คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงซื้อขายและการเป็นผู้เสียหาย: ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนถูกหลอกลวง ย่อมเป็นผู้เสียหาย
จำเลยได้หลอกลวงขอซื้อน้ำอัดลมไปจากหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด แล้วไม่ยอมชำระราคา กลับปฏิเสธว่าไม่ได้มาติดต่อขอซื้อน้ำอัดลม ดังนี้ ถือได้ว่าผู้จัดการนั้นเป็นผู้เสียหาย เพราะเป็นผู้ถูกหลอกลวง ส่วนน้ำอัดลมจะเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือไม่ หาเป็นเหตุกระทำให้ผู้จัดการ ซึ่งเป็นผู้เสียหายอยู่แล้วกลายเป็นมิใช่ผู้เสียหายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากการฉ้อโกง: ผู้เสียหายคือใคร แม้ทรัพย์สินเป็นของนิติบุคคล
จำเลยได้หลอกหลวงขอซื้อน้ำอัดลมไปจากหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด แล้วไม่ยอมชำระราคากลับปฏิเสธว่า ไม่ได้มาติดต่าขอซื้อน้ำอัดลม ดังนี้ ถือได้ว่าผู้จัดการนั้นเป็นผู้เสียหาย เพราะเป็นผู้ถูกหลอกหลวงส่วนน้ำอัดลมจะเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัหรือไม่ หาเป็นเหตุกระทำให้ผู้จัดการ ซึ่งเป็นผู้เสียหายอยู่แล้วกลายเป็นมิใช่ผู้เสียหายแล้วกลายเป็นมิใช่ผู้เสียหายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วงผิดสัญญา ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องขับไล่ได้ทันที
ในกรณีที่ผู้เช่าให้ผู้อื่นเช่าช่วงอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 544 นั้น ผู้ให้เช่าหาจำเป็นต้องบอกกล่าวให้เวลาแก่ผู้เช่าตาม มาตรา 566 ไม่ เมื่อบอกกล่าวเลิกสัญญาโดยให้เวลาพอสมควรแล้วก็มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้(อ้างฎีกาที่ 1028/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วงผิดสัญญา ผู้ให้เช่ามีอำนาจฟ้องขับไล่ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวตามกฎหมาย
ในกรณีที่ผู้เช่าให้ผู้อื่นเช่าช่วงอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 544, นั้น ผู้ให้เช่าหาจำเป็นต้องบอกกล่าวให้เวลาแก่ผู้เช่าตามมาตรา 566 ไม่ เมือบอกกล่าวเลิกสัญญาโดยให้เวลาพอสมควรแล้ว ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้
(อ้างฎีกาที่ 1028/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยไม่ดำเนินคดี: ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้เมื่อโจทก์ละเลย
การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพร้อมกันนั้น จะเรียกว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาไม่ได้
โจทก์จำเลยขอให้ศาลงดการพิจารณาไว้รอฟังผลของอีกคดีหนึ่ง เมื่อคดีนั้นได้ผลอย่างใดจะมาแถลงให้ศาลทราบ ครั้นเมื่อคดีนั้นพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์ก็หาได้กระทำประการใดไม่ จนเวลาล่วงเลยไปร่วมปี และซ้ำเมื่อจำเลยยื่นคำแถลงให้ศาลทราบ ศาลนัดโจทก์จำเลยมาพร้อมกันโจทก์ได้รับหมายแล้ว ก็ยังหามาศาลไม่การละเลยของโจทก์ เช่นนี้ เรียกได้ว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีได้แล้วและถือว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 174(2) ด้วยซึ่งศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีโจทก์เสียได้แล้ว
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีนั้นกฎหมายให้ศาลไว้เพื่อใช้ตามควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายเสมอไป ศาลย่อมพิจารณาตามสมควรแก่พฤติการณ์(อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 57/2493) ฉะนั้นอำนาจที่จะสั่งนั้นอย่างหนึ่งสมควรสั่งหรือไม่นั้นอีกอย่างหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีของโจทก์และการใช้ดุลยพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพร้อมกันนั้น จะเรียกว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาไม่ได้
