พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,336 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081-2082/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งออกหมายจับเพื่อรับสำเนาอุทธรณ์: ศาลชั้นต้นมีอำนาจโดยตรง ศาลอุทธรณ์มีอำนาจใช้ดุลพินิจ
โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์ออกหมายจับ ศาลอุทธรณ์สั่งให้ยกคำร้องเสียโจทก์ฎีกาขึ้นมาได้โดยที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำหน่ายคดีนั้น เพราะไม่ใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2498)
การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่คู่ความนั้นเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้น(อ้างฎีกาที่ 130/2482) โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้ออกหมายจับ
มาตรา 207 ไม่ใช่บทบังคับศาลอุทธรณ์ เพียงแต่ให้อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งแล้วแต่กรณี ศาลฎีกาจะสั่งกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ให้ศาลอุทธรณ์สั่งศาลชั้นต้นออกหมายจับอีกต่อหนึ่งนั้นไม่ชอบ
การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่คู่ความนั้นเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้น(อ้างฎีกาที่ 130/2482) โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้ออกหมายจับ
มาตรา 207 ไม่ใช่บทบังคับศาลอุทธรณ์ เพียงแต่ให้อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งแล้วแต่กรณี ศาลฎีกาจะสั่งกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ให้ศาลอุทธรณ์สั่งศาลชั้นต้นออกหมายจับอีกต่อหนึ่งนั้นไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย แม้ไม่ถูกตัว แต่มีเจตนาและพฤติการณ์ใกล้ชิด
ใช้มีดแทง ผู้เสียหายหลบมีดจึงไม่ถูกผู้เสียหาย เป็นความผิดตาม มาตรา 254,60
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2065/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งตรวจข่าวหนังสือพิมพ์: การตักเตือนและขอบเขตการไม่สังวรณ์
การให้คำตักเตือนว่าหนังสือพิมพ์ได้โฆษณาอันอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนนั้น เจ้าพนักงานการพิมพ์ไม่จำต้องระบุชื่อเรื่อง และเมื่อหนังสือพิมพ์ไม่สังวรณ์ ยังโฆษณาเรื่องที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอีกว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่องกับที่ได้มีการตักเตือนก็ตาม เจ้าพนักงานย่อมมีอำนาจสั่งให้หนังสือพิมพ์นั้เสนอเรื่องหรือข้อความไปให้ตรวจข่าวก่อนที่จะโฆษณาได้โดยชอบ
เมื่อมีกรณีพิพาทกันว่าเจ้าพนักงานการพิมพ์จะมีและใช้อำนาจโดยชอบสั่งให้ตรวจข่าวตามพ.ร.บ.การพิมพ์ว่าหนังสือพิมพ์ได้ลงเรื่องขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่นั้นคู่กรณีจะเสนอคดีต่อศาลให้วินิจฉัยชี้ขาดก็ได้
เติมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งให้ตรวจข่าวหนังสือพิมพ์โจทก์โดยไม่ชอบ ขอให้ศาลบังคับเพิกถอนคำสั่งของจำเลยเสียและให้ใช้ค่าเสียหาย ต่อมาโจทก์สละคำขอให้ใช้ค่าเสียหาย และแม้จะปรากฎว่ากำหนดเวลาตรวจข่าวตามคำสั่งนั้นได้ผ่านล่วงเลยไปแล้วก็ตาม ศาลจะยังคงวินิจฉัยและพิพากษาในประเด็นคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ตรวจข่าวต่อไปก็ได้
เมื่อมีกรณีพิพาทกันว่าเจ้าพนักงานการพิมพ์จะมีและใช้อำนาจโดยชอบสั่งให้ตรวจข่าวตามพ.ร.บ.การพิมพ์ว่าหนังสือพิมพ์ได้ลงเรื่องขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่นั้นคู่กรณีจะเสนอคดีต่อศาลให้วินิจฉัยชี้ขาดก็ได้
เติมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งให้ตรวจข่าวหนังสือพิมพ์โจทก์โดยไม่ชอบ ขอให้ศาลบังคับเพิกถอนคำสั่งของจำเลยเสียและให้ใช้ค่าเสียหาย ต่อมาโจทก์สละคำขอให้ใช้ค่าเสียหาย และแม้จะปรากฎว่ากำหนดเวลาตรวจข่าวตามคำสั่งนั้นได้ผ่านล่วงเลยไปแล้วก็ตาม ศาลจะยังคงวินิจฉัยและพิพากษาในประเด็นคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ตรวจข่าวต่อไปก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2065/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานการพิมพ์สั่งตรวจข่าว: การตักเตือนและการไม่สังวรณ์
การให้คำตักเตือนว่าหนังสือพิมพ์ได้โฆษณาอันอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนนั้น เจ้าพนักงานการพิมพ์ไม่จำต้องระบุชื่อเรื่อง และเมื่อหนังสือพิมพ์ไม่สังวรณ์ ยังโฆษณาเรื่องที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอีก ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่องกับที่ได้มีการตักเตือนก็ตาม เจ้าพนักงานย่อมมีอำนาจสั่งให้หนังสือพิมพ์นั้นเสนอเรื่องหรือข้อความไปให้ตรวจข่าวก่อนที่จะโฆษณาได้โดยชอบ
เมื่อมีกรณีพิพาทกันว่าเจ้าพนักงานการพิมพ์จะมีและใช้อำนาจโดยชอบสั่งให้ตรวจข่าวตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ ว่าหนังสือพิมพ์ได้ลงเรื่องขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่นั้น คู่กรณีจะเสนอคดีต่อศาลให้วินิจฉัยชี้ขาดก็ได้
เดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งให้ตรวจข่าวหนังสือพิมพ์โจทก์โดยไม่ชอบ ขอให้ศาลบังคับเพิกถอนคำสั่งของจำเลยเสียและให้ใช้ค่าเสียหาย ต่อมาโจทก์สละคำขอให้ใช้ค่าเสียหายเสีย และแม้จะปรากฏว่ากำหนดเวลาตรวจข่าวตามคำสั่งนั้นได้ผ่านล่วงเลยไปแล้วก็ตาม ศาลจะยังคงวินิจฉัยและพิพากษาในประเด็นคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ตรวจข่าวต่อไปก็ได้
เมื่อมีกรณีพิพาทกันว่าเจ้าพนักงานการพิมพ์จะมีและใช้อำนาจโดยชอบสั่งให้ตรวจข่าวตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ ว่าหนังสือพิมพ์ได้ลงเรื่องขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่นั้น คู่กรณีจะเสนอคดีต่อศาลให้วินิจฉัยชี้ขาดก็ได้
เดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งให้ตรวจข่าวหนังสือพิมพ์โจทก์โดยไม่ชอบ ขอให้ศาลบังคับเพิกถอนคำสั่งของจำเลยเสียและให้ใช้ค่าเสียหาย ต่อมาโจทก์สละคำขอให้ใช้ค่าเสียหายเสีย และแม้จะปรากฏว่ากำหนดเวลาตรวจข่าวตามคำสั่งนั้นได้ผ่านล่วงเลยไปแล้วก็ตาม ศาลจะยังคงวินิจฉัยและพิพากษาในประเด็นคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ตรวจข่าวต่อไปก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงบ้านพักอาศัย – การประเมินความเสียหายและทรัพย์สินเพื่อพิจารณาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
วางเพลิงจุดเผาบ้านเรือนซึ่งผู้เสียหายและครอบครัวใช้เป็นที่อยู่อาศัย ไม่ใช่เป็นโรงเรือนชั่วคราว เรือนที่ไหม้เป็นเรือนเสาไม้จริง ฟากพื้นไม้ไผ่ เครื่องบนไม้รวก หลังคาแฝกและใบพลวง ราคา 150 บาท และไฟยังไหม้ทรัพย์สินของผู้เสียหายอีก 276 บาท ไม่ใช่เป็นทรัพย์เล็กน้อยสำหรับชาวชนบท การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดตาม มาตรา 186(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงเคหะสถานและทรัพย์สินของผู้เสียหาย ไม่เป็นทรัพย์สินเล็กน้อย จึงมีผิดตามกฎหมายอาญา
