พบผลลัพธ์ทั้งหมด 499 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย: การพิจารณาการกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหง
ผู้ตายเมาสุราเอาเท้าพาดหัวจำเลยลูบเล่น จำเลยจึงทำร้ายผู้ตายเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 และบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกด่าทอถึงตระกูล ศาลลดโทษตามมาตรา 72
พ่อตาด่าบุตรเขยถึงตระกูล บุตรเขยห้ามก็ไม่ฟัง ด่าแล้วด่าอีกบุตรเขยฟันพ่อตาตายในขณะนั้น เป็นบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1296/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลอุทธรณ์หยิบยกประเด็นบันดาลโทสะได้ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ข้อที่ว่าจำเลยได้กระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 นั้น แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ ศาลก็หยิบยกขึ้นอ้างเองได้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแทงผู้ตายโดยบันดาลโทสะหลังถูกข่มเหง: ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้ตายพยายามบังคับข่มขืนใจให้จำเลยดื่มสุราทั้งที่จำเลยปฏิเสธอ้างว่าป่วยดื่มไม่ได้ ผู้ตายก็เอาแก้วขว้างจนจำเลยต้องหลบถึง 2 ครั้ง แก้วที่แตกเสียหายทั้งสองใบนั้นก็เป็นของจำเลยหลังจากนั้นผู้ตายจึงผลักหน้าผากจำเลยล้มหงายลงแล้วผู้ตายยังตามเข้ามาเอาไหล่ดันจำเลยอีก ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะแม้จะฟังว่าผู้ตายท้าให้แทงก่อนจำเลยจะแทงผู้ตายก็ตาม ก็ไม่เป็นการลบล้างโทสะของจำเลยเนื่องจากการถูกผู้ตายข่มเหง โดยไม่เป็นธรรมซึ่งเกิดขึ้นก่อนแล้วนั้น แต่กลับจะเป็นการเร่งให้โทสะเนื่องจากการถูกข่มเหงเกิดเร็วขึ้นเสียอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแทงผู้ตายโดยบันดาลโทสะหลังถูกข่มเหง ผู้ตายท้าก่อนไม่ลบล้างโทสะ
ผู้ตายพยายามบังคับข่มขืนใจให้จำเลยดื่มสุราทั้งที่จำเลยปฏิเสธอ้างว่าป่วยดื่มไม่ได้ ผู้ตายก็เอาแก้วขว้างจนจำเลยต้องหลบถึง 2 ครั้ง แก้วที่แตกเสียหายทั้งสองใบนั้นก็เป็นของจำเลย หลังจากนั้นผู้ตายจึงผลักหน้าผากจำเลยล้มหงายลงแล้วผู้ตายยังตามเข้ามาเอาไหล่ดันจำเลยอีก ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ แม้จะฟังว่าผู้ตายท้าให้แทงก่อนจำเลยจะแทงผู้ตายก็ตาม ก็ไม่เป็นการลบล้างโทสะของจำเลยเนื่องจากการถูกผู้ตาย ข่มเหงโดยไม่เป็นธรรมซึ่งเกิดขึ้นก่อนแล้วนั้น แต่กลับจะเป็นการเร่งให้โทสะเนื่องจากการถูกข่มเหงเกิดเร็วขึ้นเสียอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธปืน: ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยเถียงกับผู้เสียหายเรื่องผู้เสียหายสงสัยว่าจำเลยเป็นชู้กับภริยาผู้เสียหาย จำเลยยิงผู้เสียหายด้วยปืนลูกซองสั้น 1 นัดในระยะ 1 วา เป็นแผลเล็กน้อยรักษาในโรงพยาบาล 2 วันก็กลับบ้านได้ แสดงว่าปืนไม่อาจทำให้ตายได้ เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,81 ไม่เป็นบันดาลโทสะหรือป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้เกิดจากความโกรธ แต่มีเวลาคิดทบทวนถือเป็นเหตุไตร่ตรอง
กรณีที่จำเลยเป็นฝ่ายด่าว่าโจทก์ร่วมเรื่องโจทก์ร่วมให้คนมาขุดซ่อมท่อประปาที่ที่ดินหน้าร้านโจทก์ร่วมที่เช่าจากจำเลย โดยโจทก์ร่วมไม่ได้โต้เถียงและได้บอกจำเลยด้วยว่าเมื่อทำเสร็จแล้วจะกลบท่อให้ดังเดิม จำเลยกลับใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมถึง 3 นัด ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด กรณีนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยบันดาลโทสะ
และเมื่อปรากฏว่าตามคำของแพทย์ผู้รักษาจำเลยว่าเมื่อประมาณ 3 ปีมาจำเลยเป็นโรคเปลี่ยนวัย แต่เมื่อได้รับรักษารับประทานยาแล้วอาการดีขึ้นและจำเลยเป็นผู้ดูแลกิจการบริการอาบอบนวดของจำเลย ดูแลห้องแถว บังกาโลที่ให้เช่าโดยสามารถดำเนินธุรกิจ และนำเงินไปฝากธนาคารด้วยตนเองก่อนที่จำเลยจะยิงโจทก์ร่วมจำเลยด่าว่าโจทก์ร่วมและหลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนนำพนักงานสอบสวนไปชี้ที่เกิดเหตุและแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพประกอบคำรับโดยตลอดจำเลยมีความรู้สึกผิดชอบดีอย่างบุคคลธรรมดาทั่วไป ถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดในขณะที่รู้สึกผิดชอบและสามารถบังคับตนเองได้
ส่วนในกรณีที่ปรากฏว่า ก่อนจำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมจำเลยได้ด่าว่าโจทก์ร่วมโดยจำเลยโกรธโจทก์ร่วมที่ให้คนมาขุดท่อประปาในที่ดินของจำเลยเสร็จแล้วจำเลยและโจทก์ร่วมต่างแยกเข้าร้านของตนซึ่งถือได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ต่อมาอีกประมาณ 10 นาทีโจทก์ร่วมออกมาดูท่อประปาที่ขุดตามที่คนขุดท่อประปาขอให้มาดูจำเลยวิ่งออกจากร้านโดยไม่พูดจา แล้วใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมทันทีเช่นนี้ มิใช่จำเลยกระทำการยิงโจทก์ร่วมในขณะที่เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้า หากแต่เป็นการที่จำเลยใช้เวลาที่อยู่ในร้านประมาณ 10 นาที คิดไตร่ตรองทบทวนดีแล้วว่าจะยิงโจทก์ร่วมหรือไม่และได้ตระเตรียมปืนไว้ใช้ยิง ดังนี้ที่จำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
และเมื่อปรากฏว่าตามคำของแพทย์ผู้รักษาจำเลยว่าเมื่อประมาณ 3 ปีมาจำเลยเป็นโรคเปลี่ยนวัย แต่เมื่อได้รับรักษารับประทานยาแล้วอาการดีขึ้นและจำเลยเป็นผู้ดูแลกิจการบริการอาบอบนวดของจำเลย ดูแลห้องแถว บังกาโลที่ให้เช่าโดยสามารถดำเนินธุรกิจ และนำเงินไปฝากธนาคารด้วยตนเองก่อนที่จำเลยจะยิงโจทก์ร่วมจำเลยด่าว่าโจทก์ร่วมและหลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนนำพนักงานสอบสวนไปชี้ที่เกิดเหตุและแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพประกอบคำรับโดยตลอดจำเลยมีความรู้สึกผิดชอบดีอย่างบุคคลธรรมดาทั่วไป ถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดในขณะที่รู้สึกผิดชอบและสามารถบังคับตนเองได้
ส่วนในกรณีที่ปรากฏว่า ก่อนจำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมจำเลยได้ด่าว่าโจทก์ร่วมโดยจำเลยโกรธโจทก์ร่วมที่ให้คนมาขุดท่อประปาในที่ดินของจำเลยเสร็จแล้วจำเลยและโจทก์ร่วมต่างแยกเข้าร้านของตนซึ่งถือได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ต่อมาอีกประมาณ 10 นาทีโจทก์ร่วมออกมาดูท่อประปาที่ขุดตามที่คนขุดท่อประปาขอให้มาดูจำเลยวิ่งออกจากร้านโดยไม่พูดจา แล้วใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมทันทีเช่นนี้ มิใช่จำเลยกระทำการยิงโจทก์ร่วมในขณะที่เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้า หากแต่เป็นการที่จำเลยใช้เวลาที่อยู่ในร้านประมาณ 10 นาที คิดไตร่ตรองทบทวนดีแล้วว่าจะยิงโจทก์ร่วมหรือไม่และได้ตระเตรียมปืนไว้ใช้ยิง ดังนี้ที่จำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงผู้อื่นด้วยปืน การพิจารณา 'ไตร่ตรองไว้ก่อน' แม้มีเหตุโกรธเคือง แต่หากมีเวลาคิดไตร่ตรอง ถือเป็นเจตนา
กรณีที่จำเลยเป็นฝ่ายด่าว่าโจทก์ร่วมเรื่องโจทก์ร่วมให้คนมาขุดซ่อมท่อประปาที่ที่ดินหน้าร้านโจทก์ร่วม ที่เช่าจากจำเลย โดยโจทก์ร่วมไม่ได้โต้เถียงและได้บอกจำเลยด้วยว่าเมื่อทำเสร็จแล้วจะกลบท่อให้ดังเดิม จำเลยกลับใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมถึง 3 นัด ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด กรณีนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยบันดาลโทสะ
และเมื่อปรากฏว่าตามคำของแพทย์ผู้รักษาจำเลยว่าเมื่อประมาณ 3 ปี มาจำเลยเป็นโรคเปลี่ยนวัย แต่เมื่อได้รับรักษารับประทานยาแล้วอาการดีขึ้นและจำเลยเป็นผู้ดูแลกิจการบริการอาบอบนวดของจำเลย ดูแลห้องแถว บังกาโลที่ให้เช่าโดยสามารถดำเนินธุรกิจ และนำเงินไปฝากธนาคารด้วยตนเอง ก่อนที่จำเลยจะยิงโจทก์ร่วม จำเลยด่าว่าโจทก์ร่วมและหลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน นำพนักงานสอบสวนไปชี้ที่เกิดเหตุและแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพประกอบคำรับโดยตลอด จำเลยมีความรู้สึกผิดชอบดีอย่างบุคคลธรรมดาทั่วไป ถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดในขณะที่รู้สึกผิดชอบและสามารถบังคับตนเองได้
