คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 72

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 499 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะต้องกระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การปล่อยเวลาผ่านไปนานถึง 3 ชั่วโมง ไม่อาจอ้างบันดาลโทสะได้
ขณะที่จำเลยทราบว่าภรรยาจำเลยถูกผู้เสียหายปลุกปล้ำกระทำชำเรานั้น จำเลยไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือจะทำร้ายผู้เสียหายแต่ได้ออกไปหาปลาร่วมกับผู้เสียหายโดยมีเวลานานถึง 3 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงได้ใช้มีดฟันทำร้ายผู้เสียหายจึงมิใช่เป็นการกระทำต่อผู้ถูกข่มเหงในขณะนั้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะต้องกระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การกระทำหลังเวลาผ่านไปไม่ถือเป็นบันดาลโทสะ
การจะอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะนั้น นอกจากจะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแล้วยังต้องกระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นด้วย แม้การที่ผู้เสียหายเป็นชู้กับภรรยาจำเลยจะเป็นการข่มเหงจำเลยซึ่งเป็นสามีอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก็ตามแต่การที่จำเลยทราบเรื่องจากภรรยาแล้วภายหลังจากนั้นเป็นเวลานานถึง 3ชั่วโมง จึงได้ใช้อาวุธมีดฟันผู้เสียหายนั้น การกระทำของจำเลยมิใช่การกระทำในขณะกระชั้นชิดต่อเนื่องยังไม่ขาดตอน จึงมิใช่การกระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นการกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเจรจาให้เงินเพื่อออกจากที่ดินสาธารณะ ไม่ถือเป็นการข่มขู่หรือข่มเหง
ก่อนเกิดเหตุ ท.ได้ให้ผู้ตายไปบอกจำเลยให้ขนย้ายบริวารออกไปจากที่ดินป่าซายเลนซึ่งเป็นที่ดินของทางราชการที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ และที่ดินแปลงดังกล่าวทางราชการได้ให้บุคคลอื่นเช่าไปแล้ว โดยเสนอให้เงินจำเลยจำนวน 60,000 บาท โดยมี พ.กับนายดาบตำรวจ บ.ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไปด้วย และบุคคลทั้งสามไม่มีอาวุธปืนติดตัว ผู้ตายยืนพูดกับจำเลยบริเวณหน้า-ประตูบ้านจำเลย ส่วน พ.และนายดาบตำรวจ บ.ยืนห่างผู้ตายประมาณ 10 เมตรซึ่งเป็นบริเวณนอกบ้านจำเลย ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ก็มีบุคคลอื่นเช่าแล้วจำเลยจึงอยู่อาศัยในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยไม่มีสิทธิโดยชอบ การพูดจาระหว่างจำเลยกับผู้ตายน่าจะพูดถึงเงินจำนวน 60,000 บาท ที่เสนอให้ด้วย และการที่พ.กับนายดาบตำรวจ บ.ไปด้วยก็เป็นการไปเป็นเพื่อด้วยเท่านั้น ดังนั้น จึงถือได้ว่าเป็นกรณีที่กระทำไปโดยสมควร ไม่มีลักษณะเป็นการข่มขู่แต่อย่างใดจึงไม่ถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ: การเสนอเงินเพื่อขอที่ดิน และการไม่มีลักษณะข่มขู่
ก่อนเกิดเหตุ ท.ได้ให้ผู้ตายไปบอกจำเลยให้ขนย้ายบริวารออกไปจากที่ดินป่าชายเลนซึ่งเป็นที่ดินของทางราชการที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ และที่ดินแปลงดังกล่าวทางราชการได้ให้บุคคลอื่นเช่าไปแล้ว โดยเสนอให้เงินจำเลยจำนวน 60,000 บาท โดยมี พ.กับนายดาบตำรวจ บ. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไปด้วย และบุคคลทั้งสามไม่มีอาวุธปืนติดตัว ผู้ตายยืนพูดกับจำเลยบริเวณหน้าประตูบ้านจำเลย ส่วน พ.และนายดาบตำรวจ บ. ยืนห่างผู้ตายประมาณ 10 เมตร ซึ่งเป็นบริเวณนอกบ้านจำเลย ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ก็มีบุคคลอื่นเช่าแล้ว จำเลยจึงอยู่อาศัยในที่ดินแปลงดังกล่าวโดยไม่มีสิทธิโดยชอบ การพูดจาระหว่างจำเลยกับผู้ตายน่าจะพูดถึงเงินจำนวน 60,000 บาท ที่เสนอให้ด้วย และการที่ พ.กับนายดาบตำรวจ บ. ไปด้วยก็เป็นการไปเป็นเพื่อนด้วยเท่านั้นดังนั้น จึงถือได้ว่าเป็นกรณีที่กระทำไปโดยสมควร ไม่มีลักษณะเป็นการข่มขู่แต่อย่างใด จึงไม่ถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นเสียชีวิต: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการเสนอเงินให้ย้ายออก ไม่ใช่การข่มขู่จนถึงขั้นบันดาลโทสะ
