คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ทรงนิติกรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,336 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวและทรัพย์สิน: ศาลไม่ริบของกลางเมื่อยกฟ้อง
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคนโดยเจตนาและจับจำเลยได้พร้อมด้วยปืนและแมกกาซีนของกลาง เมื่อฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ ไม่ควรรับอาญาแล้ว ก็ไม่ควรริบของกลาง เพราะคดีไม่มีประเด็นว่าของกลางมีทะเบียนหรือไม่ โจทก์มิได้บรรยายความมาในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ ทำให้ไม่ควรริบของกลาง แม้ไม่มีประเด็นเรื่องทะเบียน
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคนโดยเจตนาและจับจำเลยได้พร้อมด้วยปืนและแมกกาซีนของกลาง เมื่อฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ ไม่ควรรับอาญาแล้ว ก็ไม่ควรริบของกลาง เพราะคดีไม่มีประเด็นว่าของกลางมีทะเบียนหรือไม่ โจทก์มิได้บรรยายความมาในฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดและยึดทรัพย์สิน: ประเด็นการยกข้อโต้แย้งใหม่ในชั้นฎีกา
ที่ผู้ร้องโต้เถียงว่าเงินที่โจทก์ขออายัดและยึดนี้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1307 ศาลอายัดและยึดไม่ได้นั้น ศาลจะวินิจฉัยให้ต่อเมื่อปรากฎว่าผู้ร้องได้โต้แย้งมาแต่ศาลชั้นต้น ถ้าหากเพิ่งมายกขึ้นโต้เถียงในชั้นฎีกา ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้ เพราะถือว่าไม่มีประเด็นโต้เถียงกันมาแต่ต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดและยึดทรัพย์สิน: การยกเหตุทรัพย์สินของแผ่นดินต้องยกขึ้นโต้แย้งตั้งแต่ศาลชั้นต้น
ที่ผู้ร้องโต้เถียงว่าเงินที่โจทก์ขออายัดและยึดนี้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1307ศาลอายัดและยึดไม่ได้นั้น ศาลจะวินิจฉัยให้ต่อเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องได้โต้แย้งมาแต่ศาลชั้นต้น ถ้าหากเพิ่งมายกขึ้นโต้เถียงในชั้นฎีกา ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้เพราะถือว่าไม่มีประเด็นโต้เถียงกันมาแต่ต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าจ้างทนายความนอกศาล: สัญญาไม่เป็นโมฆะ แม้เป็นการคิดค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์
จำเลยจ้างทนายความทำเรื่องราวเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามจากรัฐบาลไทย มอบให้ทนายความเป็นตัวแทน โดยทำสัญญาเป็นหนังสือจะจ่ายค่าจ้างร้อยละ 10 ของจำนวนค่าทำขวัญที่จำเลยได้รับจริง สัญญานี้ไม่เป็นโมฆะ เพราะสัญญานี้มิใช่เป็นการจ้างทนายความให้ว่าต่างแก้ต่างคดีในโรงศาล หากแต่เป็นเรื่องจ้างให้ทำกิจการนอกโรงศาล มิใช่เป็นการรับจ้างโดยหน้าที่ทนายความ อาจตกลงว่าจ้างกันได้ตามความประสงค์ ไม่มีกฎหมายห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าจ้างจากการทำเรื่องเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงคราม สัญญาไม่เป็นโมฆะ แม้เป็นเปอร์เซ็นต์ของค่าทำขวัญ
จำเลยจ้างทนายความทำเรื่องราวเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามจากรัฐบาลไทย มอบให้ทนายความเป็นตัวแทน โดยทำสัญญาเป็นหนังสือจะจ่ายค่าจ้างร้อยละ 10 ของจำนวนค่าทำขวัญที่จำเลยได้รับจริง สัญญานี้ไม่เป็นโมฆะ เพราะสัญญานี้มิใช่เป็นการรับจ้างโดยหน้าที่ทนายความ อาจตกลงว่าจ้างกันได้ตามความประสงค์ ไม่มีกฎหมายห้าม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากคดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 5,000 บาท และศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คดีโจทก์เป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และโจทก์ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2499 ดังนี้ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามความในมาตรา 25 แห่ง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2499 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2499 เป็นต้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากคดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 5,000 บาท และมีข้อจำกัดตามกฎหมายใหม่
คดีโจทก์เป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และโจทก์ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2499 ดังนี้ ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามความในมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.แพ่ง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2499 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2499 เป็นต้นไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบตกแก่ใคร: กรณีที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญและจำเลยครอบครอง
เมื่อศาลขั้นต้นสั่งหน้าที่นำสืบตกแก่จำเลย ๆ ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา226 (2)
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้จำเลยต่อสู้ว่าเดิมที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงแต่ได้ขายให้แก่จำเลยแล้วก็ตาม เมื่อปรากฎว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ และจำเลยเป็นผู้ครอบครองอยู่ดังนี้ หน้าที่นำสืบจึงตกแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบและการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในคดีครอบครองที่ดิน
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งหน้าที่นำสืบตกแก่จำเลย จำเลยได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้จำเลยต่อสู้ว่าเดิมที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงแต่ได้ขายให้แก่จำเลยแล้วก็ตาม เมื่อปรากฏว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ และจำเลยเป็นผู้ครอบครองอยู่ ดังนี้ หน้าที่นำสืบจึงตกแก่โจทก์
of 134