พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,336 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาทวิภาค: เอกสารกู้เงินไม่ใช่สัญญาขายฝาก ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง
โจทก์ขายฝากนาไว้แก่จำเลย ภายหลังเอาเงินไปชำระแก่จำเลยขอไถ่นาคืนมา จำเลยรับเงินค่าไถ่ไว้แล้ว เอาหนังสือส่งให้โจทก์โดยกล่าวเท็จว่า เป็นกรมธรรม์สัญญาขายฝาก แต่ความจริงโจทก์ทราบภายหลังว่าหนังสือนั้นไม่ใช่กรมธรรม์สัญญาขายฝาก หากเป็นหนังสือกู้เงินกัน ดังนี้การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นผิดฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการคุ้มครองเครื่องหมายการค้า: การจดทะเบียนเฉพาะสินค้าย่อยไม่ครอบคลุมทั้งจำพวก
จดทะเบียนตราเครื่องหมายการค้าไว้เฉพาะอย่าง สำหรับสินค้าสุรายาเท่านั้น มิได้ขอจดสำหรับสินค้าไว้ทั้งจำพวก ดังนี้ ย่อมไม่ครองบครองไปถึงเครื่องหมายอย่างเดียวกันนั้น ซึ่งผู้อื่นใช้หับสินค้ายารักษาโรคมนุษย์ แม้จะอยู่ในรายการจำพวกเดียวกัน ฉะนั้น จึงไม่มีสิทธิขอห้ามเขามิให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นสำหรับสินค้า ยารักษาโรคได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการคุ้มครองเครื่องหมายการค้า: สินค้าต่างประเภท
จดทะเบียนตราเครื่องหมายการค้าไว้เฉพาะอย่าง สำหรับสินค้าสุรายาเท่านั้นมิได้ขอจดสำหรับสินค้าไว้ทั้งจำพวกดังนี้ ย่อมไม่ครอบไปถึงเครื่องหมายอย่างเดียวกันนั้น ซึ่งผู้อื่นใช้กับสินค้ายารักษาโรคมนุษย์แม้จะอยู่ในรายการจำพวกเดียวกัน ฉะนั้น จึงไม่มีสิทธิขอห้ามเขามิให้ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นสำหรับสินค้ายารักษาโรคได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดสินคดีเกินคำฟ้องและคำขอ ขัดต่อหลักการในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรุกที่ดินของโจทก์ทางทิศเหนือ ขอให้ขับไล่ ศาลพิพากษาว่าจำเลยรุกที่ของโจทก์ทางทิศตะวันตกของที่โจทก์ และให้ขับไล่จำเลย ดังนี้ เป็นการตัดสินเกินคำฟ้องและคำขอของโจทก์ เพราะโจทก์ทางทิศตะวันตกเลย จึงเป็นการฝ่าฝืน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดสินคดีเกินคำฟ้อง: การรุกที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรุกที่ดินของโจทก์ทางทิศเหนือ ขอให้ขับไล่ศาลพิพากษาว่าจำเลยรุกที่ของโจทก์ทางทิศตะวันตกของที่โจทก์และให้ขับไล่จำเลย ดังนี้ เป็นการตัดสินเกินคำฟ้องและคำขอของโจทก์เพราะโจทก์มิได้ฟ้องว่า จำเลยรุกที่ของโจทก์ทางทิศตะวันตกเลย จึงเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าปากเปล่ามีหลักฐานเป็นหนังสือได้
เช่านากันด้วยปากเปล่าภายหลัง เกิดพิพาทกันถึงอำเภอปลัดอำเภอได้เปรียบเทียบและบันทึกการเปรียบเทียบไว้ว่าผู้เช่าได้เช่านาจากผู้ให้เช่าเป็นอัตราค่าเช่าเท่านั้นเท่านี้จริง แล้วผู้เช่าได้ลงชื่อไว้ในบันทึกการเปรียบเทียบนั้น ดังนี้ย่อมถือได้ว่าบันทึกการเปรียบเทียบนั้น เป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538แล้ว ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องผู้เช่าให้ชำระค่าเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าปากเปล่ามีผลผูกพันทางกฎหมายเมื่อมีหลักฐานลายมือชื่อของผู้เช่ารับรองข้อตกลง
