คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนของพนักงานสอบสวน: โจทก์มีหน้าที่นำสืบหากจำเลยโต้แย้ง
ประกาศกระทรวงมหาดไทยกำหนดเขตอำนาจการรับผิดชอบและเขตพื้นที่การปกครองของหน่วยราชการกรมตำรวจลงวันที่ 14 สิงหาคม 2493 กำหนดให้กองบังคับการกองตรวจมีเขตอำนาจรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตลอดเขตพื้นที่จังหวัดพระนครและธนบุรีนั้น มิใช่เป็นกฎหมายอันจะถือได้ว่า ทุกคนจำต้องทราบอย่างกฎหมาย แต่เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบให้ทราบ เมื่อจำเลยคัดค้านว่านายตำรวจผู้สอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน จึงเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบแสดงว่า นายตำรวจผู้สอบสวนมีอำนาจสอบสวนเมื่อไม่นำสืบก็ยังฟังไม่ได้ว่า ได้มีการสอบสวนโดยชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว จึงต้องบทห้ามมิให้อัยการฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนของตำรวจ: โจทก์ต้องพิสูจน์ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวนคดีอาญา
ประกาศกระทรวงมหาดไทยกำหนดเขตอำนาจการรับผิดชอบและเขตพื้นที่การปกครองของหน่วยราชการกรม ตำรวจลงวันที่ 14 สิงหาคม 2493 กำหนดให้กองบังคับการกองตรวจมีเขตอำนาจรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.ม.วิ.อาญาตลอดเขตพื้นที่จังหวัดพระนครและธนบุรีนั้น มิใช่เป็นกฎหมายอันจะถือได้ว่า ทุกคนจำต้องทราบอย่าง กฎหมาย แต่เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบให้ทราบ เมื่อจำเลยคัดค้านว่านายตำรวจผู้สอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน จึงเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบแสดงว่า นายตำรวจผู้สอบสวนมีอำนาจสอบสวน เมื่อไม่นำสืบก็ยังฟังไม่ได้ว่า ได้มี การสอบสวนโดยชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญาแล้ว จึงต้องบทห้ามมิให้อัยการฟ้องคดีตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 120.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบกันวิ่งราวทรัพย์: การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดและบทลงโทษในชั้นอุทธรณ์และการยืนตามคำพิพากษาเดิมในชั้นฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยสมคบกันวิ่งราวทรัพย์ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 297,63 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ว่า จำเลยผิดเพียงฐานสมรู้และแก้โทษเป็นจำคุก 2 ปี ดังนี้เป็นการแก้บทและแก้กำหนดโทษ จึงเป็นการแก้มาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรู้ร่วมคิดวิ่งราวทรัพย์: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สมรู้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยสมคบกันวิ่งราวทรัพย์ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 297, 63 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์ แก้ว่า จำเลยผิดเพียงฐานสมรู้ และแก้โทษเป็นจำคุก 2 ปี ดังนี้เป็นการแก้บทและแก้กำหนดโทษ จึงเป็นการแก้ มาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึด: ผู้ขัดทรัพย์ไม่มีสิทธิรับคืนหลังศาลตัดสินว่าไม่ใช่ของตน
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของตน คดีถึงที่สุดศาลได้ชี้ขาดว่าทรัพย์ที่ยึดมิใช่เป็นของผู้ร้อง แต่เป็นของลูกหนี้ ดังนี้ ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิใด ๆ ในทรัพย์ที่ยึดนั้น ฉะนั้น ผู้ร้องจะร้องขอชำระเงินให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เพื่อขอให้ศาลส่งคืนทรัพย์ที่ยึดให้แก่ผู้ร้องขัดทรัพย์อีกนั้น ย่อมมิใช่เป็นการเสนอคดีต่อศาลตามความหมายของ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 55 ศาลย่อมไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำไม้เคลื่อนที่ล่วงด่านป่าไม้ต้องมีใบเบิกทางเฉพาะไม้ที่ทำตามกฎหมายเท่านั้น ไม้ผิดกฎหมายไม่ต้องขอใบเบิกทาง
ความผิดฐานนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ล่วงด่านป่าไม้ไม่มีใบเบิกทางกำกับตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 39 นั้น มุ่งหมายถึงไม้ที่ทำออกได้โดยรับอนุญาตจากเจ้าพนักงานภายหลังที่นำไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตแล้วประการหนึ่ง กับไม้ที่ทำออกโดยไม่ต้องรับอนุญาต ภายหลังที่นำไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้ว อีกประการหนึ่ง เท่านั้น ถ้าหากนำไม้ที่ทำออกโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือนำไม้ที่มีไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตเคลื่อนล่วงด่านป่าไม้แล้วย่อมไม่อยู่ในบังคับแห่งบทมาตรานี้ (อ้างฎีกาที่ 38/2496)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเคลื่อนย้ายไม้ผิดกฎหมายและการมีไม้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต: ข้อจำกัดของบทบัญญัติ พ.ร.บ.ป่าไม้
ความผิดฐานนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ล่วงด่านป่าไม้ ไม่มีใบเบิกทางกำกับตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 นั้น มุ่งหมายถึงไม้ที่ทำออกได้โดยรับอนุญาตจากเจ้าพนักงานภายหลังที่นำไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตแล้วประการ หนึ่ง กับไม้ที่ทำออกโดยไม่ต้องรับอนุญาต ภายหลังที่นำไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้ว อีกประการหนึ่ง เท่านั้น ถ้า หากนำไม้ที่ทำออกโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือนำไม้ที่มีไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตเคลื่อนล่วงด่านป่าไม้แล้ว ย่อมไม่อยู่ ในบังคับแห่งบทมาตรานี้.
(อ้างฎีกาที่ 38/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ด้วยการชำระหนี้ด้วยเรือน การระงับหนี้เดิม
จำเลยตกลงกับโจทก์ เอาเรือนของจำเลยตีใช้หนี้เงินกู้ให้โจทก์เป็นราคา 9,500 บาทโดยให้โจทก์รื้อเอาเรือนไปใน 5 วัน นั้น หาจำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 ไม่ข้อตกลงดังกล่าว เป็นการแปลงหนี้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 349 โดยคู่กรณีได้ตกลงเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ คือเอาเรือนของ จำเลยชำระหนี้แทนที่จะต้องนำเงินมาชำระตามสํญญากู้ ฉะนั้นหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นอันระงับไป./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1008/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ด้วยการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน และผลของการระงับหนี้เดิม
จำเลยตกลงกับโจทก์ เอาเรือนของจำเลยตีใช้หนี้เงินกู้ให้โจทก์เป็นราคา 9,500 บาทโดยให้โจทก์รื้อเอาเรือนไปใน 5 วันนั้น หาจำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ไม่ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการแปลงหนี้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 โดยคู่กรณีได้ตกลงเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ คือเอาเรือนของจำเลยชำระหนี้แทนที่จะต้องนำเงินมาชำระตามสัญญากู้ ฉะนั้นหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นอันระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษจากจำคุกเป็นรอการลงอาญา และการไม่ขัดขวางสิทธิในการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน โดยไม่รอการลงอาญา ศาลอุทธรณ์แก้ให้รอการลงอาญา เป็นการแก้มากไม่ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามมาตรา 218
of 153