พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างรุกล้ำคลองชลประทานโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การชลประทานหลวง
ปลูกห้องแถวรุกล้ำเข้าไปบนชานคลองภาษีเจริญ และปักเสาทำเขื่อนรุกล้ำลงไปในทางน้ำคลองภาษีเจริญ โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากนายช่างชลประทานย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ.2485
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างรุกล้ำคลองชลประทานโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.ชลประทานหลวง
ปลูกห้องแถวรุกล้ำเข้าไปบนชานคลองภาษีเจริญ และปักเสาทำเขื่อนรุกล้ำลงไปในทางน้ำคลองภาษีเจริญ โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากนายช่างชลประทาน ย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ.ชลประทานหลวง พ.ศ.2485
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เนื่องจากจำเลยวิกลจริตขณะดำเนินคดี
ในระยะเวลาที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ก็ดี ส่งหมายต่างๆให้จำเลยจนกระทั้งพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ก็ดี เป็นไปในระหว่างจำเลยเป็นโรคเส้นประสาทอย่างแรงถึงขนาดที่เรียกว่าวิกลจริต หรือสติฟั่นเฟือนไม่ปรติ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจหลีกเลี่ยงไปต่อสู้คดี ฉะนั้นเมื่อจำเลยร้องขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ก็มีเหตุสมควรให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 209,
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เนื่องจากจำเลยมีอาการวิกลจริตในช่วงเวลาที่ดำเนินคดี
ในระยะเวลาที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ก็ดี ส่งหมายต่างๆให้จำเลยจนกระทั่งพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ก็ดีเป็นไปในระหว่างจำเลยเป็นโรคเส้นประสาทอย่างแรงถึงขนาดที่เรียกว่าวิกลจริต หรือสติฟั่นเฟือนไม่ปรกติดังนี้ถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจหลีกเลี่ยงไม่ต่อสู้คดี ฉะนั้นเมื่อจำเลยร้องขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ก็มีเหตุสมควรให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 88/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินแทนบุคคลอื่น แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ สิทธิยังเป็นของผู้ซื้อที่แท้จริง
บุตรจดทะเบียนเป็นผู้ซื้อที่ดินมีโฉนด แต่ซื้อแทนมารดาแม้จะไม่ได้มีหนังสือตั้งตัวแทน ที่ดินก็ไม่เป็นของบุตรมารดาฟ้องขับไล่บุตรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้ทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสแก่บุตร ย่อมเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยา
บิดายกที่ดินและตึกแถว อันเป็นสินเดิมของบิดาให้แก่บุตรคนเดียว ซึ่งเกิดกับภริยาคนก่อนผู้เป็นมารดา-บุตรและถึงแก่กรรมไปแล้ว เนื่องจากที่ดินและตึกแถวนั้นเดิมเป็นสินสมรสระหว่างบิดากับมารดาผู้ถึงแก่กรรมไปแล้วนั้น ทั้งภริยาคนใหม่นี้ก็ไม่มีบุตรด้วยกัน ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1473 ( 3 ) จึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์สินเดิมที่เป็นสินสมรสให้บุตร ถือเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรม ไม่ต้องมียินยอมจากภริยา
บิดายกที่ดินและตึกแถว อันเป็นสินเดิมของบิดาให้แก่บุตรคนเดียว ซึ่งเกิดกับภริยาคนก่อนผู้เป็นมารดา บุตรและถึงแก่กรรมไปแล้วเนื่องจากที่ดินและตึกแถวนั้นเดิมเป็นสินสมรสระหว่างบิดากับมารดาผู้ถึงแก่กรรมไปแล้วนั้นทั้งภริยาคนใหม่นี้ก็ไม่มีบุตรด้วยกันดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3) จึงไม่ต้องได้ได้รับความยินยอมจากภริยาก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเรือนที่มีผู้เช่าเดิมอยู่แล้ว โดยมีเจตนาให้ผู้เช่าได้รับความเดือดร้อน ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขัดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินและเรือนขายเฉพาะเรือนในที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปแล้วให้ผู้ซื้อทำสัญญาเช่าที่ดินที่ปลูกเรือนนั้นแต่ปรากฏว่า ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทราบดีว่า มีผู้เช่าเรือนนั้นอยู่อาศัยมาแต่เดิม ซึ่งได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ และเมื่อซื้อมาแล้ว ผู้ซื้อก็จัดการร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้ผู้เช่าออกจากเรือนพิพาทเพื่อเข้าอยู่เอง เมื่อคณะกรรมการไม่อนุญาต เจ้าของที่ดินก็ฟ้องขับไล่ให้ผู้ซื้อรื้อถอนเรือนนั้นไปดังนี้ เป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการซื้อขายเพื่อให้ผู้เช่าไม่ได้ใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าอยู่จึงถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เจ้าของที่ดินจึงไม่มีสิทธิจะมาขอให้ศาลบังคับขับไล่ผู้เช่าออกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายสิทธิในที่ดินสินสมรสเฉพาะส่วน และการโอนสิทธิที่ดินโดยเจ้าของร่วม
สามีมีอำนาจจำหน่ายที่ดินสินสมรสซึ่งมีชื่อสามีในโฉนดแผนที่ได้
เจ้าของร่วมคนหนึ่งอาจจำหน่ายส่วนของตนในทรัพย์สินที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้โดยลำพัง
เจ้าของร่วมคนหนึ่งอาจจำหน่ายส่วนของตนในทรัพย์สินที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้โดยลำพัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดในค่าเสียหายจากสัญญา: ความคาดเห็นได้ของผลกระทบ
ค่าเสียหายในกรณีผิดสัญญาตามความใน ป.ม.แพ่งฯมาตรา 222 นั้นมิใช่เฉพาะแต่กรณีที่คาดเห็นหรืออยู่ในฐานะคาดเห็นได้ ในเวลาทำสัญญาเท่านั้น ถ้าหากผู้ผิดสัญญาย่อมคาดเห็นหรืออยู่ในฐานะคาดเห็นได้ว่าการที่ตัวทำผิดสัญญา จะเป็นผลให้เกิดการเสียหายแก่อีกฝ่ายหนึ่งอย่างใดแล้ว ก็อาจมีความรับผิดในค่าเสียหายนั้นดัวย