เช่านากันด้วยปากเปล่าภายหลัง เกิดพิพาทกันถึงอำเภอ ปลัดอำเภอได้เปรียบเทียบและบันทึกการเปรียบเทียบไว้ว่า ผู้เช่าได้เช่านามาจากผู้ให้เช่า เป็นอัตราเชาเท่านั้นเท่านี้ จริงแล้วผู้เช่าได้ลงชื่อไว้ในบันทึก การเปรียบเทียบนั้น ดังนี้ ย่อมถือได้ว่า บันทึกการเปรียบเทียบนั้น เป็นหลักกฐานหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 538 ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องผู้เช่า ให้ชำระค่าเช่า ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ยื่นระบุพยานตามกำหนดเวลา ทำให้ศาลไม่อนุญาตให้ระบุพยานเพิ่มเติม
จำเลยมิได้ยื่นระบุพยานก่อนวันเริ่มต้นทำการสืบพยานตลอดมา
วันนัดพิจารณาครั้งที่ 2 จำเลยก็ยังมิได้ระบุพยานอีกปล่อยปละละเลยล่วงมาจนเป็นเวลาภายหลังวันเริ่มต้นทำการสืบพยานไม่น้อยกว่า 47 วัน จึงได้ยื่นคำร้องขอระบุพยานนั้นนับว่าเป็นความเผอเรอของฝ่ายจำเลยอย่างมากศาลย่อมไม่อนุญาตให้ระบุได้
วันนัดพิจารณาครั้งที่ 2 จำเลยก็ยังมิได้ระบุพยานอีกปล่อยปละละเลยล่วงมาจนเป็นเวลาภายหลังวันเริ่มต้นทำการสืบพยานไม่น้อยกว่า 47 วัน จึงได้ยื่นคำร้องขอระบุพยานนั้นนับว่าเป็นความเผอเรอของฝ่ายจำเลยอย่างมากศาลย่อมไม่อนุญาตให้ระบุได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ระบุพยานตามกำหนดเวลา ทำให้ศาลไม่อนุญาตให้สืบพยานได้
จำเลยมิได้ยื่นระบุพยานก่อนวันเริ่มต้นทำการสืบพยานตลอดมา วันนัดพิจารณาครั้งที่ 2 จำเลยก็ยังมิได้ระบุพยานอีกปล่อยปละละ เลยล่วงมาจนเป็นเวลาภายหลังวันเริ่มต้นทำการสืบพยานไม่น้อยกว่า 47 วัน จึง ได้ยื่นคำร้องขอระบุพยานนั้น นับว่าเป็นความเผลอเรอของฝ่ายจำเลยอย่างมาก ศาลย่อมไม่อนุญาตให้ระบุได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่ดินภายในกำหนดระยะเวลาตามสัญญา แม้ฟ้องหลังหมดกำหนดก็ชอบ
โจทก์ขายนาให้จำเลยแล้วมีข้อสัญญากันว่า ต่อไปในวันข้างหน้าในระยะครบ 2 ปีเป็นจำนวนพ.ศ.2493 หรือ 2494 ถ้าโจทก์นำเงินมาซื้อคืนได้ จำเลยจะต้องขายนาคืนให้ นั้นย่อมหมายความว่า โจทก์มีสิทธิซื้อคืนได้ภายในระยะ 2 ปีนับแต่วันทำสัญญากันนั่นเอง สุดแต่จะไปครบ2 ปี ในปี พ.ศ.2493 หรือ พ.ศ.2494
โจทก์ฟ้องว่า ได้ไปขอซื้อนาคืนจากจำเลยในต้น พ.ศ. 2494 แต่จำเลยไม่ยอมขายคืนให้ ฯลฯ จำเลยไม่ได้ให้การกล่าวถึงหรือปฏิเสธความข้อนี้ประการใด จึงต้องถือว่าจำเลยรับในข้อเท็จจริงข้อที่โจทก์ฟ้องข้อนี้แล้ว
โจทก์ขายนาให้จำเลยโดยมีข้อสัญญากันว่า โจทก์มีสิทธิขอซื้อคืนได้ภายในกำหนด 2 ปี ครั้นต่อมาโจทก์ได้ขอซื้อคืนภายในระยะเวลา 2 ปีอันเป็นระยะเวลาที่โจทก์มีสิทธิขอซื้อคืนได้ เมื่อจำเลยไม่ยอมขาย ย่อมถือได้ว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้และโจทก์จะยื่นฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 2 ปีแล้ว ก็ได้เพราะโจทก์ได้ขอซื้อคืนไว้ภายในระยะ 2 ปีแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า ได้ไปขอซื้อนาคืนจากจำเลยในต้น พ.ศ. 2494 แต่จำเลยไม่ยอมขายคืนให้ ฯลฯ จำเลยไม่ได้ให้การกล่าวถึงหรือปฏิเสธความข้อนี้ประการใด จึงต้องถือว่าจำเลยรับในข้อเท็จจริงข้อที่โจทก์ฟ้องข้อนี้แล้ว
โจทก์ขายนาให้จำเลยโดยมีข้อสัญญากันว่า โจทก์มีสิทธิขอซื้อคืนได้ภายในกำหนด 2 ปี ครั้นต่อมาโจทก์ได้ขอซื้อคืนภายในระยะเวลา 2 ปีอันเป็นระยะเวลาที่โจทก์มีสิทธิขอซื้อคืนได้ เมื่อจำเลยไม่ยอมขาย ย่อมถือได้ว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้และโจทก์จะยื่นฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 2 ปีแล้ว ก็ได้เพราะโจทก์ได้ขอซื้อคืนไว้ภายในระยะ 2 ปีแล้ว