คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 187

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิการตรวจพิสูจน์หลักฐานและการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น ศาลไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องการตรวจพิสูจน์
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ส่งเอกสารสัญญากู้ไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ตรวจพิสูจน์ ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ คงมีคำสั่งในคำร้องของจำเลยฉบับเดียวกันนี้เพียงว่า ให้นำสำนวนคดีที่จำเลยอ้างมาผูกรวมไว้ เมื่อศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลยจนจำเลยแถลงหมดพยานไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีเสร็จการพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา โดยไม่มีฝ่ายใดหยิบยกเรื่องการตรวจพิสูจน์เอกสารขึ้นเพื่อการวินิจฉัยของศาลชั้นต้นอีกเลยดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้สละแล้วซึ่งการขอให้มีการตรวจพิสูจน์เอกสารและการนำสืบโดยผู้ชำนาญการพิเศษ ทั้งถือได้ว่าการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้เสร็จสิ้นแล้ว การที่จำเลยยกเอาข้อที่ตนได้สละ และมิได้เป็นข้อที่ว่ากันมาแต่ในศาลชั้นต้นมาเป็นข้ออุทธรณ์เพื่อขอให้มีการสืบพยานจำเลยในข้อนี้ จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ที่แก้ไขใหม่ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
การตรวจบุคคล วัตถุ สถานที่ หรือตั้งผู้เชี่ยวชาญ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลเมื่อเห็นเป็นการสมควร ซึ่งย่อมขึ้นอยู่แก่พฤติการณ์ของคดีแต่ละกรณี มิใช่เป็นการบังคับให้จำต้องกระทำเสมอไป ดังที่บัญญัติไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 99 และมาตรา 129 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิขอตรวจพิสูจน์หลักฐาน และดุลพินิจศาลในการตรวจพิสูจน์เอกสาร
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ส่งเอกสารสัญญากู้ไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ตรวจพิสูจน์ ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ คงมีคำสั่งในคำร้องของจำเลยฉบับเดียวกันนี้เพียงว่า ให้นำสำนวนคดีที่จำเลยอ้างมาผูกรวมไว้ เมื่อศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลยจนจำเลยแถลงหมดพยานไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีเสร็จการพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา โดยไม่มีฝ่ายใดหยิบยกเรื่องการตรวจพิสูจน์เอกสารขึ้นเพื่อการวินิจฉัยของศาลชั้นต้นอีกเลยดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้สละแล้วซึ่งการขอให้มีการตรวจพิสูจน์เอกสารและการนำสืบโดยผู้ชำนาญการพิเศษ ทั้งถือได้ว่าการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้เสร็จสิ้นแล้ว การที่จำเลยยกเอาข้อที่ตนได้สละ และมิได้เป็นข้อที่ว่ากันมาแต่ในศาลชั้นต้นมาเป็นข้ออุทธรณ์เพื่อขอให้มีการสืบพยานจำเลยในข้อนี้ จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ที่แก้ไขใหม่ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
การตรวจบุคคล วัตถุ สถานที่ หรือตั้งผู้เชี่ยวชาญ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลเมื่อเห็นเป็นการสมควร ซึ่งย่อมขึ้นอยู่แก่พฤติการณ์ของคดีแต่ละกรณี มิใช่เป็นการบังคับให้จำต้องกระทำเสมอไป ดังที่บัญญัติไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 99 และมาตรา 129ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2580/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์และการซื้อที่ดินโดยไม่สุจริต
จำเลยครอบครองที่พิพาทโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่าสิบปีจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382 โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทรู้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแล้วแต่ก็ยังซื้อจึงถือได้ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยไม่สุจริตจำเลยย่อมยกเอาการได้มาซึ่งที่พิพาทที่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินโจทก์ 142 ตารางวา จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองที่ดิน 72 ตารางวา เมื่อมีการทำแผนที่พิพาทโดยคู่ความต่างนำชี้ปรากฏว่าจำเลยนำชี้ตามแนวเขตที่ดินที่จำเลยครอบครองมีเนื้อที่ 147 ตารางวา และคู่ความทั้งสองฝ่ายได้รับรองแผนที่นั้นแล้วจึงต้องถือว่าโจทก์จำเลยพิพาทกัน 147 ตารางวา
การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทขึ้นใหม่ หลังจากที่ได้สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้วว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสโจทก์นำพยานเข้าสืบในประเด็นดังกล่าวและโจทก์ก็ได้นำพยานเข้าสืบแล้วหาทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องสอดเพื่อกันส่วนทรัพย์มรดก แม้พิจารณาคดีสิ้นสุดแล้วก็ยังมีอยู่
ยื่นคำร้องสอดเข้ามาขอให้ศาลกันส่วนของผู้ร้องสอดให้แก่ผู้ร้องสอดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1749 นั้น เป็นเรื่องที่ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นได้ก่อนพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้พิพากษา แม้การพิจารณาจะถือว่าสิ้นสุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 187 แล้วก็ตาม สิทธิของผู้ร้องก็ยังมีอยู่ ศาลชั้นต้นจะไม่รับคำร้องโดยอ้างว่าเป็นการประวิงคดีหาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องสอดคดีมรดก: ศาลต้องรับคำร้องก่อนพิพากษา แม้การพิจารณาจะสิ้นสุดแล้ว
ยื่นคำร้องสอดเข้ามาขอให้ศาลกันส่วนของผู้ร้องสอดให้แก่ผู้ร้องสอดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1749 นั้นเป็นเรื่องที่ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นได้ก่อนพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้พิพากษา แม้การพิจารณาจะถือว่าสิ้นสุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 187 แล้วก็ตามสิทธิของผู้ร้องก็ยังมีอยู่ศาลชั้นต้นจะไม่รับคำร้องโดยอ้างว่าเป็นการประวิงคดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอาจพิจารณาคดีต่อได้หากผู้เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขเอกสารให้ถูกต้อง
ก่อนพิพากษา ศาลอาจพิจารณาต่อไปอีกได้ จึงให้ผู้อ้างปิดอากรแสตมป์ในเอกสารให้ถูกต้องก่อนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แม้ทนายโจทก์ละเลยหน้าที่และโจทก์ถอนทนาย
การที่โจทก์มิได้เตรียมพยานมาศาลในวันนัดสืบพยานเพราะโจทก์ประสงค์จะมาขอถอนฟ้อง ครั้นเมื่อศาลไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องก็เกิดความจำเป็นต้องสืบพยานในวันนั้น เช่นนี้แม้ว่าทนายโจทก์จะลืมยื่นบัญชีระบุพยาน แต่เมื่อมิได้มีพฤติการณ์แสดงว่าโจทก์เจตนาจงใจและมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบ สมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
คดีเสร็จการพิจารณาและอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาโจทก์ขอดำเนินคดีต่อไปและขอถอนทนายเพราะมีความเห็นในการดำเนินคดีไม่ตรงกัน ประกอบทั้งโจทก์ป่วยไม่ทราบการดำเนินคดีซึ่งบกพร่องของทนายมาก่อน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมย่อมเป็นการสมควรที่จะให้เลื่อนการพิจารณาคดีต่อไปอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม: เหตุผลและความจำเป็นในการพิจารณาคดีต่อเนื่อง
การที่โจทก์มิได้เตรียมพยานมาศาลในวันนัดสืบพยานเพราะโจทก์ประสงค์จะมาขอถอนฟ้อง ครั้นเมื่อศาลไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องก็เกิดความจำเป็นต้องสืบพยานในวันนั้น เช่นนี้แม้ว่าทนายโจทก์จะลืมยื่นบัญชีระบุพยาน แต่เมื่อมิได้มีพฤติการณ์แสดงว่าโจทก์เจตนาจงใจและมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบ สมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้
คดีเสร็จการพิจารณาและอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษา โจทก์ขอดำเนินคดีต่อไปและขอถอนทนายเพราะมีความเห็นในการดำเนินคดีไม่ตรงกัน ประกอบทั้งโจทก์ป่วยไม่ทราบการดำเนินคดีซึ่งบกพร่องของทนายมาก่อน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมย่อมเป็นการสมควรที่จะให้เลื่อนการพิจารณาคดีต่อไปอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แก้ไขคำฟ้องได้ก่อนพิพากษา แม้ไม่มีชี้สองสถานหรือสืบพยาน
ในคดีแพ่ง เมื่อไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยาน แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งงดการดำเนินกระบวนพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษาแล้วแต่ตราบใดที่ศาลชั้นต้นยังมิได้พิพากษา ย่อมถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่คู่ความอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แก้ไขคำฟ้องก่อนมีคำพิพากษา: สิทธิของคู่ความแม้ไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยาน
ในคดีแพ่ง เมื่อไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยาน แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งงดการดำเนินกระบวนพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว แต่ตราบใดที่ศาลชั้นต้นยังมิได้พิพากษา ย่อมถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่คู่ความอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2514)
of 4