คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นนทประชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,529 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะภรรยาโดยไม่จดทะเบียน: สิทธิในการเป็นโจทก์
หญิงที่อยู่กินกับชาย โดยไม่จดทะเบียนสมรสนั้น ไม่ใช่ภรรยาอันชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้นเมื่อชายถูกเขาฆ่าตายหญิงนั้นย่อมมิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องหรือร้องขอเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการฟ้องผู้ฆ่าเป็นจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงขายของปลอมต้องแสดงกิริยาหรือวาจาหลอกลวงชัดเจน แม้มีเจตนาทุจริตแต่ไม่มีการหลอกลวงจึงไม่เป็นความผิด
ฟ้องว่าจำเลยเอาสร้อยคอ ซึ่งเป็นของปลอมไปขายโดยจำเลยมีเจตนทุจริตหลอกลวงให้เขาเชื่อในสภาพแห่งสร้อยอันเป็นความเท็จ อันเป็นเหตุให้เขาหลงเชื่อและได้ตกลงซื้อสร้อย ดังนี้ ยังไม่เป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 310 เพราะโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยหลอกลวงประการใดจะด้วยกิริยา ด้วยวาจา หรือด้วยประการใด และหลอกลวงอย่างไรมิได้กล่าวในฟ้อง จึงต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงซื้อขายของปลอม - การระบุรายละเอียดการหลอกลวงในฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยเอาสร้อยคอ ซึ่งเป็นของปลอมไปขาย โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงให้เขาเชื่อในสภาพแห่งสร้อยอันเป็นความเท็จ อันเป็นเหตุให้เขาหลงเชื่อและได้ตกลงซื้อสร้อย ดังนี้ ยังไม่เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 310 เพราะโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยหลอกลวงประการใด จะด้วยกิริยาด้วยวาจาหรือด้วยประการใด และหลอกลวงอย่างไรมิได้กล่าวในฟ้อง จึงต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมทางอายุความและการลดทอนประโยชน์ของภาระจำยอม การฟ้องคดีซ้ำตาม ป.วิ.แพ่ง ม.144, 148
ป.วิ.แพ่ง ม.144 ห้ามศาลมิให้ดำเนินคดีเรื่องเดิมนั้นต่อไปอีกทั้งคดีหรือเฉพาะประเด็นบางข้อ ซึ่งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ส่วน ม.148 เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องคดีเรื่องใด ศาลตัดสินครั้งหนึ่แล้ว มาฟ้องใหม่ซ้ำอีกไม่ได้
กรณีที่โจทก์ฟ้องแล้วครั้งหนึ่ง ศาล 144,148 ตัดสินแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้อีก ไม่ใช่เรื่องศาลดำเนินคดีเดิม กรณีไม่เข้า ม.144 คงเป็นปัญหาตาม ม.148 เท่านั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยอ้างว่าภาระจำยอมที่โจทก์อ้างปราศจากรากฐานตาม ก.ม.บังคับจำเลยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ยืนในข้อที่ยกฟ้องโดยเหตุว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอันเป็นภาระ+ทรัพย์ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นที่ว่าจำเลยกั้นทางรายนี้ให้แคบลงได้หรือไม่ ดังนี้ ต้องถือตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำพิพากษาอันถึงที่สุด โจทก์ฟ้องคดีใหม่นี้โดยฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินด้วยได้ ไม่ต้องห้ามตาม ม.148
โจทก์ได้ภาระจำยอมโดยอายุความตาม ป.พ.พ.ม.1401 อันอาจใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์เข้าออกตามทางผ่านที่ดินของจำเลยแล้ว จำเลยกั้นทางให้แคบลงจนใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์ไม่ได้ย่อมเป็นการทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมเสื่อมไป ขัดต่อ ม.1390 แม้โจทก์จะยังใช้รถจักรยาน 3 ล้อเข้าออกได้หรือโจทก์ไม่ได้เอาเกวียนเข้าเก็บในที่ดินของโจทก์ก็ไม่เป็นข้อแก้ตัว
โจทก์มีทางเอาเกวียนและรถเจ้าออกทางอื่นได้ แต่ทางนั้นไม่ใช่ทางสาธารณะและโจทก์ยังไม่มีสิทธิเหนือทางนั้น อาจถูกสั่งปิดเสียเมื่อใดก็ได้ ไม่เรียกว่าทางพิพาทหมดประโยชน์แก่โจทก์อันจะทำให้ภาระจำยอมหมดไปตาม ม.1400

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมเสื่อมประโยชน์ – การกั้นทางทำให้ใช้สิทธิไม่ได้ – การฟ้องคดีซ้ำ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ห้ามศาลมิให้ดำเนินคดีเรื่องเดิมนั้นต่อไปอีกทั้งคดีหรือเฉพาะประเด็นบางข้อซึ่งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ส่วน มาตรา 148 เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องคดีเรื่องใด ศาลตัดสินครั้งหนึ่งแล้ว มาฟ้องใหม่ซ้ำอีกไม่ได้
