พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,336 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินราชพัสดุ: ผู้ไม่มีอำนาจยึด และสิทธิในการเรียกร้องค่าฤชาธรรมเนียม
ที่ดินซึ่งกระทรวงการคลังรับโอนจากเอกชนมาขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ แล้วเอามาให้เอกชนเช่าอยู่นั้น ย่อมเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
ที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ผู้ใดไม่มีอำนาจยึด
ผู้ร้องชนะคดีโจทก์ชั้นศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมให้โจทก์ชำระแทนผู้ร้อง ๆ ย่อมฎีกาฉะเพาะค่าฤชาธรรมเนียมได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 168 เพราะศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมไว้.
ที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ผู้ใดไม่มีอำนาจยึด
ผู้ร้องชนะคดีโจทก์ชั้นศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมให้โจทก์ชำระแทนผู้ร้อง ๆ ย่อมฎีกาฉะเพาะค่าฤชาธรรมเนียมได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 168 เพราะศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสมคบกันฆ่า VS. ฆ่าโดยเจตนาและทำร้ายร่างกาย: การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาและลดโทษ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลย 3 คนสมคบกันฆ่าคนโดยเจตนาทางพิจารณาปรากฏว่า จำเลยที่ 2-3 ใช้ไม้ตีผู้ตายคนละทีก่อน แล้วจำเลยที่ 1 จึงเอาปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ตามลักษณะคดี จำเลยทั้ง 3 หาได้สมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนาไม่ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากสมคบกันฆ่า เป็นฆ่าโดยเจตนาและทำร้ายร่างกาย จากพฤติการณ์ปัจจุบันใจ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลย 3 คนสมคบกันฆ่าคนโดยเจตนา ทางพิจารณาปรากฎว่า จำเลยที่ 2-3 ใช้ไม้ตีผู้ตายคนละทีก่อน แล้วจำเลยที่ 1 จึงเอาปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ตามลักษณะคดี จำเลยทั้ง 3 หาได้สมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนาไม่ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกกันอยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ไม่ทำให้สิ้นสุดสถานะสามีภริยา
สามีภริยาแยกกันอยู่ระหว่างใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 แล้วภริยาไปอยู่กับชู้จนเกิดบุตรด้วยกัน ดังนี้สามีภริยายังเป็นสามีภริยากันอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะสามีภริยาแม้แยกกันอยู่ - การมีบุตรกับผู้อื่นไม่ทำให้สถานะเปลี่ยนแปลง
สามีภริยาแยกกันอยู่ระหว่างใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 แล้วภริยาไปอยู่กับชู้จนเกิดบุตรด้วยกัน ดังนี้สามีภริยายังเป็นสามีภริยากันอยู่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลสัญญาซื้อขายฝิ่น: การเสนอต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตเมื่อไม่ตกลงกันเรื่องราคาและคุณภาพ
ในสัญญาซื้อขายฝิ่นมีข้อความว่า ผู้ซื้อผู้ขายตกลงกันว่าราคาฝิ่นที่กำหนดไว้ในสัญญานั้นเฉพาะฝิ่นที่บริสุทธิ์เท่านั้น ถ้าคุณภาพหรือความบริสุทธิ์ของฝิ่นเลวไปกว่านั้น
ผู้ขายให้ลดราคาลงตามส่วนโดยจะยอมรับเงินค่าฝิ่นเท่าที่ผู้ซื้อจะจ่ายให้ แล้วให้เสนอเรื่องต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตเป็นผู้วินิจฉัยอีกครั้งหนึ่งเมื่ออธิบดีวินิจฉัยชี้ขาดกำหนดราคาให้เท่าใด ผู้ขายยินยอมรับคำวินิจฉัยเป็นยุติเด็ดขาด ดังนี้ศาลฎีกาแปลสัญญาว่าถ้าคณะกรรมการ(ผู้ซื้อ) และโจทก์(ผู้ขาย)ตกลงราคาฝิ่นที่เสื่อมคุณภาพกันได้แล้วเรื่องก็ไม่มีปัญหาถึงอธิบดีกรมสรรพสามิตจะต้องมีการเสนอขอรับคำวินิจฉัยของอธิบดีก็ต่อเมื่อทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้ซื้อและผู้ขายไม่ตกลงกันในเรื่องราคาฝิ่นที่เสื่อมคุณภาพนั้นเท่านั้น คำสั่งของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นทางราชการนั้นจะนำมาประกอบการแปลสัญญาเป็นการผูกมัดโจทก์(ผู้ขาย)ซึ่งเป็นคนนอกและไม่ปรากฏว่าได้ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งนี้หรือรู้เห็นคำสั่งนี้ด้วยไม่ได้
