พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6341/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแม้ผู้พิพากษาส่วนหนึ่งไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ หากมีการร่วมปรึกษาและลงชื่อในต้นร่างแล้ว
แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คือ อ. และ ช. ลงลายมือชื่อเพียงสองคน แต่ตามบันทึกต่อท้ายคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ช. รองประธานศาลอุทธรณ์ทำการแทนประธานศาลอุทธรณ์ได้รับรองว่า ค. ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อีกคนหนึ่งได้ร่วมปรึกษาและมีความเห็นพ้องกัน ดังได้ลงลายมือชื่อไว้ในต้นร่างคำพิพากษาแล้ว กับได้บันทึกจดแจ้งเหตุที่ ค. ไม่สามารถลงลายมือชื่อในคำพิพากษาได้เนื่องจากย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่นก่อนที่จะลงลายมือชื่อในคำพิพากษานั้น เมื่อองค์คณะผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งสามคนลงลายมือชื่อไว้ในต้นร่างคำพิพากษาย่อมแสดงชัดแจ้งแล้วว่าองค์คณะดังกล่าวมีความเห็นพ้องด้วยกันกับคำพิพากษานั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 141 วรรคสอง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 และมิใช่กรณีมีเหตุจำเป็นอื่นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ในระหว่างการนั่งพิจารณา หรือการทำคำพิพากษาในศาลอุทธรณ์ ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 28 และมาตรา 29 ที่รองประธานศาลอุทธรณ์กระทำการแทนประธานศาลอุทธรณ์จะต้องตรวจสำนวนและลงลายมือชื่อร่วมเป็นองค์คณะในคำพิพากษาไม่ เนื่องจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้มีการพิจารณาและพิพากษาไปจนเสร็จสิ้นสำนวนความแล้ว การบันทึกต่อท้ายคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นเพียงการจดแจ้งเหตุที่องค์คณะผู้พิพากษาไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ หาใช่เป็นกรณีที่รองประธานศาลอุทธรณ์จะต้องเข้าร่วมเป็นองค์คณะในการทำคำพิพากษาอีกแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาศาลฎีกาถึงที่สุด และการร่วมปรึกษาขององค์คณะผู้พิพากษา
ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 20 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า คดีใดซึ่งศาลฎีกาได้พิจารณาพิพากษาแล้ว คู่ความหามีสิทธิที่จะทูลเกล้าฯถวายฎีกาคัดค้านคดีนั้นต่อไปอีกไม่ ดังนั้น คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีนี้จึงเป็นอันถึงที่สุดแล้ว จะร้องคัดค้านหรือขอให้เพิกถอนหาได้ไม่
ผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 2 คนที่ได้ลงนามในต้นร่างคำพิพากษาแล้วแต่ได้เกษียณอายุราชการ 1 คน และย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น 1 คน ก่อนที่จะลงลายมือชื่อในคำพิพากษา ดังบันทึกของประธานศาลฎีกาต่อท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว การที่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาลงลายมือชื่อไว้ในต้นร่างคำพิพากษาย่อมแสดงแจ้งชัดแล้วว่าองค์คณะดังกล่าวมีความเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษานั้น เมื่อประธานศาลฎีกาจดแจ้งเหตุที่ผู้พิพากษาคนนั้นมิได้ลงลายมือชื่อโดยอ้างถึงการลงลายมือชื่อในต้นร่างคำพิพากษาเป็นสำคัญ จึงเป็นการปฏิบัติตาม ป.วิ.พ.มาตรา 141วรรคสอง ถือได้ว่ามีการร่วมปรึกษาครบองค์คณะตามกฎหมายและเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 2 คนที่ได้ลงนามในต้นร่างคำพิพากษาแล้วแต่ได้เกษียณอายุราชการ 1 คน และย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น 1 คน ก่อนที่จะลงลายมือชื่อในคำพิพากษา ดังบันทึกของประธานศาลฎีกาต่อท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว การที่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาลงลายมือชื่อไว้ในต้นร่างคำพิพากษาย่อมแสดงแจ้งชัดแล้วว่าองค์คณะดังกล่าวมีความเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษานั้น เมื่อประธานศาลฎีกาจดแจ้งเหตุที่ผู้พิพากษาคนนั้นมิได้ลงลายมือชื่อโดยอ้างถึงการลงลายมือชื่อในต้นร่างคำพิพากษาเป็นสำคัญ จึงเป็นการปฏิบัติตาม ป.