วางเพลิงจุดเผาบ้านเรือนซึ่งผู้เสียหายและครอบครัวใช้เป็นที่อยู่อาศัย ไม่ใช่เป็นโรงเรือนชั่วคราว เรือนที่ไหม้เป็นเรือนเสาไม้จริงฟากพื้นไม่ไผ่ เครื่องบนไม้รวก หลังคากแฝกและใบหลวง ราคา 150 บาท และไฟยังไหม้ทรัพย์สินของผู้เสียหายอีก 276 บาทไม่ใช่เป็นทรัพย์เล็กน้อยสำหรับชาวชนบท การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดตาม ม.186(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและการรุกล้ำต่อเนื่อง แม้ไม่มีคำขอเฉพาะเจาะจงในคำฟ้องเดิม ก็สามารถบังคับได้หากเชื่อมโยงกับการปฏิบัติตามคำพิพากษา
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยซื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหมายเลข 5-6 และ 7 ออกจากที่พิพาท โจทก์จึงมาขอให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้ฉะเพาะห้องหมายเลข 5 เมื่อปรากฎว่าจำเลยรื้อไปเพียง 3 ด้าน เหลือด้านที่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยไว้หนึ่งด้าน แล้วจำเลยกลับทำต่อเติมติดต่อกับเรือนของจำเลยเป็นเหตุให้ชายคาน้ำตกที่ต่อเติมล้ำเข้าไปในที่พิพาทของโจทก์ ดังนี้แม้ในคำพิพากษาจะมิได้วินิจฉัยเกี่ยวถึงเรื่องการรุกล้ำชายคาน้ำตกซึ่งมีอยู่ก่อนนั้นก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิ์ขอให้ศาลสั่งจำเลยรื้อชายคาน้ำตกส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ของโจทก์ได้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ และไม่เป็นการสั่งเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและการขยายขอบเขตการบังคับคดีเมื่อมีการต่อเติมจนล้ำเขต
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหมายเลข 5-6 และ 7 ออกจากที่พิพาท โจทก์จึงมาขอให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้เฉพาะห้องหมายเลข 5 เมื่อปรากฏว่าจำเลยรื้อไปเพียง 3 ด้าน เหลือด้านที่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยไว้หนึ่งด้าน แล้วจำเลยกลับทำต่อเติมติดต่อกับเรือนของจำเลยเป็นเหตุให้ชายคาน้ำตกที่ต่อเติมล้ำเข้าไปในที่พิพาทของโจทก์ดังนี้แม้ในคำพิพากษาจะมิได้วินิจฉัยเกี่ยวถึงเรื่องการรุกล้ำชายคาน้ำตกซึ่งมีอยู่ก่อนนั้นก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิ์ขอให้ศาลสั่งจำเลยรื้อชายคาน้ำตกส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ของโจทก์ได้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ และไม่เป็นการสั่งเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2008/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินกว่าเหตุจากการยิงเพื่อช่วยเหลือพี่ชายที่ถูกทำร้าย ศาลพิพากษาลงโทษจำกัดเฉพาะผู้ยิง
จำเลยเห็นพี่ชายของนายจ้างกำลังถูกทำร้าย จึงใช้ปืนยิงไปกระสุนปืนไปถูกผู้ตายเข้าถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันแต่เกินกว่าเหตุ เพราะผู้ที่ถูกทำร้ายเป็นเพียงแต่ถูกขว้างและตีเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2008/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินกว่าเหตุจากการยิงเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ศาลพิจารณาพฤติการณ์และเหตุผลในการกระทำ
จำเลยที่ขายของนายจ้างเห็นกำลังถูกทำร้ายจึงใช้ปืนยิงไปกะสุนปืนไปถูกผู้ตายเข้าถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันแต่เกินกว่าเหตุเพราะที่ถูกทำร้ายเป็นเพียงแต่ถูกขว้างและตีเท่านั้น