพ้
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า "แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล.ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียน หมายอักษร ข." เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ข.ฉนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่น ๆ (นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น) เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์มรดกโดยเจ้าหนี้และการแบ่งมรดกโดยทายาท
เมื่อได้ความว่าเจ้าหนี้ครอบครองที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกไว้ทำประโยชน์ต่างดอกเบี้ยตลอดมา โดยทายาทมิได้ครอบครองมรดกนั้นด้วย ดังนี้ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ครอบครองในนามของผู้ตายหรือครอบครองแทนทายาทของผู้+ร่วมกัน และอายุความที่เกี่ยวกับฟ้องขอให้แบ่งที่พิพาทระหว่างทายาทด้วยกันนั้นจึงไม่อยู่ในบังคับบท ม. 1754 (อายุความ 1 ปี)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองแทนทายาทและอายุความฟ้องแบ่งมรดก: เจ้าหนี้ครอบครองแทนทายาท ทำให้อายุความไม่ขาด
เมื่อได้ความว่าเจ้าหนี้ครอบครองที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกไว้ทำประโยชน์ต่างดอกเบี้ยตลอดมา โดยทายาทมิได้ครอบครองมรดกนั้นด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ครอบครองในนามของผู้ตายหรือครอบครองแทนทายาทของผู้ตายร่วมกันและอายุความที่เกี่ยวกับฟ้องขอให้แบ่งที่พิพาทระหว่างทายาทด้วยกันนั้นจึงไม่อยู่ในบังคับบท มาตรา 1754 (อายุความ 1ปี)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานช่วยเหลือผู้กระทำผิด เลี่ยงโทษอาญาแผ่นดินเป็นคดีส่วนตัว
มาตรา 28 แห่ง พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ.2457บัญญัติให้ผู้ใหญ่บ้านท้องที่มีอำนาจและหน้าที่การงานในเขตท้องที่ของตนและ พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2486 มาตรา 6 เพิ่มหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านเข้าไว้อีกตามข้อ 18 ว่า'ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของกำนันหรือทางราชการฯ'ประกอบกับคำปลัดอำเภอพยานโจทก์ว่าผู้ใหญ่บ้านทุกคนมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดในท้องที่ของตนและต้องรายงานให้อำเภอทราบ
จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านจึงเป็นเจ้าพนักงานท้องที่ตาม กฎหมายเมื่อพาผู้ต้องหาในคดีลักและฆ่ากระบือไปส่งอำเภอระหว่างทางจำเลยจัดการให้ผู้เสียหายกับผู้ต้องหาเลิกคดีกันโดยผู้ต้องหายอมใช้ราคาค่าเสียหายจำเลยปล่อยผู้ต้องหาโดยจัดทำสัญญาประนีประนอมให้เลิกคดีกันปิดข้อเท็จจริงเรื่องลักทรัพย์และฆ่ากระบือเป็นเรื่องทำให้เสียทรัพย์โดยไม่เจตนา คือปิดข้อเท็จจริงซึ่งเป็นความผิดทางอาญาแผ่นดินไม่มีทางเลิกกันได้ให้เป็นความผิดส่วนตัวที่เลิกกันได้ตามกฎหมายเช่นนี้จำเลยได้ชื่อว่ากระทำการอันไม่ควรกระทำและมีเจตนาช่วยเหลือผู้กระทำผิดไม่ให้ต้องรับโทษการกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปกครองปล่อยผู้ต้องหา เลี่ยงการดำเนินคดีอาญา เปลี่ยนเป็นคดีแพ่ง มีความผิดตาม ม.142
ม.28 แห่ง พ.ร.บ. ปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 บัญญัติให้ผู้ใหญ่บ้านท้องที่มีอำนาจและหน้าที่การงานในเขตท้องที่ของตน และ พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2486 ม.6 เพิ่มหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านเข้าไว้อีกตาม ข้อ 18 ว่า " ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของกำนันหรือทางราชการฯ" ประกอบกับคำปลัดอำเภอพยานโจทก์ว่า ผู้ใหญ่บ้านทุกคนมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดในท้องที่ของตนและต้องรายงานให้อำเภอทราบ
จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านจึงเป็นเจ้าพนักงานท้องที่ตาม ก.ม.เมื่อพาผู้ต้องหาในคดีลักและฆ่ากระบือไปส่งอำเภอ ระหว่างทางจำเลยจัดการให้ผู้เสียหายกับผู้ต้องหาเลิกคดีกันโดยผู้ต้องหายอมใช้ราคาค่าเสียหาย จำเลยปล่อยผู้ต้องหาโดยจัดหาสัญญาประนีประนอมให้เลิกคดีกัน ปิดข้อเท็จจริงเรื่องลักทรัพย์และฆ่ากระบือเป็นเรื่องทำให้เสียทรัพย์โดยไม่เจตนา คือปิดข้อเท็จจริงซึ่งเป็นความผิดทางอาญาแผ่นดินที่ไม่มีทางเลิกกันได้ให้เป็นความผิดส่วนตัวที่เลิกกันได้ตามกฎหมาย เช่นนี้จำเลยได้ชื่อว่ากระทำการอันไม่ควรกระทำและมีเจตนาช่วยเหลือผู้กระทำผิดไม่ให้ต้องรับโทษ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดตาม ก.ม. อาญา ม. 142
of 153