วิ.พ.มาตรา 141วรรคสอง ถือได้ว่ามีการร่วมปรึกษาครบองค์คณะตามกฎหมายและเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาศาลฎีกาถึงที่สุด ห้ามฎีกาคัดค้านได้ แม้ผู้พิพากษาลงนามไม่ครบองค์คณะ
ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา20วรรคสองบัญญัติไว้ว่าคดีใดซึ่งศาลฎีกาได้พิจารณาพิพากษาแล้วคู่ความหามีสิทธิที่จะทูลเกล้าฯถวายฎีกาคัดค้านคดีนั้นต่อไปอีกไม่ดังนั้นคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีนี้จึงเป็นอันถึงที่สุดแล้วจะร้องคัดค้านหรือขอให้เพิกถอนหาได้ไม่ ผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก2คนที่ได้ลงนามในต้นร่างคำพิพากษาแล้วแต่ได้เกษียณอายุราชการ1คนและย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น1คนก่อนที่จะลงลายมือชื่อในคำพิพากษาดังบันทึกของประธานศาลฎีกาต่อท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวการที่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาลงลายมือชื่อไว้ในต้นร่างคำพิพากษาย่อมแสดงแจ้งชัดแล้วว่าองค์คณะดังกล่าวมีความเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษานั้นเมื่อประธานศาลฎีกาจดแจ้งเหตุที่พิพากษาคนนั้นมิได้ลงลายมือชื่อโดยอ้างถึงการลงลายมือชื่อในต้นร่างคำพิพากษาเป็นสำคัญจึงเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา141วรรคสองถือได้ว่ามีการร่วมปรึกษาครบองค์คณะตามกฎหมายและเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาศาลฎีกาถึงที่สุด ห้ามยื่นฎีกาคัดค้านซ้ำ องค์คณะครบถ้วนแม้ผู้พิพากษาบางคนย้าย
ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 20 วรรคสองบัญญัติไว้ว่า คดีใดซึ่งศาลฎีกาได้พิจารณาพิพากษาแล้วคู่ความหามีสิทธิที่จะทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาคัดค้านคดีนั้นต่อไปอีกไม่ ดังนั้น คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีนี้จึงเป็นอันถึงที่สุดแล้ว จะร้องคัดค้านหรือขอให้เพิกถอนหาได้ไม่ ผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 2 คนที่ได้ลงนามในต้นร่างคำพิพากษาแล้วแต่ได้เกษียณอายุราชการ 1 คน และย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น 1 คน ก่อนที่จะลงลายมือชื่อในคำพิพากษาดังบันทึกของประธานศาลฎีกาต่อท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวการที่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาลงลายมือชื่อไว้ในต้นร่างคำพิพากษาย่อมแสดงแจ้งชัดแล้วว่าองค์คณะดังกล่าวมีความเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษานั้น เมื่อประธานศาลฎีกาจดแจ้งเหตุที่พิพากษาคนนั้นมิได้ลงลายมือชื่อโดยอ้างถึงการลงลายมือชื่อในต้นร่างคำพิพากษาเป็นสำคัญ จึงเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 วรรคสองถือได้ว่ามีการร่วมปรึกษาครบองค์คณะตามกฎหมายและเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์คณะผู้พิพากษาไม่ครบถ้วน การลงลายมือชื่อในคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 คดีนี้ ว.ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ร่วมปรึกษาคดีและลงลายมือชื่อร่วมเป็นองค์คณะกับผู้พิพากษาศาลเดียวกันอีก 2 คน ในต้นร่างคำพิพากษาแล้ว แต่ลงลายมือชื่อในคำพิพากษาไม่ได้เพราะได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ศาลอื่น อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ได้บันทึกเหตุที่ลงลายมือชื่อไม่ได้และแจ้งว่าได้ลงลายมือชื่อในต้นร่างคำพิพากษาแล้วซึ่งแสดงว่าเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษา อันเป็นการปฏิบัติครบถ้วนตาม ป.