ส่วนในกรณีที่ปรากฏว่า ก่อนจำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วม จำเลยได้ด่าว่าโจทก์ร่วมโดยจำเลยโกรธโจทก์ร่วมที่ให้คนมาขุดท่อประปาในที่ดินของจำเลยเสร็จแล้วจำเลยและโจทก์ร่วมต่างแยกเข้าร้านของตน ซึ่งถือได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ต่อมาอีกประมาณ 10 นาที โจทก์ร่วมออกมาดูท่อประปาที่ขุดตามที่คนขุดท่อประปาขอให้มาดู จำเลยวิ่งออกจากร้านโดยไม่พูดจา แล้วใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมทันทีเช่นนี้ มิใช่จำเลยกระทำการยิงโจทก์ร่วมในขณะที่เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้า หากแต่เป็นการที่จำเลยใช้เวลาที่อยู่ในร้านประมาณ 10 นาที คิดไตร่ตรองทบทวนดีแล้วว่าจะยิงโจทก์ร่วมหรือไม่ และได้ตระเตรียมปืนไว้ใช้ยิง ดังนี้ที่จำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
และเมื่อปรากฏว่าตามคำของแพทย์ผู้รักษาจำเลยว่าเมื่อประมาณ 3 ปี มาจำเลยเป็นโรคเปลี่ยนวัย แต่เมื่อได้รับรักษารับประทานยาแล้วอาการดีขึ้นและจำเลยเป็นผู้ดูแลกิจการบริการอาบอบนวดของจำเลย ดูแลห้องแถว บังกาโลที่ให้เช่าโดยสามารถดำเนินธุรกิจ และนำเงินไปฝากธนาคารด้วยตนเอง ก่อนที่จำเลยจะยิงโจทก์ร่วม จำเลยด่าว่าโจทก์ร่วมและหลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน นำพนักงานสอบสวนไปชี้ที่เกิดเหตุและแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพประกอบคำรับโดยตลอด จำเลยมีความรู้สึกผิดชอบดีอย่างบุคคลธรรมดาทั่วไป ถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดในขณะที่รู้สึกผิดชอบและสามารถบังคับตนเองได้
ส่วนในกรณีที่ปรากฏว่า ก่อนจำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วม จำเลยได้ด่าว่าโจทก์ร่วมโดยจำเลยโกรธโจทก์ร่วมที่ให้คนมาขุดท่อประปาในที่ดินของจำเลยเสร็จแล้วจำเลยและโจทก์ร่วมต่างแยกเข้าร้านของตน ซึ่งถือได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ต่อมาอีกประมาณ 10 นาที โจทก์ร่วมออกมาดูท่อประปาที่ขุดตามที่คนขุดท่อประปาขอให้มาดู จำเลยวิ่งออกจากร้านโดยไม่พูดจา แล้วใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมทันทีเช่นนี้ มิใช่จำเลยกระทำการยิงโจทก์ร่วมในขณะที่เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้า หากแต่เป็นการที่จำเลยใช้เวลาที่อยู่ในร้านประมาณ 10 นาที คิดไตร่ตรองทบทวนดีแล้วว่าจะยิงโจทก์ร่วมหรือไม่ และได้ตระเตรียมปืนไว้ใช้ยิง ดังนี้ที่จำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าโดยบันดาลโทสะ: การพิจารณาคำพูดกระตุ้นความโกรธและเหตุผลในการลดโทษ
โจทก์ต่อว่าจำเลยว่า มองหน้าทำไม เป็นตำรวจหรือ ตำรวจไม่สำคัญ จำเลยก็ชักปืนยิงโจทก์คำพูดเช่นนี้ระคายเคืองอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงข่มเหงอย่างร้ายแรงและไม่เป็นธรรมที่จะลดโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงของผู้ตาย แม้ไม่ใช่การป้องกันตัว
ผู้ตายซึ่งไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน ได้มาซื้อสุราจากร้านจำเลยดื่ม ดื่มสุราแล้วเข้าไปแย่งตะไกรจากภรรยาจำเลยซึ่งกำลังตัดผมให้จำเลยอยู่หน้าร้ายจะตัดผมให้จำเลยเอง ทั้งผู้ตายขอเงินจากจำเลยโดยไม่ปรากฏเหตุที่จำเลยจะต้องให้เงินแก่ผู้ตายกับผู้ตายยังอ้างว่าผู้ตายซื้อสลากกินรวบจากจำเลยแล้วถูกรางวัด แต่จำเลยไม่จ่ายเงินให้ จึงเกิดโต้เถียงกัน และผ้าขาวม้าที่จำเลยนุ่งหลุด จำเลยวิ่งเข้าห้อง ขณะนั้นเองผู้ตายจับแขนและล้วงกระเป๋าเสื้อภรรยาจำเลยและขอเงินอีก จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72