ผู้ขายให้ลดราคาลงตามส่วนโดยจะยอมรับเงินค่าฝิ่นเท่าที่ผู้ซื้อจะจ่ายให้ แล้วให้เสนอเรื่องต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตเป็นผู้วินิจฉัยอีกครั้งหนึ่งเมื่ออธิบดีวินิจฉัยชี้ขาดกำหนดราคาให้เท่าใด ผู้ขายยินยอมรับคำวินิจฉัยเป็นยุติเด็ดขาด ดังนี้ศาลฎีกาแปลสัญญาว่าถ้าคณะกรรมการ(ผู้ซื้อ) และโจทก์(ผู้ขาย)ตกลงราคาฝิ่นที่เสื่อมคุณภาพกันได้แล้วเรื่องก็ไม่มีปัญหาถึงอธิบดีกรมสรรพสามิตจะต้องมีการเสนอขอรับคำวินิจฉัยของอธิบดีก็ต่อเมื่อทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้ซื้อและผู้ขายไม่ตกลงกันในเรื่องราคาฝิ่นที่เสื่อมคุณภาพนั้นเท่านั้น คำสั่งของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นทางราชการนั้นจะนำมาประกอบการแปลสัญญาเป็นการผูกมัดโจทก์(ผู้ขาย)ซึ่งเป็นคนนอกและไม่ปรากฏว่าได้ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งนี้หรือรู้เห็นคำสั่งนี้ด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาซื้อขายฝิ่นและการเสนอราคาต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตต์เมื่อราคาตกลงกันไม่ได้
ในสัญญาซื้อขายฝิ่นมีข้อความว่า ผู้ซื้อผู้ขายตกลงกันว่าราคาฝิ่นที่กำหนดไว้ในสัญญานั้นฉะเพาะฝิ่นที่บริสุทธิ์เท่านั้น ถ้าคุณภาพหรือความบริสุทธิ์ของฝิ่นเลวไปกว่านั้น ผู้ขายให้ลดราคาลงตามส่วนโดยจะยอมรับเงินค่าฝิ่นเท่าที่ผู้ซื้อจะจ่ายให้ แล้วให้เสนอเรื่องต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตต์เป็นผู้วินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออธิบดีวินิจฉัยชี้ขาดกำหนดราคาให้เท่าใด ผู้ขายยินยอมรับคำวินิจฉัยเป็นยุตติเด็ดขาด ดังนี้ศาลฎีกาแปลสัญญาว่า ถ้าคณะกรรมการ (ผู้ซื้อ) และโจทก์ (ผู้ขาย) ตกลงราคาฝิ่นที่เสื่อมคุณภาพกันได้แล้วเรื่องก็ไม่มีปัญหาถึงอธิบดีกรมสรรพสามิตต์จะต้องมีการเสนอรับคำวินิจฉัยของอธิบดีก็ต่อเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายคือ ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ตกลงกันในเรื่องราคาฝิ่นที่เสื่อมคุณภาพนั้นเท่านั้น
คำสั่งของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นทางราชการนั้นจะนำมาประกอบการแปลสัญญาเป็นการผูกมัดโจทก์ (ผู้ขาย) ซึ่งเป็นคนนอกและไม่ปรากฎว่าได้ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งนี้หรือรู้เห็นคำสั่งนี้ด้วยไม่ได้
คำสั่งของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นทางราชการนั้นจะนำมาประกอบการแปลสัญญาเป็นการผูกมัดโจทก์ (ผู้ขาย) ซึ่งเป็นคนนอกและไม่ปรากฎว่าได้ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งนี้หรือรู้เห็นคำสั่งนี้ด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนกรรมสิทธิ์ในที่ดินสวน ต้องใช้มาตรา 1382 ไม่ใช่ 1375
ที่ดินเป็นที่สวนนั้นเป็นที่ซึ่งเจ้าของมีกรรมสิทธิ์จะนำมาตรา 1375 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับไม่ได้ เพราะมาตรา 1375 เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ที่มีสิทธิครอบครองคืนคดีนี้เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ซึ่งมีกรรมสิทธิ์คืน ซึ่งต้องบังคับตามมาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนกรรมสิทธิที่ดินสวน: เลือกใช้มาตรา 1382 แทนมาตรา 1375
ที่ดินเป็นที่สวนนั้นเป็นที่ซึ่งเจ้าของมีกรรมสิทธิ จะนำมาตรา 1375 ป.ม.แพ่งฯ มาบังคับไม่ได้ เพราะมาตรา 1375 เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ที่มีสิทธิครอบครองคืน คดีนี้เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์ซึ่งมีกรรมสิทธิคืน ซึ่งต้องบังคับตามมาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สภาพแห่งการบังคับคดี: ศาลบังคับคดีได้เฉพาะที่เจ้าของทรัพย์มีสิทธิเท่านั้น
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินได้ให้ผู้อื่นเช่าปลูกสร้างตึกให้คนเช่าอยู่ โจทก์ จึงมิใช่เป็นเจ้าของตึกที่สร้าง ฉะนั้นการที่จำเลยจะขอให้ศาลบังคับให้โจทก์เอาตึกของผู้อื่นมาให้จำเลยเช่าตามสัญญายอมความที่โจทก์จำเลยได้ทำไว้ต่อกันนั้นเรียกได้ว่า สภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้โดยทางศาล ศาลบังคับให้ไม่ได้.