วิ.พ.มาตรา 141 วรรคสอง ประกอบมาตรา 246 แล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1จึงชอบด้วยกฎหมาย หาจำต้องให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสำนวนและลงลายมือชื่อร่วมเป็นองค์คณะในคำพิพากษาดังกล่าวด้วยไม่ เพราะกรณีนี้อาจจำเป็นต้องกระทำเมื่อการพิจารณาพิพากษาไม่ครบองค์คณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงลายมือชื่อผู้พิพากษาในคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายแม้ผู้พิพากษาคนหนึ่งไม่ได้ลงชื่อ
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค12คดีนี้ว.ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1ได้ร่วมปรึกษาคดีและลงลายมือชื่อร่วมเป็นองค์คณะกับผู้พิพากษาศาลเดียวกันอีก2คนในต้นร่างคำพิพากษาแล้วแต่ลงลายมือชื่อในคำพิพากษาไม่ได้เพราะได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ศาลอื่นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1ก็ได้บันทึกเหตุที่ลงลายมือชื่อไม่ได้และแจ้งว่าได้ลงลายมือชื่อในต้นร่างคำพิพากษาแล้วซึ่งแสดงว่าเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาอันเป็นการปฏิบัติครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา141วรรคสองประกอบมาตรา246แล้วคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1จึงชอบด้วยกฎหมายหาจำต้องให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค1ตรวจสำนวนและลงลายมือชื่อร่วมเป็นองค์คณะในคำพิพากษาดังกล่าวด้วยไม่เพราะกรณีนี้อาจจำเป็นต้องกระทำเมื่อการพิจารณาพิพากษาไม่ครบองค์คณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5655/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์คณะผู้พิพากษาไม่ครบถ้วน การจดบันทึกเหตุผลขององค์คณะที่ไม่ได้ลงนามในคำพิพากษาชอบด้วยกฎหมาย
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ลงลายมือชื่อเป็นองค์คณะในต้นร่างคำพิพากษาแล้ว แต่ต่อมาไปดำรงตำแหน่งที่ศาลอื่นก่อนที่จะลงนามในคำพิพากษาอธิบดีผู้พิพากษาศาลศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงจดแจ้งหมายเหตุกลัดติดสำนวนไว้ว่า "คดีนี้ได้ทำคำพิพากษาโดยนายป. ได้ร่วมประชุมปรึกษาเป็นองค์คณะดังลงนามไว้แล้วในต้นร่างคำพิพากษา แต่นายป.ได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งที่ศาลอื่นก่อนที่จะลงนามในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงบันทึกไว้เป็นสำคัญ" ดังนี้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5381/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.220 หลังศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น และการพิจารณาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยองค์คณะ
คดีอาญาศาลชั้นต้นงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์คำสั่งที่งดสืบพยาน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ แม้จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายก็ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 หากศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาดังกล่าวย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ฉบับที่พิมพ์ข้อความแล้ว)มีผู้พิพากษาลงนามเพียงคนเดียวก็ตาม แต่เมื่อผู้พิพากษาอีก 2 คนซึ่งเป็นองค์คณะได้ลงนามในต้นร่างคำพิพากษาแสดงว่าได้มีการร่วมประชุมปรึกษาเป็นองค์คณะแล้ว อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ได้ลงนามรับรองไว้ท้ายคำพิพากษาดังกล่าว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว