คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ทรงนิติกรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,336 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1108/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งปริมาณโคและการริบของกลาง: ผู้รับฝากไม่ผิด เจ้าของต้องรับผิด
จำเลยต้องโทษฐานไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บโค เมื่อปรากฏว่า โคของกลางไม่ใช่ของจำเลย จำเลยเป็นแต่เพียงผู้รับฝากโคไว้ เจ้าของโคไม่ใช่ผู้กระทำผิด โคของกลางก็ไม่ใช่ของควรริบ (อ้างฎีกา 379/2490)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาเนื่องจากถูกยั่วโทสะ การพิจารณาโทษ
จำเลยนั่งถือมีดตัดเล็บอยู่ ผู้ตายตรงเข้าไปที่จำเลยกล่าวหาว่าจำเลยลักเสื้อของสามีผู้ตาย จำเลยปฏิเสธ ผู้ตายยังกล่าวหาว่าจำเลยลัก ผู้ตายกล่าวหาซ้ำ ๆ ด้วยเสียงดัง จำเลยจึงลงเรือนตรงเข้าเอามีดตัดเล็บแทงเข้าที่ท้องผู้ตาย ๆ ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดเพราะถูกยั่วโทษะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาเนื่องจากถูกยั่วยุ การพิจารณาถึงเหตุจากความโกรธ
จำเลยนั่งถือมีดตัดเล็บอยู่ ผู้ตายตรงเข้าไปที่จำเลยกล่าวหาว่าจำเลยลักเสื้อของสามีผู้ตาย จำเลยปฏิเสธ ผู้ตายยังกล่าวหาว่าจำเลยลัก ผู้ตายกล่าวหาซ้ำๆ ด้วยเสียงดัง จำเลยจึงลงเรือนตรงเข้าเอามีดตัดเล็บแทงเข้าที่ท้องผู้ตาย ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดเพราะถูกยั่วโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 40 ในคดี พ.ร.บ.การพะนัน: ศาลมีอำนาจยกเว้นโทษจำคุกได้
ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยตาม พ.ร.บ.การพะนัน (ฉะบับที่ 3) มาตรา 3 ศาลมีอำนาจยกกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 40 มาใช้บังคับได้.
(อ้างฎีกา 170/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเว้นโทษจำคุกจาก พ.ร.บ.การพนัน โดยอาศัยหลักกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 40
ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยตาม พ.ร.บ.การพนัน 2485(ฉบับที่ 3)มาตรา 3 ศาลมีอำนาจยกกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 40 มาใช้บังคับได้ (อ้างฎีกา 170/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: คำร้องขอประกันตัวไม่ใช่คำคัดค้านคำสั่ง
ผู้ร้องถูกศาลสั่งขังในฐานเป็นบริวารของจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำบังคับของศาล สามีผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยและยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ร้อง ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย ให้ยกคำร้องดังนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลนั้น เพราะเป็นคำสั่งระหว่างศาลกับสามีผู้ร้องและคำร้องของสามีผู้ร้องก็เป็นเรื่องยื่นขอประกันตัวผู้ร้อง ไม่ใช่เป็นคำร้องคัดค้านคำสั่งศาลหรือเป็นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาในข้อที่ว่า ผู้ร้องมิใช่บริวาร ศาลจะสั่งขับไล่ผู้ร้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: คำร้องขอประกันตัวไม่ใช่คำคัดค้านคำสั่ง หรือข้อโต้แย้งสถานะบริวาร
ผู้ร้องถูกศาลสั่งขังในฐานเป็นบริวารของจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำบังคับของศาล สามีผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยและยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ร้อง ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยให้ยกคำร้อง ดังนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลนั้น เพราะเป็นคำสั่งระหว่างศาลกับสามีผู้ร้อง และคำร้องของสามีผู้ร้องก็เป็นเรื่องยื่นขอประกันตัวผู้ร้องไม่ใช่เป็นคำร้องคัดค้านคำสั่งศาล หรือเป็นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาในข้อที่ว่า ผู้ร้องมิใช่บริวาร ศาลจะสั่งขับไล่ผู้ร้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฟ้องทำร้ายร่างกาย 'ซึ่งกันและกัน' และการสืบพยานนอกเหนือฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตีจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บ จำเลยที่ 2 ใช้มือชกต่อยจำเลยที่ 1 ไม่ถึงบาดเจ็บ จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ โจทก์จะขอสืบพะยานว่า จำเลยที่ 1 ทำร้ายจำเลยที่ 2 ตอนหนึ่ง แล้วต่อมา จำเลยที่ 2 ทำร้ายจำเลยที่ 1 อีกตอนหนึ่ง ไม่ใช่การวิวาทนั้น เป็นการสืบข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการสืบพยานต้องตรงกับฟ้อง การวิวาทซึ่งกันและกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตีจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บจำเลยที่ 2 ใช้มือชกต่อยจำเลยที่ 1 ไม่ถึงบาดเจ็บจำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ โจทก์จะขอสืบพยานว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายจำเลยที่ 2 ตอนหนึ่ง แล้วต่อมาจำเลยที่ 2 ทำร้ายจำเลยที่ 1 อีกตอนหนึ่ง ไม่ใช่การวิวาทนั้น เป็นการสืบข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การยื้อแย่งไม้และการใช้มีดทำร้ายคู่ต่อสู้
ผู้ตายได้ใช้ไม้ตีจำเลยถูกไหล่จนจำเลยขะมำลง มีผู้มาห้ามแต่ผู้ตายกลับตีจำเลยซ้ำ จำเลยยกมือขึ้นจับไม้แล้วยื้อแย่งกัน มือข้างหนึ่งของจำเลยถือมีด จำเลยจึงฟันผู้ตายด้วยมีดนั้นแล้วฟันซ้ำรวม 6 แผล การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าคนโดยเจตนา แต่จำเลยและผู้ตายยื้อแย่งไม้กันอยู่ เป็นการต่อสู้ชุลมุน ผู้ตายอาจใช้อาวุธทำร้ายจำเลยอีกก็ได้ ฉะนั้นการที่จำเลยกระทำแก่ผู้ตาย จึงเป็นการป้องกันตัว แต่เกินสมควรแก่เหตุ.
of 134