กรณีที่โจทก์ฟ้องแล้วครั้งหนึ่ง ศาลตัดสินแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้อีก ไม่ใช่เรื่องศาลดำเนินคดีเดิม กรณีไม่เข้า มาตรา 144 คงเป็นปัญหาตาม มาตรา 148 เท่านั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยอ้างว่าภาระจำยอมที่โจทก์อ้างปราศจากรากฐานตามกฎหมายบังคับจำเลยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ยืนในข้อที่ยกฟ้องโดยเหตุว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่ได้เพราะจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอันเป็นภารยะทรัพย์ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นที่ว่าจำเลยกั้นทางรายนี้ให้แคบลงได้หรือไม่ ดังนี้ ต้องถือตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำพิพากษาอันถึงที่สุด โจทก์ฟ้องคดีใหม่นี้โดยฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินด้วยได้ ไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 148
โจทก์ได้ภาระจำยอมโดยอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม 1401 อันอาจใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์เข้าออกตามทางผ่านที่ดินของจำเลยแล้ว จำเลยกั้นทางให้แคบลงจนใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์ไม่ได้ ย่อมเป็นการทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมเสื่อมไปขัดต่อ มาตรา 1390 แม้โจทก์จะยังใช้รถจักรยาน 3 ล้อเข้าออกได้หรือโจทก์ไม่ได้เอาเกวียนเข้าเก็บในที่ดินของโจทก์ก็ไม่เป็นข้อแก้ตัว
โจทก์มีทางเอาเกวียนและรถเข้าออกทางอื่นได้ แต่ทางนั้นไม่ใช่ทางสาธารณะและโจทก์ยังไม่มีสิทธิเหนือทางนั้นอาจถูกสั่งปิดเสียเมื่อใดก็ได้ ไม่เรียกว่าทางพิพาทหมดประโยชน์แก่โจทก์อันจะทำให้ภาระจำยอมหมดไปตาม มาตรา 1400

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนขายฝาก: ผลบังคับใช้ระหว่างคู่กรณี แม้ไม่ได้จดทะเบียน
แม้การขายฝากจะได้ไปทำกันที่อำเภอโดยจดทะเบียนกันถูกต้องแล้ว การไถ่ถอนโดยทำกันเอง ก็ย่อมเป็นการใช้ได้ในระหว่างคู่กรณี คือมีผลบังคับได้ในระหว่างคู่กรณี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนการขายฝากโดยคู่กรณีมีผลบังคับใช้ได้
แม้การขายฝากจะได้ไปทำกันที่อำเภอโดยจดทะเบียนกันถูกต้องแล้วการไถ่ถอนโดยทำกันเอง ก็ย่อมเป็นการใช้ได้ในระหว่างคู่กรณี คือมีผลบังคับได้ในระหว่างคู่กรณี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซื้อขายที่ดินเกิน 10 ปี และฟ้องไม่ชัดเจน ศาลยกฟ้องตามอายุความและลักษณะฟ้อง
ฟ้องว่า จำเลยใช้กลฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ให้เข้าทำสัญญาขายที่ดินของโจทก์ให้จำเลยโดยที่โจทก์ไม่ได้ตกลงขายนั้น เป็นเรื่องโมฆียะกรรมตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 121 ต้องฟ้องเสียภายใน 10 ปี นับแต่วันทำนิติกรรม
ฟ้องที่ถือว่าเคลือบคลุมไม่ควรรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โมฆียะกรรมสัญญาซื้อขายที่ดิน, อายุความ, ฟ้องไม่ชัดเจน, ไม่มีอำนาจฟ้อง
ฟ้องว่า จำเลยใช้กลฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ให้เข้าทำสัญญาขายที่ดินของโจทก์ให้จำเลยโดยที่โจทก์ไม่ได้ตกลงขายนั้น เป็นเรื่องโมฆียะกรรมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 121 ต้องฟ้องเสียภายใน 10 ปี นับแต่วันทำนิติกรรม ซึ่งโจทก์หมดสิทธิบอกล้างแล้วตามมาตรา 143 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ที่กล่าวความขัดกันเองเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่แน่นอนไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ เป็นฟ้องที่ไม่ควรรับไว้พิจารณาชอบที่ศาลจะยกฟ้องเสียได้ แม้รับไว้พิจารณาหากเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็พิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุไม่มีอำนาจฟ้องเสียทีเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาและโทษในคดีฆ่าคนตายจากเจตนาเป็นไม่เจตนา และการพิจารณาโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา จำคุก 9 ปี ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 251 แต่แก้โทษจำคุกเป็นจำคุก 5 ปี ดังนี้ ถือว่าแก้น้อย ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
of 153