พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย เป็นโทษเสริมจากโทษฐานความผิด ลดโทษตามมาตรา 59 ไม่ได้
แม้ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำนั้น พร้อมกับเพิ่มโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 72 แล้วก็ตาม ถ้าปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแล้ว ศาลก็เพิ่มโทษกักกันขึ้นอีกโสดหนึ่ง
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษ อันเป็นฐานความผิดจึงจะลดโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 ไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 1387/2495)
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษ อันเป็นฐานความผิดจึงจะลดโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 ไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 1387/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนต้องมีหลักฐานประกอบอื่นนอกเหนือจากคำรับสารภาพเอง จึงจะรับฟังได้
พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพของจำเลย ในชั้นสอบสวนจะต้องไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพนั้นเองเพียงแต่มีคำพยานว่าจำเลยได้รับสารภาพต่อพยานดังที่ได้สอบสวนจากบันทึกไว้ยังไม่เป็นหลักฐานประกอบคำรับสารภาพนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน - การฟ้องคดีเฉพาะจำเลยผู้ทำสัญญา โดยไม่ฟ้องผู้รับโอน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรม เป็นผู้รับมรดกที่ดินของบิดาโจทก์ ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วและว่า ถ้าจำเลยได้ทำสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับผู้อื่นแล้ว ขอให้ทำลายเอกสารเสียด้วย แต่โจทก์มิได้ฟ้องผู้รับโอนที่ดินรายนั้นจากจำเลย เป็นจำเลยด้วยไม่ ดังนี้ แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินนั้น เป็นของบิดา โจทก์ตกได้แก่โจทก์ ศาลก็ไม่ชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาโอน กรรมสิทธิ์อันเป็นผลเลยไปถึงบุคคลภายนอก ซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาโอนกรรมสิทธิที่ดินต้องมีคู่ความครบถ้วน การฟ้องไม่ครอบคลุมถึงผู้รับโอนทำให้ศาลไม่สามารถบังคับคดีถึงบุคคลภายนอกได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรม เป็นผู้รับมรดกที่ดินของบิดาโจทก์ ซึ่งถือแก่กรรมไปแล้ว
และว่า ถ้าจำเลยได้ทำสัญญาโอนกรรมสิทธิที่ดินให้กับผู้อื่นแล้ว ขอให้ทำลายเอกสารเสียด้วย แต่โจทก์มิได้ฟ้องผู้รับโอนที่ดินรายนั้นจากจำเลยเป็นจำเลยด้วยไม่ ดังนี้ แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินนั้น เป็นของบิดาโจทก์ตกได้แก่โจกท์ ศาลก็ไม่ชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาโอนกรรมสิทธิอันเป็นผลเลยไปถึงบุคคลภายนอก ซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วย./
และว่า ถ้าจำเลยได้ทำสัญญาโอนกรรมสิทธิที่ดินให้กับผู้อื่นแล้ว ขอให้ทำลายเอกสารเสียด้วย แต่โจทก์มิได้ฟ้องผู้รับโอนที่ดินรายนั้นจากจำเลยเป็นจำเลยด้วยไม่ ดังนี้ แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินนั้น เป็นของบิดาโจทก์ตกได้แก่โจกท์ ศาลก็ไม่ชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาโอนกรรมสิทธิอันเป็นผลเลยไปถึงบุคคลภายนอก ซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วย./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอุทธรณ์ให้รับอุทธรณ์ใหม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โดยอ้างว่า ไม่แก้ไขอุทธรณ์ตามคำสั่งจนเลยกำหนดเวลา แล้วนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ที่แก้ไขใหม่ภายในกำหนดเวลา จึงยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นตรวจสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ที่ย่นมาใหม่นั้น ถือว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยจะฎีกาทันทีไม่ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งรับอุทธรณ์ใหม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โดยอ้างว่า ไม่แก้ไขอุทธรณ์ตามคำสั่งจนเลยกำหนดเวลาแล้วนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์ที่แก้ไขใหม่ภายในกำหนดเวลา จึงยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นตรวจสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ที่ยื่นมาใหม่นั้นถือว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยจะฎีกาทันทีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในความผิดฐานไม่ต่ออายุใบสำคัญคนต่างด้าว ต้องใช้กฎหมายในขณะกระทำผิด ซึ่งมีโทษเบากว่า
จำเลยขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ตั้งแต่หมดอายุในวันที่ 6 กรกฎาคม 2485 ตลอดมานั้น จะปรับเป็น
รายปีตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 และแก้ไข 2495 ไม่ได้ เพราะในขณะกระทำผิด กฎหมายในขณะนั้น คือ พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว 247-9 และแก้ไข 2481 บัญญัติไว้ให้ปรับได้เพียงไม่เกิน 12 บาทเท่านั้น นอกจากนั้น พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2495 ยังกำหนดอัตราโทษหนักว่าบทกฎหมายที่ใช้ ในขณะกระทำผิด คดีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลยได้ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2495.
