คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 72

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 499 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ไม่มีบาดแผลชัดเจน ไม่ถึงขั้นอันตรายแก่กาย ลดโทษจากชิงทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยชกต่อยผู้เสียหายที่บริเวณหน้าอกหลายครั้งแพทย์ตรวจร่างกายผู้เสียหายแล้วไม่พบบาดแผล และไม่มีรอยฟกช้ำ เพียงแต่ผู้เสียหายบอกว่าเจ็บที่หน้าอกเวลากด แพทย์จึงมีความเห็นว่ากล้ามเนื้อที่หน้าอกช้ำรักษาประมาณ 5 วันหาย ลักษณะบาดแผลเช่นนี้ยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 การกระทำของจำเลยเป็นเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 เท่านั้น
การที่ม.พี่ของจำเลยทราบจากคนอื่นพูดกันว่าผู้เสียหายพูดจาดูหมิ่นมารดาของจำเลย เมื่อพบผู้เสียหาย ม. จึงเข้าไปสอบถามแล้วทันใดนั้นจำเลยก็เข้ามาชกต่อยผู้เสียหายทันทีโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้พูดจาดูหมิ่นมารดาจำเลยในขณะเกิดเหตุ กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพราะบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแย่งอาวุธและการยิงผู้เสียหาย พฤติการณ์บ่งชี้ถึงเจตนา แม้ไม่ถูกก็เป็นเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยกับผู้เสียหายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนวันเกิดเหตุจำเลยทำทีขอนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของพลตำรวจส. เมื่อสบโอกาสจำเลยแย่งเอาอาวุธปืนของพลตำรวจส. แล้ววิ่งไปทางบ้านพักที่เกิดเหตุครั้นพบผู้เสียหายและอยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ2.50เมตรจำเลยชักอาวุธปืนออกยิงผู้เสียหายทันทีพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าขณะเกิดเหตุจำเลยได้ทะเลาะโต้เถียงกับผู้เสียหายหรือผู้เสียหายได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อจำเลยซึ่งมีลักษณะเป็นการข่มเหงการที่จำเลยและผู้เสียหายต่างเป็นภรรยาของสิบตำรวจโทพ. ไม่ว่าจำเลยจะเป็นภรรยามาก่อนหรือไม่ก็ตามจำเลยจะอ้างว่าตนถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่แต่การที่จำเลยเบิกความยอมรับว่าจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปในวันเกิดเหตุและกระสุนปืนของจำเลยได้ลั่นขึ้นนั้นเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลถือเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ตามป.อ.มาตรา78.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงเพื่อฆ่า แม้ไม่ถูกตัวผู้เสียหาย และเหตุผลการลดโทษตามมาตรา 78
จำเลยกับผู้เสียหายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนวันเกิดเหตุจำเลยทำทีขอนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของพลตำรวจส.เมื่อสบโอกาสจำเลยแย่งเอาอาวุธปืนของพลตำรวจส.แล้ววิ่งไปทางบ้านพักที่เกิดเหตุครั้งพบผู้เสียหายและอยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ2.50เมตรจำเลยชักอาวุธปืนออกยิงผู้เสียหายทันทีพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าขณะเกิดเหตุจำเลยได้ทะเลาะโต้เถียงกับผู้เสียหายหรือผู้เสียหายได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อจำเลยซึ่งมีลักษณะเป็นการข่มเหงการที่จำเลยและผู้เสียหายต่างเป็นภรรยาของสิบตำรวจโทพ.ไม่ว่าจำเลยจะเป็นภรรยามาก่อนหรือไม่ก็ตามจำเลยจะอ้างว่าตนถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่แต่การที่จำเลยเบิกความยอมรับว่าจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปในวันเกิดเหตุและกระสุนปืนของจำเลยได้ลั่นขึ้นนั้นเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลถือเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78.(ที่มา-ส่งเสิรมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการใช้มีดแทงหลายครั้งเกินกว่าป้องกันตัว