ก่อนเกิดเหตุ น. ได้ให้ผู้ตายไปบอกแก่จำเลยให้ขนย้ายบริวารออกไปจากที่ดินป่าชายเลนที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ โดยเสนอให้เงินจำนวน 60,000 บาท เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินของทางราชการอยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งได้ให้บุคคลอื่นเช่าไปแล้ว จำเลยจึงเช่าไม่ได้ โดยมี พ. กับนายดาบตำรวจบ. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไปด้วย ทั้งนี้บุคคลทั้งสามไม่มีอาวุธปืนติดตัว ผู้ตายไปถึงก่อนและยืนพูดกับจำเลยบริเวณหน้าประตูบ้านจำเลย พ. กับนายดาบตำรวจ บ. ตามมาไล่ ๆ กันเพื่อจะเป็นเพื่อนผู้ตาย และยืนอยู่ด้วยกันห่างผู้ตายประมาณ10 เมตร ซึ่งเป็นบริเวณนอกบ้านจำเลย การพูดจาระหว่างผู้ตายกับจำเลยมีการพูดถึงเงิน 60,000 บาท ที่เสนอให้ด้วย เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นกรณีที่กระทำไปโดยสมควร ไม่น่าจะมีลักษณะเป็นการข่มขู่แต่อย่างใด จึงไม่ถือว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม การที่จำเลยเข้าไปในบ้านหยิบเอาอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว มายิงผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะกับการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: ภยันตรายต้องใกล้จะถึงและต่อเนื่อง
การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่อาจเป็นทั้งการกระทำโดยบันดาลโทสะและป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในขณะเดียวกันได้ เนื่องจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ผู้กระทำจะใช้สิทธิป้องกันได้จะต้องเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและขณะใช้สิทธิป้องกัน ภยันตรายนั้นยังมิได้สิ้นสุดลงหากภยันตรายนั้นผ่านพ้นไปแล้วผู้กระทำก็ไม่อาจใช้สิทธิป้องกันได้ อย่างไรก็ดี ภยันตรายดังกล่าวแม้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง หากผู้ถูกข่มเหงได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นคือในระยะเวลาต่อเนื่องที่ตนยังมีโทสะอยู่ ย่อมถือว่าเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
การที่ผู้ตายเข้าไปหาจำเลยแล้วเตะสำรับกับข้าวที่จำเลยกับภรรยานั่งรับประทานอยู่ แม้จะเป็นการกระทำที่ผู้ตายมีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นอันถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายก็ตาม แต่จำเลยก็หาได้กระทำสิ่งใดเป็นการตอบโต้ผู้ตายในขณะผู้ตายเตะสำรับกับข้าวของจำเลยไม่ ต่อเมื่อผู้ตายร้องเรียกจำเลยให้เข้ามาต่อสู้กันพร้อมทั้งด่าจำเลยจำเลยเกิดโทสะจึงเข้าต่อสู้กับผู้ตาย เมื่อสู้ไม่ได้เพราะตัวเล็กกว่า จำเลยจึงวิ่งไปหยิบมีดมาแทงผู้ตาย การกระทำของจำเลยต่อผู้ตายเป็นการกระทำเมื่อภยันตรายดังกล่าวที่ผู้ตายก่อได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่การกระทำของผู้ตายก็ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปในขณะนั้นคือในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกับที่จำเลยยังมีโทสะอยู่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ หาใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยในขณะเดียวกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะ vs. ป้องกันโดยชอบธรรม: การกระทำหลังภยันตรายสิ้นสุดไม่ถือเป็นการป้องกัน
การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่อาจเป็นทั้งการกระทำโดยบันดาลโทสะและป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในขณะเดียวกันได้ ผู้ตายเข้าไปหาจำเลยแล้วเตะสำรับกับข้าวที่จำเลยกับภรรยานั่งรับประทานอยู่ แต่จำเลยก็หาได้ตอบโต้ภยันตรายที่ผู้ตายก่ออย่างใดไม่ ต่อเมื่อผู้ตายร้องเรียกจำเลยให้เข้ามาต่อสู้พร้อมกับด่าจำเลย จำเลยจึงเข้ากอดปล้ำต่อสู้กับผู้ตาย แต่สู้ไม่ได้เพราะตัวเล็กกว่า จำเลยจึงวิ่งไปหยิบมีดมาแทงผู้ตาย การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเมื่อภยันตรายดังกล่าวที่ผู้ตายก่อได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่การกระทำของผู้ตายก็ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกับที่จำเลยยังมีโทสะอยู่การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ หาใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะกับการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นคนละกรณีกัน ฎีกาชี้ว่าการป้องกันต้องเกิดขณะที่ภัยใกล้ถึง แต่การกระทำด้วยโทสะอาจเกิดขึ้นหลังภัยผ่านพ้นไปได้
การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่อาจเป็นทั้งการกระทำโดยบันดาลโทสะและป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในขณะเดียวกันได้ เนื่องจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ผู้กระทำจะใช้สิทธิป้องกันได้จะต้องเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง และขณะใช้สิทธิป้องกันภยันตรายนั้นยังมิได้สิ้นสุดลงหากภยันตรายนั้นผ่านพ้นไปแล้วผู้กระทำก็ไม่อาจใช้สิทธิป้องกันได้ อย่างไรก็ดี ภยันตรายดังกล่าวแม้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอย่างหนึ่ง หากผู้ถูกข่มเหงได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นคือในระยะเวลาต่อเนื่องที่ตนยังมีโทสะอยู่ ย่อมถือว่าเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ การที่ผู้ตายเข้าไปหาจำเลยแล้วเตะสำรับกับข้าวที่จำเลยกับภรรยานั่งรับประทานอยู่ แม้จะเป็นการกระทำที่ผู้ตายมีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นอันถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายก็ตาม แต่จำเลยก็หาได้กระทำสิ่งใดเป็นการตอบโต้ ผู้ตายในขณะผู้ตายเตะสำรับกับข้าวของจำเลยไม่ ต่อเมื่อผู้ตายร้องเรียกจำเลยให้เข้ามาต่อสู้กันพร้อมทั้งด่าจำเลยจำเลยเกิดโทสะจึงเข้าต่อสู้กับผู้ตาย เมื่อสู้ไม่ได้เพราะตัวเล็กกว่า จำเลยจึงวิ่งไปหยิบมีดมาแทงผู้ตายการกระทำของจำเลยต่อผู้ตายเป็นการกระทำเมื่อภยันตรายดังกล่าวที่ผู้ตายก่อได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่การกระทำของผู้ตายก็ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปในขณะนั้นคือในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกับที่จำเลยยังมีโทสะอยู่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ หาใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยในขณะเดียวกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายในร้านอาหาร: ศาลฎีกาไม่รับรองเหตุบันดาลโทสะจากพฤติกรรมผู้ตายในอดีต
แม้ผู้ตายชอบดื่มสุราแล้วก่อเหตุวิวาทเป็นประจำ เคยถูกจำคุกฐานเมาสุราทำร้ายผู้อื่นและยังก่อคดีทำร้ายผู้อื่นอีก 2 คดีแล้วมาก่อเหตุคดีนี้ก็เป็นเหตุการณ์เรื่องอื่น มิใช่เหตุในคดีนี้จึงมิใช่มูลกรณีที่จะถือได้ว่าจำเลยทั้งสามถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จำเลยที่ 1 ประกอบอาชีพขายสุรา ลาบ และส้มตำ การที่ผู้ตายซึ่งเป็นลูกค้าดื่มสุราแล้วมึนเมาก่อเหตุกวาดสิ่งของบนโต๊ะและล้มโต๊ะ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ร้านขายสุราและอาหารประสบอยู่เสมอ มิใช่เป็นการข่มเหงจำเลยที่ 1 อย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวและการกระทำโดยบันดาลโทสะ กรณีถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
ขณะที่จำเลยใช้มีดโต้ของกลางฟันผู้ตาย อาวุธปืนได้หลุดไปจากมือผู้ตายแล้ว ภยันตรายที่จำเลยจำต้องป้องกันผ่านพ้นไปแล้วไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันจะต้องป้องกันอีก การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน แต่การที่ผู้ตายพยายามจะใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายจำเลยก่อนจนจำเลยต้องเข้าแย่งอาวุธปืนกับผู้ตายและฟันผู้ตายถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
of 50