พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,336 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บังคับคดีตามสัญญาประนีประนอม: สภาพแห่งการบังคับคดีต้องเปิดช่องให้ทำได้ แม้มีข้อตกลง
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินได้ให้ผู้อื่นเช่าปลูกสร้างตึกให้คนเช่าอยู่ โจทก์ จึงมิใช่เป็นเจ้าของตึกที่สร้าง ฉะนั้นการที่จำเลยจะขอให้ศาลบังคับให้โจทก์เอาตึกของผู้อื่นมาให้จำเลยเช่า ตามสัญญายอมความที่โจทก์จำเลยได้ทำไว้ต่อกันนั้นเรียกได้ว่า สภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้ทำได้โดยทางศาล ศาลบังคับให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี และการบังคับให้เข้าประมูล
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้จำเลยทำนาพิพาทระหว่างความ หรือเรียกคู่ความมาประมูลเช่านาพิพาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คู่ความประมูลเช่านาพิพาทกันดังนี้เป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) ซึ่งคู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี และอำนาจบังคับให้ประมูล
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้จำเลยทำนาพิพาทระหว่างความ หรือเรียกคู่ความมาประมูลเช่านาพิพาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คู่ความประมูลเช่านาพิพาทกัน ดังนี้ เป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณาตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 228 (2) ซึ่งคู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาเรื่องเขตอำนาจศาล ไม่ใช่คำวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้น จึงไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
จำเลยยื่นคำร้องว่าโจทก์ฟ้องผิดศาล ขอให้ศาลไต่สวนเรื่องทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องว่าจะอยู่ในเขตศาลหรือไม่ เมื่อศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าทรัพย์ที่ฟ้องอยู่ในเขตศาลนั้น และให้ดำเนินการพิจารณาต่อไปดังนี้ คำสั่งของศาลเช่นว่านี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและไม่ใช่กรณีที่ศาลวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24จำเลยจะฎีกาคำสั่งเช่นว่านี้ไม่ได้ เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลที่เกี่ยวข้องกับเขตอำนาจศาลไม่ใช่คำวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้น ฎีกาจึงต้องห้าม
จำเลยยื่นคำร้องว่าโจทก์ฟ้องผิดศาล ขอให้ศาลไต่สวนเรื่องทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องว่าจะอยู่ในเขตต์ศาลหรือไม่ เมื่อศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าทรัพย์ที่ฟ้องอยู่ในเขตต์ศาลนั้น และให้ดำเนินการพิจารณาต่อไปดังนี้ คำสั่งของศาลเช่นว่านี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและไม่ใช่กรณีที่ศาลวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 24 จำเลยจะฎีกาคำสั่งเช่นว่านี้ไม่ได้ เป็นการต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 226 (1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจผู้รับมอบอำนาจ: การฟ้องขับไล่จากสัญญาเช่าและการละเมิดสิทธิทรัพย์สินของวัด
ใบมอบอำนาจของเจ้าอาวาสวัดมีข้อความว่า "....เพราะฉะนั้นขอมอบหมายให้ท่าน (นายชวน) เป็นผู้มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับผลประโยชน์ในที่ธรณีสงฆ์ และทรัพย์สินของวัดที่ได้รับมอบคืนมาจากกรมการศาสนาทั้งหมดนั้น ตลอดจนเป็นผู้แทนวัดทุกกรณี และเมื่อมีผู้ใดทำการละเมิดอันเป็นเหตุให้ที่ธรณีสงฆ์และทรัพย์สินของวัดเสียหายขาดประโยชน์ก็ให้มีอำนาจดำเนินคดียื่นฟ้องต่อศาล ตลอดจนปราณีประนอมยอมความและแต่งทนายได้ด้วย......." ดังนี้ ย่อมกินถึงการดำเนินคดีที่มีผู้ล่วงเกินสิทธิของวัด อันเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของวัดเสียหายหรือขาดประโยชน์ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการล่วงเกินโดยทำผิดสัญญาหรือโดยประการอื่น ฉะนั้นผู้รับมอบอำนาจจึงมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าห้องแถวของวัด โดยอ้างว่าผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่าได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตามใบมอบอำนาจ: การฟ้องขับไล่จากสัญญาเช่าและละเมิด
