พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ การสละการครอบครอง และอายุความฟ้องแย้ง กรณีพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน
ในคดีสองสำนวน โจทก์จำเลยต่างผลัดกันเป็นโจทก์ร้องฟ้องกันเกี่ยวกับที่พิพาทรายเดียวกัน แต่คดีหลังฟ้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฎว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง (ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่า โจทก์ได้สละการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง (แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ.
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฎว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง (ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่า โจทก์ได้สละการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง (แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งเรื่องการครอบครองที่ดินไม่ขาดอายุความ แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์เคยครอบครองก่อนหน้า หากโจทก์สละการครอบครองแล้วกลับเข้าครอบครองใหม่
ในคดีสองสำนวน โจทก์จำเลยต่างผลัดกันเป็นโจทก์ร้องฟ้องกันเกี่ยวกับที่พิพาทรายเดียวกัน แต่คดีหลังฟ้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฏว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง(ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่าโจทก์ได้สละการครอบครอง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง(แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฏว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง(ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่าโจทก์ได้สละการครอบครอง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง(แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการบุกรุกศาสนสมบัติ ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายแม้โจทก์มิได้นำสืบ
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่พิพาทและไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามที่โจทก์ขอ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 100 บาทและเดือนต่อๆไปอีกเดือนละ 2 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนเรือนออกไปจากที่พิพาท ดังนี้เป็นแก้น้อยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ตาม พระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ มาตรา 43 เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัดและสมบัติของวัด จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้เอง หรือจะมอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนก็ได้
ใบมอบอำนาจท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง การวินิจฉัยเกี่ยวกับใบมอบอำนาจจึงไม่เป็นการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนไปจากฟ้อง (นอกฟ้อง)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดแม้โจทก์จะนำสืบความเสียหายไม่ได้ว่ามีจำนวนแค่ใดแน่นอน ศาลก็มีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามที่เห็นสมควร ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 (ฎีกาที่ 1499/2498 และ1494/2498)
ตาม พระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ มาตรา 43 เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัดและสมบัติของวัด จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้เอง หรือจะมอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนก็ได้
ใบมอบอำนาจท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง การวินิจฉัยเกี่ยวกับใบมอบอำนาจจึงไม่เป็นการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนไปจากฟ้อง (นอกฟ้อง)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดแม้โจทก์จะนำสืบความเสียหายไม่ได้ว่ามีจำนวนแค่ใดแน่นอน ศาลก็มีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามที่เห็นสมควร ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 (ฎีกาที่ 1499/2498 และ1494/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าอาวาสฟ้องคดี, การกำหนดค่าเสียหายจากการละเมิด, และการแก้ไขคำพิพากษา
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่พิพาทและไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามที่โจทก์ขอ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 100 บาทและเดือนต่อ ๆ ไปอีกเดือนละ 2 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนเรือนออกไปจากที่พิพาท ดังนี้เป็นแก้น้อยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ตาม พ.ร.บ. ปกครองคณะสงฆ์ ม. 43 เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัดและสมบัติของวัด จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้เอง หรือจะมอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนก็ได้
ใบมอบอำนาจท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง การวินิจฉัยเกี่ยวกับใบมอบอำนาจจึงไม่เป็นการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนไปจากฟ้อง (นอกฟ้อง)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิด แม้โจทก์จะนำสืบความเสียหายไม่ได้ว่ามีจำนวนแค่ใดแน่นอน ศาลก็มีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามที่เห็นสมควรตาม ป.พ.พ. ม. 438.
(ฎีกาที่ 1499/2498 และ 1494/2498)
ตาม พ.ร.บ. ปกครองคณะสงฆ์ ม. 43 เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัดและสมบัติของวัด จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้เอง หรือจะมอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนก็ได้
ใบมอบอำนาจท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง การวินิจฉัยเกี่ยวกับใบมอบอำนาจจึงไม่เป็นการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนไปจากฟ้อง (นอกฟ้อง)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิด แม้โจทก์จะนำสืบความเสียหายไม่ได้ว่ามีจำนวนแค่ใดแน่นอน ศาลก็มีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามที่เห็นสมควรตาม ป.พ.พ. ม. 438.
