คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 72

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 499 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2824/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการเข้าใจผิดเรื่องชู้: ศาลฎีกายืนโทษจำเลย
ผู้เสียหายกับภริยาจำเลยเคยลักลอบได้เสียกันในทุ่งนามาแล้ว 2 ครั้ง ผู้ใหญ่บ้านได้เรียกผู้เสียหายมาว่ากล่าวตักเตือนหลายครั้งผู้เสียหายก็รับปากว่าจะเลิกคบชู้กับภริยาจำเลย หากไม่เลิกยอมให้จำเลยยิงในวันเกิดเหตุจำเลยเห็นผู้เสียหายอยู่ตามลำพังกับภริยาจำเลยในป่าละเมาะจำเลยเข้าใจว่าผู้เสียหายกับภริยาจำเลยลักลอบเป็นชู้กันอีก จำเลยจึงเกิดโทสะใช้ปืนยิงผู้เสียหายดังนี้ เป็นการที่จำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายลักลอบเป็นชู้กับภริยาจำเลยอีก อันเป็นการข่มเหงจำเลยด้วยเหตุร้ายแรงอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ประกอบด้วยมาตรา 62 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2799/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว ถือเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และ 72 ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา75 และลดโทษให้ตามมาตรา 78 แล้วคงจำคุก 8 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้จำคุก 2 ปี ตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมา เช่นนี้ เป็นการแก้เฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลย ไม่ได้แก้บทมาตราด้วย จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแทงผู้เสียหายหลังจากจำเลยถูกผู้เสียหายชกต่อยผ่านพ้นไปแล้ว จึงไม่มีภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่จำเลยจะต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน จำเลยฎีกาว่าจำเลยแทงผู้เสียหายในขณะถูกชกต่อย แต่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ดังนี้ ฎีกาของจำเลยเท่ากับเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาซึ่งเป็นยุติและต้องห้ามฎีกา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้าง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2799/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และ 72 ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 75และลดโทษให้ตามมาตรา 78 แล้วคงจำคุก 8 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้จำคุก 2 ปี ตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมา เช่นนี้ เป็นการแก้เฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลยไม่ได้แก้บทมาตราด้วยจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแทงผู้เสียหายหลังจากจำเลยถูกผู้เสียหายชกต่อยผ่านพ้นไปแล้ว จึงไม่มีภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่จำเลยจะต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน จำเลยฎีกาว่าจำเลยแทงผู้เสียหายในขณะถูกชกต่อยแต่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ดังนี้ ฎีกาของจำเลยเท่ากับเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาซึ่งเป็นยุติและต้องห้ามฎีกา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2799/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว และขอบเขตการแก้ไขโทษที่ไม่เกิน 5 ปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และ 72 ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา75 และลดโทษให้ตามมาตรา 78 แล้วคงจำคุก 8 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้จำคุก 2 ปี ตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมา เช่นนี้ เป็นการแก้เฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลย ไม่ได้แก้บทมาตราด้วย จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแทงผู้เสียหายหลังจากจำเลยถูกผู้เสียหายชกต่อยผ่านพ้นไปแล้ว จึงไม่มีภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่จำเลยจะต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน จำเลยฎีกาว่าจำเลยแทงผู้เสียหายในขณะถูกชกต่อย แต่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ดังนี้ ฎีกาของจำเลยเท่ากับเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาซึ่งเป็นยุติและต้องห้ามฎีกา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้าง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืน: การกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าลดโทษตามมาตรา 72
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เสพสุราอยู่ในลักษณะมึนเมาและอาจจะมีเหตุกินใจกันมาก่อน จำเลยที่ 1 ได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยที่ 2ได้รับบาดเจ็บจำเลยที่ 2 จึงยิงจำเลยที่ 1 เป็นการแก้แค้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนตามกฎหมายแต่การที่จำเลยที่ 2 ถูกจำเลยที่ 1 ยิงก่อนถือได้ว่าจำเลยที่ 2ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกยิงก่อน: การกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เสพสุราอยู่ในลักษณะมึนเมาและอาจจะมีเหตุกินใจกันมาก่อน จำเลยที่ 1 ได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยที่ 2 ได้รับบาดเจ็บจำเลยที่ 2 จึงยิงจำเลยที่ 1 เป็นการแก้แค้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนตามกฎหมาย แต่การที่จำเลยที่ 2 ถูกจำเลยที่ 1 ยิงก่อนถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2298/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกยิงก่อน: การกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าและเหตุลดโทษ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เสพสุราอยู่ในลักษณะมึนเมาและอาจจะมีเหตุกินใจกันมาก่อน จำเลยที่ 1 ได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ 2 จึงยิงจำเลยที่ 1 เป็นการแก้แค้น การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนตามกฎหมาย แต่การที่จำเลยที่ 2 ถูกจำเลยที่ 1 ยิงก่อนถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกดูหมิ่น: การกระทำผิดเนื่องจากคำพูดรุนแรงและข่มเหง
แม้ผู้ตายจะโกรธแค้นที่เคยถูกจำเลยผู้เป็นสามีตบตี ผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะด่าว่าจำเลยในลักษณะดูถูกเหยียดหยามด้วยถ้อยคำหยาบคายพาดพิงถึงวงศ์สกุลของจำเลยในที่ว่าการอำเภอซึ่งมีคนอื่นได้ยินด้วยย่อมทำให้จำเลยรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกดูถูกเหยียดหยาม: การกระทำผิดหลังถูกข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง
แม้ผู้ตายจะโกรธแค้นที่เคยถูกจำเลยผู้เป็นสามีตบตี ผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะด่าว่าจำเลยในลักษณะดูถูกเหยียดหยามด้วยถ้อยคำหยาบคายพาดพิงถึงวงศ์สกุลของจำเลยในที่ว่าการอำเภอซึ่งมีคนอื่นได้ยินด้วยย่อมทำให้จำเลยรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกดูถูกเหยียดหยาม: การกระทำผิดหลังถูกข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง
แม้ผู้ตายจะโกรธแค้นที่เคยถูกจำเลยผู้เป็นสามีตบตี ผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะด่าว่าจำเลยในลักษณะดูถูกเหยียดหยามด้วยถ้อยคำหยาบคายพาดพิงถึงวงศ์สกุลของจำเลยในที่ว่าการอำเภอซึ่งมีคนอื่นได้ยินด้วยย่อมทำให้จำเลยรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ
of 50