ใบมอบอำนาจของเจ้าอาวาสวัดมีข้อความว่า '...เพราะฉะนั้นขอมอบหมายให้ท่าน(นายชวน)เป็นผู้มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับผลประโยชน์ในที่ธรณีสงฆ์ และทรัพย์สินของวัดที่ได้รับมอบคืนมาจากกรมการศาสนาทั้งหมดนั้น ตลอดจนเป็นผู้แทนวัดทุกกรณี และเมื่อมีผู้ใดทำการละเมิดอันเป็นเหตุให้ที่ธรณีสงฆ์และทรัพย์สินของวัดเสียหายขาดประโยชน์ก็ให้มีอำนาจดำเนินคดียื่นฟ้องต่อศาลตลอดจนประนีประนอมยอมความและแต่งทนายได้ด้วย......' ดังนี้ย่อมกินถึงการดำเนินคดีที่มีผู้ล่วงเกินสิทธิของวัด อันเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของวัดเสียหายหรือขาดประโยชน์ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการล่วงเกินโดยทำผิดสัญญาหรือโดยประการอื่น ฉะนั้นผู้รับมอบอำนาจจึงมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าห้องแถวของวัด โดยอ้างว่าผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทองรูปพรรณโดยผู้รับของมาขายต่อ: สิทธิของผู้ซื้อโดยสุจริตตามมาตรา 1332
จำเลยที่ 2 ตั้งร้านขายของชำ และมีอาชีพทางรับเครื่องทองรูปพรรณที่ทำด้วยเงิน ทอง นาค จากร้านขายของเช่นนั้นไปจำหน่ายหากำไรบ้างขายเครื่องรูปพรรณของตนเองบ้าง จำเลยที่ 2 ปฏิบัติการค้าเช่นนี้เป็นอาจิณตลอดมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว จำเลยที่ 2 เคยติดต่อรับของจากร้านจำเลยที่ 1 ไปจำหน่าย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นพ่อค้าขายทองรูปพรรณตามความหมายในมาตรา 1332 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นเมื่อจำเลยที่ 2 นำเข็มขัดนาคจากร้านของจำเลยที่ 1 มาขายให้โจทก์ และโจทก์รับซื้อไว้โดยสุจริต โจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้จำนอง/โอนสิทธิในที่ดิน การได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยชอบธรรม
โจทก์ฟ้องว่า นายโทนได้กู้เงินโจทก์ไปและมอบที่นาไม่มีโฉนดให้โจทก์เป็นประกันโดยมีข้อตกลงว่า เมื่อพ้น 6 เดือนนับแต่วันทำสัญญากู้ ยอมให้ที่นาตกเป็นกรรมสิทธิของผู้ให้กู้ โจทก์ได้ครอบครองมา 6 ปีแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลย ๆ ต่อสู้ว่านาพิพาทเป็นของจำเลยได้ให้นายโทนยืมไปให้โจทก์ทำต่างดอกเบี้ย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่านายโทนได้นำนาไปมอบให้โจทก์โดยความยินยอมของจำเลย และจำเลยได้แถลงรับว่า ก่อนจะจำนำนา นายโทนได้ปรึกษากับจำเลยก่อนแล้วและในคำให้การจำเลยมิได้ปฏิเสธในข้อที่นายโทนไปทำสัญญากับโจทก์ ยอมให้ที่หลุดเป็นสิทธิแต่ประการใดไม่ ดังนี้ ตามพฤตติการณ์จึงส่อแสดงให้เข้าใจว่านายโทนทำไปโดยความยินยอมของจำเลย โจทก์จึงได้สิทธิครอบครองในที่รายนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความยินยอมในการจำนำทรัพย์สิน และสิทธิการครอบครองที่ได้มาจากการทำสัญญา
โจทก์ฟ้องว่า นายโทนได้กู้เงินโจทก์ไปและมอบที่นาไม่มีโฉนดให้โจทก์เป็นประกัน โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อพ้น 6 เดือนนับแต่วันทำสัญญากู้ ยอมให้ที่นาตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้กู้ โจทก์ได้ครอบครองมา 6 ปีแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยต่อสู้ว่านาพิพาทเป็นของจำเลยได้ให้นายโทนยืมไปให้โจทก์ทำต่างดอกเบี้ย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่านายโทนได้นำนาไปมอบให้โจทก์โดยความยินยอมของจำเลย และจำเลยได้แถลงรับว่า ก่อนจะจำนำนา นายโทนได้ปรึกษากับจำเลยก่อนแล้วและในคำให้การจำเลยมิได้ปฏิเสธในข้อที่นายโทนไปทำสัญญากับโจทก์ ยอมให้ที่หลุดเป็นสิทธิแต่ประการใดไม่ดังนี้ ตามพฤติการณ์จึงส่อแสดงให้เข้าใจว่านายโทนทำไปโดยความยินยอมของจำเลย โจทก์จึงได้สิทธิครอบครองในที่รายนี้