(ฎีกาที่ 1499/2498 และ 1494/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภาระจำยอมเกิดขึ้นได้จากการใช้ทางต่อเนื่องของผู้อื่น แม้เจ้าของเดิมมิได้ตั้งเจตนาให้เป็นทางภาระจำยอม
ทางพิพาทเดิมเป็นของนายฮกโป๊หรือโป๊ะแต่ผู้เดียว แม้ในชั้นต้นเจ้าของเดิมจะมีเจตนาเพียงเพื่อให้ผู้ซึ่งอยู่ในที่ดินของตนได้รับความสดวกก็ตาม แต่เมื่อต่อมาที่ดินดังกล่าวได้กลายสภาพเป็นหลายเจ้าของ โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินที่กลายสภาพมานั้นคนละแปลง และผู้เป็นเจ้าของที่ดินแปลงของจำเลยมาก่อนจำเลยก็ใช้ขอนขวางทางหรือถนนเพียงเพื่อห้ามไม่ให้ใช้ยวดยานผ่านเพราะจะทำให้ท่อระบายน้ำและถนนเสียหาย แต่ไม่ห้ามผู้คนที่ใช้ทางหรือถนนสายนี้สัญจรไปมา ดังนี้เมื่อโจทก์และผู้ที่อยู่ริมทางหรือถนนพิพาทใช้ทางหรือถนนพิพาทมาหลายสิบปีแล้ว ทางหรือถนนพิพาทจึงตกเป็นทางภาระจำยอมในการที่จะใช้เป็นทางเดิน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งทางภาระจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่อง และเจตนาเดิมของเจ้าของที่ดินไม่มีผล
ทางพิพาทเดิมเป็นของนายฮกโป๊หรือโป๊ะแต่ผู้เดียว แม้ในชั้นต้นเจ้าของเดิมจะมีเจตนาเพียงเพื่อให้ผู้ซึ่งอยู่ในที่ดินของตนได้รับความสะดวกก็ตาม แต่เมื่อต่อมาที่ดินดังกล่าวได้กลายสภาพเป็นหลายเจ้าของ โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินที่กลายสภาพมานั้นคนละแปลง และผู้เป็นเจ้าของที่ดินแปลงของจำเลยมาก่อนจำเลยก็ใช้ขอนขวางทางหรือถนนเพียงเพื่อห้ามไม่ให้ใช้ยวดยานผ่านเพราะจะทำให้ท่อระบายน้ำและถนนเสียหาย แต่ไม่ห้ามผู้คนที่ใช้ทางหรือถนนสายนี้สัญจรไปมา ดังนี้เมื่อโจทก์และผู้ที่อยู่ริมทางหรือถนนพิพาทใช้ทางหรือถนนพิพาทมาหลายสิบปีแล้ว ทางหรือถนนพิพาทจึงตกเป็นทางภาระจำยอมในการที่จะใช้เป็นทางเดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการพิจารณาคดีตามข้อตกลงร่วม: ศาลต้องพิจารณาเฉพาะประเด็นที่คู่ความตกลงเท่านั้น
คู่ความตกลงกันในชั้นชี้สองสถานว่ามีประเด็นข้อเดียวดั่งนี้ ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปในเฉพาะประเด็นที่คู่ความตกลงกันไว้เท่านั้น ศาลย่อมไม่พิจารณาถึงประเด็นอื่น ซึ่งถึงแม้จะปรากฎอยู่ในคำคู่ความก็ตาม เพราะคู่ความตกลงกันแล้วว่าประเด็นอื่นนั้นเป็นอันไม่โต้เถียงกัน.
(เทียบฎีกาที่ 488/2480,ฎีกาที่ 1012/2498)
(เทียบฎีกาที่ 488/2480,ฎีกาที่ 1012/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการพิจารณาคดีตามข้อตกลงร่วม: ศาลจะพิจารณาเฉพาะประเด็นที่คู่ความตกลงกันเท่านั้น แม้จะมีประเด็นอื่นปรากฏในคำฟ้อง
คู่ความตกลงกันในชั้นชี้สองสถานว่ามีประเด็นข้อเดียว ดั่งนี้ ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปในเฉพาะประเด็นที่คู่ความตกลงกันไว้เท่านั้น ศาลย่อมไม่พิจารณาถึงประเด็นอื่น ซึ่งถึงแม้จะปรากฏอยู่ในคำคู่ความก็ตาม เพราะคู่ความตกลงกันแล้วว่าประเด็นอื่นนั้นเป็นอันไม่โต้เถียงกัน(เทียบฎีกาที่ 488/2480, ฎีกาที่ 1012/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการฟ้องขับไล่: ผลของการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาและข้อกำหนดของกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าโดยจำเลยเอาที่ดินบางส่วนให้บุคคลอื่นครอบครอง เพราะสัญญาห้ามมิให้นำเอาที่ดินไปให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าอยู่แทนโดยเด็ดขาด แต่โจทก์แถลงรับในรายงานพิจารณาว่าหาได้ให้คำเตือนอย่างหนึ่งอย่างใดก่อนบอกเลิกสัญญาเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ. 2489 มาตรา 16 (2) ไม่ ดังนี้โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิ์ฟ้องขับไล่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องขับไล่และการคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า กรณีจำเลยให้ผู้อื่นอยู่แทน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า โดยจำเลยเอาที่ดินบางส่วนให้บุคคลอื่นครอบครอง เพราะสัญญาห้ามมิให้นำเอาที่ดินไปให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าอยู่แทนโดยเด็ดขาด แต่โจทก์แถลงรับในรายงานพิจารณาว่าหาได้ให้คำเตือนอย่างหนึ่งอย่างใดก่อนบอกเลิกสัญญาเช่าตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.2489 มาตรา 16(2) ไม่ ดังนี้โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิ์ฟ้องขับไล่