แม้จำเลยกับผู้ตายจะเป็นสามีภรรยากันผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะทำร้ายจำเลยฉะนั้นเมื่อผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุด่าและตบเตะทำร้ายจำเลยก่อนจนเป็นเหตุให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายอันเป็นการประทุษร้ายจำเลยฝ่ายเดียวจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวได้ดังนั้นการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายดังกล่าวเพื่อยับยั้งผู้ตายมิให้ทำร้ายจำเลยอีกจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากการถูกทำร้ายแต่ขณะเกิดเหตุผู้ตายเพียงแต่ตบเตะจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่อย่างใดการที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายหลายครั้งจนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง5แผลเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลฎีกาตัดสินว่าการใช้มีดแทงหลายครั้งเกินกว่าการป้องกัน
แม้จำเลยกับผู้ตายจะเป็นสามีภรรยากันผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะทำร้ายจำเลยฉะนั้นเมื่อผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุด่าและตบเตะทำร้ายจำเลยก่อนจนเป็นเหตุให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายอันเป็นการประทุษร้ายจำเลยฝ่ายเดียวจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวได้ดังนั้นการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายดังกล่าวเพื่อยับยั้งผู้ตายมิให้ทำร้ายจำเลยอีกจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากการถูกทำร้ายแต่ขณะเกิดเหตุผู้ตายเพียงแต่ตบเตะจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่อย่างใดการที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายหลายครั้งจนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง5แผลเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควร การกระทำเกินกว่าเหตุ การฆ่าโดยเจตนา
แม้จำเลยกับผู้ตายจะเป็นสามีภรรยากัน ผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะทำร้ายจำเลย ฉะนั้น เมื่อผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุ ด่าและตบเตะทำร้ายจำเลยก่อนจนเป็นเหตุให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กาย อันเป็นการประทุษร้ายจำเลยฝ่ายเดียว จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวได้ ดังนั้น การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายดังกล่าวเพื่อยับยั้งผู้ตายมิให้ทำร้ายจำเลยอีก จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากการถูกทำร้าย แต่ขณะเกิดเหตุผู้ตายเพียงแต่ตบเตะจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่อย่างใด การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายหลายครั้ง จนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง 5 แผล เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าและการทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิง ส. โดยเจตนาฆ่า แต่ ส.ไม่ถึงแก่ความตายเพียงได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 72 โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 72 ด้วย เช่นนี้ จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส มาตรา 297 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษากลับกันมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นหลังมีปากเสียง ศาลฎีกาตัดสินไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยเข้าไปรับประทานสุราอาหารในบาร์ที่ผู้เสียหายเป็นรองผู้จัดการอยู่แล้วเกิดโต้เถียงกับผู้เสียหายผู้เสียหายท้าทายจำเลยว่านักข่าวก็ตายได้เหมือนกันนักข่าวกระจอกนักข่าวกิ๊กก๊อกยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามป.อ.มาตรา72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นหลังถูกท้าทายด้วยคำพูดไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ แม้จะมีการโต้เถียงก่อนหน้า
จำเลยเข้าไปรับประทานอาหารและดื่มสุราในบาร์ที่ผู้เสียหายเป็นรองผู้จัดการและเกิดโต้เถียงกับผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายท้าทายจำเลยว่านักข่าวก็ตายได้เหมือนกัน นักข่าวกระจอก นักข่าวกิ๊กก๊อก ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงทำร้ายผู้อื่นหลังเกิดการโต้เถียง ไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยเข้าไปรับประทานอาหารและดื่มสุราในบาร์ที่ผู้เสียหายเป็นรองผู้จัดการและเกิดโต้เถียงกับผู้เสียหายโดยผู้เสียหายท้าทายจำเลยว่านักข่าวก็ตายได้เหมือนกันนักข่าวกระจอกนักข่าวกิ๊กก๊อกยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา72.
of 50