อนึ่งการขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัวปีที่แล้ว ๆ มา ก็ขาดอากยุความฟ้องร้องตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 78(4) ซึ่ง กำหนดให้ฟ้องภายใน 1 ปีแล้ว./
รายปีตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2493 และแก้ไข 2495 ไม่ได้ เพราะในขณะกระทำผิด กฎหมายในขณะนั้น คือ พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว 247-9 และแก้ไข 2481 บัญญัติไว้ให้ปรับได้เพียงไม่เกิน 12 บาทเท่านั้น นอกจากนั้น พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2495 ยังกำหนดอัตราโทษหนักว่าบทกฎหมายที่ใช้ ในขณะกระทำผิด คดีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลยได้ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ. 2495.
อนึ่งการขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัวปีที่แล้ว ๆ มา ก็ขาดอากยุความฟ้องร้องตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 78(4) ซึ่ง กำหนดให้ฟ้องภายใน 1 ปีแล้ว./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยคนต่างด้าวที่ขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัว โดยต้องใช้กฎหมายในขณะกระทำผิดและกฎหมายที่ให้โทษเบากว่า
จำเลยขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ตั้งแต่หมดอายุในวันที่ 6 กรกฎาคม 2485 ตลอดมานั้น จะปรับเป็นรายปีตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493และแก้ไข 2495 ไม่ได้ เพราะในขณะกระทำผิดกฎหมายในขณะนั้น คือ พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว 2479 และแก้ไข 2481บัญญัติไว้ให้ปรับได้เพียงไม่เกิน 12 บาท เท่านั้นนอกจากนั้น พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2495 ยังกำหนดอัตราโทษหนักกว่าบทกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดคดีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลยได้ตาม พระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าวพ.ศ.2495
อนึ่งการขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัวปีที่แล้วๆมา ก็ขาดอายุความฟ้องร้องตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78(4) ซึ่งกำหนดให้ฟ้องภายใน 1 ปีแล้ว
อนึ่งการขาดต่ออายุใบสำคัญประจำตัวปีที่แล้วๆมา ก็ขาดอายุความฟ้องร้องตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78(4) ซึ่งกำหนดให้ฟ้องภายใน 1 ปีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทและการฟ้องคดีระหว่างผู้จัดการมรดกกับทายาทอื่น
ทายาทของผู้ตายฟ้องผู้จัดการมรดกของผู้ตายขอให้ศาลแสดงว่าตนเป็นทายาทของผู้ตาย และมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแต่ผู้เดียวนั้นเมื่อปรากฏในคำฟ้องว่า จำเลยไปร้องขอรับมรดกที่ดินมรดกโดยแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่า ผู้ตายไม่มีทายาทอื่นดังนี้เป็นเรื่องที่ทายาทขอให้แสดงสิทธิเท่านั้น จึงไม่เป็นการขัดต่อการจัดการมรดกแต่อย่างใดฉะนั้นแม้ขณะนั้นจำเลยจะเป็นผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาทผู้นั้นก็ยังฟ้องได้ และศาลก็จะพิพากษาเพียงแสดงว่าโจทก์เป็นทายาทของผู้ตายเท่านั้นส่วนจะเป็นทายาทแต่คนเดียวหรือไม่นั้น ไม่ชี้ขาดเพราะเป็นการพิพาทกันระห่างโจทก์ กับจำเลยซึ่งไปอ้างต่อเจ้าพนักงานว่าไม่มีทายาทอื่น นอกจากจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทและการฟ้องแย้งการจัดการมรดก: การแสดงสิทธิทายาทที่ไม่ขัดขวางการจัดการมรดก
ทายาทของผู้ตายฟ้องผู้จัดการมรดกของผู้ตายขอให้ศาลแสดงว่าตนเป็นทายาทของผู้ตาย และมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแต่ผู้เดียว นั้น เมื่อปรากฎในคำฟ้องว่า จำเลยไปร้องขอรับมรดกที่ดินมรดกโดยแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่า ผู้ตายไม่มีทายาทอื่น ดังนี้ เป็นเรื่องที่ทายาทขอให้แสดงสิทธิเท่านั้น จึงไม่เป็นการขัดต่อการจัดการมรดกแต่อย่างใด ฉะนั้นแม้ขณะนั้นจำเลยจะเป็นผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาทผู้นั้นก็ยังฟ้องได้ และศาลก็จะพิพากษาเพียงบแสดงว่าโจทก์เป็นทายาทของผู้ตายเท่านั้น ส่วนจะเป็นทายาทแต่คนเดียวหรือไม่นั้น ไม่ชี้ขาดเพราะเป็นการพิพาทกันระหว่างโจทก์ กับจำเลยซึ่งไปอ้างต่อเจ้าพนักงานว่าไม่มีทายาทอื่น นอกจากจำเลยเท่านั้น./