โจทก์จำเลยขอให้ศาลงดกาพิจารณาไว้รอฟังผลของอีกคดีหนึ่ง เมื่อคดีนั้นได้ผลอย่างใดจะมาแถลงให้ศาลทราบ ครั้นเมื่อคดีนั้นพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์ก็หาได้กระทำประการใดไม่ จนเวลาล่วงเลยไปร่วมปี และซ้ำเมื่อจำเลยยื่นคำแถลงให้ศาลทราบ ศาลนัดโจทก์จำเลยมาพร้อมกัน โจทก์ได้รับหมายแล้ว ก้ยังหามาศาลไม่ การละเลยของโจทก์ เช่นนี้ เรียกได้ว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีได้แล้ว และถือว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดตามความใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174(2) ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจสั้งจำหน่ายคดีโจทก์เสีสยได้แล้ว
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีนั้นกฎหมายให้ศาลไว้เพื่อใช้ตามควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายเสมอไป ศาลย่อมพิจารณาตามสมควรแก่พฤติการณ์(อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 57/2493) ฉะนั้นอำนาจที่จะสั้งนั้นอย่างหนึ่งสมควรสั่งหรือไม่นั้นอีกอย่างหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทยและการแสดงสิทธิ: คดีไม่มีข้อพิพาทที่ไม่ได้รับการรับรอง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 188 นั้น เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการฟ้องและดำเนินคดีไม่มีข้อพิพาท แต่กรณีใดจะฟ้องได้หรือไม่ เป็นบทบัญญัติของมาตรา 55 กล่าวคือต่อเมื่อมีสิทธิฟ้องตามมาตรา 55 แล้ว จึงจะใช้มาตรา 188 ในเมื่อไม่มีข้อพิพาท
การร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท อ้างว่าตนเป็นคนไทยแต่บิดาไปขอจดทะเบียนว่าเป็นคนต่างด้าว จนพนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้ยึดถือเป็นการผิดพลาด จึงขอให้ศาลแสดงว่าผู้ร้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยนั้น ไม่ใช่กรณีจะต้องใช้สิทธิในทางศาลตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 55 จึงจะมายื่นคำร้องขอต่อศาลไม่ได้หากจะถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิ ก็ชอบที่จะดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่โต้แย้งสิทธิตน เป็นคดีมีข้อพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีไม่มีข้อพิพาทเพื่อยืนยันสัญชาติไทย: ต้องมีสิทธิฟ้องตามมาตรา 55
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 นั้น เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการฟ้องและดำเนินคดีไม่มีข้อพิพาท แต่กรณีใดจะฟ้องได้หรือไม่ เป็นบทบัญญัติของมาตรา 55 กล่าวคือต่อเมื่อมีสิทธิฟ้องตามมาตรา 55 แล้ว จึงจะใช้มาตรา 188 ในเมื่อเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท
การร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท อ้างว่าตนเป็นคนไทยแต่บิดาไปขอจดทะเบียนว่าเป็นคนต่างด้าว จนพนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้ยึดถือ เป็นการผิดพลาด จึงขอให้ศาลแสดงว่าผู้ร้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยนั้น ไม่ใช่กรณีจะต้องใช้สิทธิในทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 จึงจะมายื่นคำร้องขอต่อศาลไม่ได้ หากจะถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิก็ชอบที่จะดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่โต้แย้งสิทธิตน เป็นคดีมีข้อพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดแผลจากสร้อยคอขาด: การพิจารณา 'บาดเจ็บ' ทางกฎหมายอาญา
กระชากสร้อยคอจากคอเจ้าทรัพย์ จนสร้อยคอขาดบาดคอเจ้าทรัพย์เป็นบาดแผลที่คอแถบขวาเป็นรอยผื่นแดงยาว 6 ซ.ม. กว้าง 1 ซ.ม. กลางมีรอยขีดหนังขาดยาว 5 ซ.ม. เป็นบาดแผลหนังขาดโลหิตซับ รักษา 3 วันหาย ดังนี้ ยังไม่เป็นบาดแผลถึงบาดเจ็ยตามความหมายแห่ง ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระชากสร้อยคอไม่ถึงขั้นเป็น 'บาดเจ็บ' ตามกฎหมายอาญา
กระชากสร้อยคอจากคอเจ้าทรัพย์ จนสร้อยคอขาดบาดคอเจ้าทรัพย์เป็นบาดแผลที่คอแถบขวาเป็นรอยผื่นแดงยาว 6 เซ็นติเมตรกว้าง 1 เซ็นติเมตร กลางมีรอยขีดหนังขาดยาว5เซ็นติเมตรเป็นบาดแผลหนังขาดโลหิตซับ รักษา 3 วันหาย ดังนี้ ยังไม่เป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บตามความหมายแห่งกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
of 153