พบผลลัพธ์ทั้งหมด 499 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ: การกระทำของผู้ตายที่รุนแรงเป็นเหตุให้จำเลยป้องกันตนเองได้ตามกฎหมาย
ผู้ตายซึ่งไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน ได้มาซื้อสุราจากร้านจำเลยดื่ม ดื่มสุราแล้วเข้าไปแย่งตะไกรจากภรรยาจำเลยซึ่งกำลังตัดผมให้จำเลยอยู่หน้าร้านจะตัดผมให้จำเลยเอง ทั้งผู้ตายขอเงินจากจำเลยโดยไม่ปรากฏเหตุที่จำเลยจะต้องให้เงินแก่ผู้ตาย ซื้อสลากกินรวมจากจำเลยแล้วถูกรางวัล แต่จำเลยไม่จ่ายเงิน ให้จึงเกิดโต้เถียงกัน และผ้าขาวม้าที่จำเลยนุ่งหลุด จำเลยวิ่งเข้าห้อง ขณะนั้นเองผู้ตายจับแขนและล้วงกระเป๋าเสื้อภรรยาจำเลยและขอเงินอีก จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกทำร้าย: การกระทำหลังถูกชกต่อเนื่องโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ขณะที่ผู้ตายนั่งรับประทานกาแฟอยู่กับ ช. ในร้านของ ท. จำเลยเข้าไปในร้าน ชวนผู้ตายไปนั่งคุยด้วย จำเลยสั่งสุรา ท. ไม่ขายให้เพราะเห็นว่าจำเลยเมาสุราแล้ว จำเลยส่งเสียงเอะอะ ผู้ตายห้ามจำเลยและบอกให้กลับบ้าน จำเลยไม่เชื่อฟัง ผู้ตายจึงถีบจำเลยกระเด็นไปนอกร้านล้มลง ผู้ตายตามออกไปจับจำเลยลุกขึ้นและชกจำเลย ช. ออกไปห้าม ผู้ตายกลับเข้ามาในร้าน จำเลยตามผู้ตายไป ผู้ตายชกจำเลยออกไปนอกร้านอีก ช. ออกไปห้ามอีก ผู้ตายกลับเข้ามานั่งในร้าน ทันใดจำเลยซึ่งยืนอยู่นอกร้านได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด ดังนี้ ถือว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะที่ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกทำร้าย: การพิจารณาเหตุแห่งการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
ขณะที่ผู้ตายนั่งรับประทานกาแฟอยู่กับ ช.ในร้านของ ท. จำเลยเข้าไปในร้าน ชวนผู้ตายไปนั่งคุยด้วย จำเลยสั่งสุรา ท. ไม่ขายให้เพราะเห็นว่าจำเลยเมาสุราแล้ว จำเลยส่งเสียงเอะอะ ผู้ตายห้ามจำเลยและบอกให้กลับบ้าน จำเลยไม่เชื่อฟัง ผู้ตายจึงถีบจำเลยกระเด็นไปนอกร้านล้มลง ผู้ตายตามออกไปจับจำเลยลุกขึ้นและชกจำเลย ช. ออกไปห้าม ผู้ตายกลับเข้าไปในร้านจำเลยตามผู้ตายไป ผู้ตายชกจำเลยออกไปนอกร้านอีก ช. ออกไปห้ามอีก ผู้ตายกลับเข้าไปนั่งในร้าน ทันใดจำเลยซึ่งยืนอยู่นอกร้านได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะที่ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ตีเพียงครั้งเดียว หากเป็นการทำร้ายร่างกายส่วนสำคัญจนถึงแก่ความตาย และไม่อาจอ้างป้องกันตัวหรือบันดาลโทสะได้
เมื่อผู้ตายล้มลงและจอบหลุดจากมือ ผู้ตายไม่อาจจะทำร้ายจำเลยได้ การที่จำเลยได้ใช้จอบของผู้ตายตีผู้ตายขณะล้มนอนอยู่ จนกะโหลกศีรษะแตก แสดงว่าตีโดยแรง แม้ตีเพียง 1 ที ก็ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จะอ้างว่ากระทำเพื่อเป็นการป้องกันตัวไม่ได้
จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยเปิดน้ำในนาของผู้ตายจนแห้งเพื่อนำเข้าไปใช้ในนาของจำเลย เมื่อผู้ตายมาด่าและท้าจำเลย จำเลยทำร้ายผู้ตาย ดังนี้ จะอ้างว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะไม่ได้
จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยเปิดน้ำในนาของผู้ตายจนแห้งเพื่อนำเข้าไปใช้ในนาของจำเลย เมื่อผู้ตายมาด่าและท้าจำเลย จำเลยทำร้ายผู้ตาย ดังนี้ จะอ้างว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ลงมือเพียงครั้งเดียว โดยไม่สามารถอ้างเหตุป้องกันตัวหรือบันดาลโทสะได้
เมื่อผู้ตายล้มลงและจอบหลุดจากมือ ผู้ตายไม่อาจจะทำร้ายจำเลยได้การที่จำเลยได้ใช้จอบของผู้ตายตีผู้ตายขณะล้มนอนอยู่ จนกะโหลกศีรษะแตก แสดงว่าตีโดยแรง แม้ตีเพียง 1 ที ก็ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จะอ้างว่ากระทำเพื่อเป็นการป้องกันตัวไม่ได้
จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยเปิดน้ำในนาของผู้ตายจนแห้งเพื่อนำเข้าไปใช้ในนาของจำเลย เมื่อผู้ตายมาด่าและท้าจำเลย จำเลยทำร้ายผู้ตาย ดังนี้ จะอ้างว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะไม่ได้
จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยเปิดน้ำในนาของผู้ตายจนแห้งเพื่อนำเข้าไปใช้ในนาของจำเลย เมื่อผู้ตายมาด่าและท้าจำเลย จำเลยทำร้ายผู้ตาย ดังนี้ จะอ้างว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะ: การกระทำโดยบันดาลโทสะแม้ผู้เสียหายไม่ได้ร่วมวิวาทโดยตรง แต่สนับสนุนฝ่ายตรงข้าม
แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้ร่วมกับพี่สาวด่าว่าและแสดงกิริยาหยาบคายต่อจำเลย แต่ผู้เสียหายก็มาพัวพันอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุเสมือนเป็นกำลังสนับสนุนในฐานะเป็นพวกของฝ่ายพี่สาวเพื่อให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่อจำเลยบันดาลโทสะคว้ามีดไล่ฟันพี่สาวผู้เสียหายและฟันผู้เสียหายจึงถือได้ว่าจำเลยกระทำต่อผู้เสียหายโดยบันดาลโทสะด้วย
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนกันมาให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยซึ่งแต่ละกระทงความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนกันมาให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยซึ่งแต่ละกระทงความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะ: การพัวพันในเหตุการณ์แม้ไม่ได้ร่วมทะเลาะวิวาท ถือเป็นเหตุบันดาลโทสะได้
แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้ร่วมกับพี่สาวด่าว่าและแสดงกิริยาหยาบคายต่อจำเลย แต่ผู้เสียหายก็มาพัวพันอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุเสมือนเป็นกำลังสนับสนุนในฐานะเป็นพวกของฝ่ายพี่สาวเพื่อให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น ดังนั้น เมื่อจำเลยบันดาลโทสะคว้ามีดไล่ฟันพี่สาวผู้เสียหายและฟันผู้เสียหาย จึงถือได้ว่าจำเลยกระทำต่อผู้เสียหายโดยบันดาลโทสะด้วย
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนกันมาให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยซึ่งแต่ละกระทงความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนกันมาให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยซึ่งแต่ละกระทงความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะ: การดูหมิ่นก่อนยั่วยุไม่ถึงขั้นข่มเหงร้ายแรง
จำเลยกล่าวดูหมิ่นผู้ตายต่อหน้าบุคคลอื่นขึ้นก่อนว่าลักวัวและห้ามมิให้จำเลยลักวัวพวกจำเลยอีกการที่ผู้ตายกล่าวโต้ตอบเพื่อแก้หน้าขึ้นบ้างว่า 'มึงห้ามกูก็ไม่ฟังแต่น้องสาวมึง กูก็จะเย็ดอยู่' จึงเป็นการโต้ตอบเพื่อล้างความอาย และถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยซึ่งมีน้องสาว โกรธขึ้นมา จึงฟันผู้ตาย จึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1277/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะ: การโต้เถียงก่อนการทำร้ายร่างกายไม่ถือเป็นการถูกข่มเหงร้ายแรง
จำเลยกล่าวดูหมิ่นผู้ตายต่อหน้าบุคคลอื่นขึ้นก่อนวันลักวัว และห้ามมิให้จำเลยลักวัวพวกจำเลยอีก การที่ผู้ตายกล่าวได้ตอบเพื่อแก้หน้าขึ้นบ้าง "มึงห้ามกูก็ไม่ฟัง แต่น้องสาวมึง กูก็จะเย็ดอยู่" จึงเป็นการโต้ตอบเพื่อล้างความอายและถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยซึ่งมีน้องสาวโกรธขึ้นมา จึงฟันผู้ตายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1277/2487)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นองค์ประกอบความผิดฐานมีไม้แปรรูป
ความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484มาตรา 48,73 นั้น เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดที่โจทก์จะต้องนำสืบ เมื่อข้อเท็จจริงนี้โจทก์มิได้นำสืบเลย ก็ไม่มีทางทราบได้ว่าตำบลที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้หรือไม่ จึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ไม่ได้ ประกาศของรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติป่าไม้ไม่เป็นกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่ประชาชนรู้กันทั่วไป
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้องก็ริบไม้ของกลางไม่ได้
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้องก็ริบไม้ของกลางไม่ได้