คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ลัดพลีธรรมประคัลภ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 563 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความต่างของข้อเท็จจริงในฟ้องกับทางพิจารณา: การลักกระบือ และการรับของโจร
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักกระบือ 3 ตัวของซ. หรือรับกระบือนั้นไว้ โดยรู้ว่าเป็นของร้าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่า กระบือที่ถูกคนร้ายลักไปเป็นกระบือของ ซ.1ตัวอีก2ตัวเป็นของผู้อื่นฝากซ.เลี้ยงไว้ และกระบือ 2 ตัวที่จับได้จากจำเลยเป็นกระบือของผู้อื่นที่ฝาก ซ. ไว้ ดังนี้ จะว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้องหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 62/2486)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: ความแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงที่ฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ในชั้นพิจารณา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักกระบือ 3 ตัวของ ซ.หรือรับกระบือนั้นไว้ โดยรู้ว่าเป็นของร้าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่า กระบือที่ถูกคนร้ายลักไปเป็นกระบือของ ซ. 1 ตัว อีก 2 ตัวเป็นของผู้อื่นฝาก ซ.เลี้ยงไว้และกระบือ 2 ตัวที่จับได้จากจำเลยเป็นกระบือของผู้อื่นที่ฝากซ.ไว้ ดังนี้จะว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้องหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 62/2486)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ในคดีครอบครองปรปักษ์ - การซื้อฝาก vs. กู้เงิน
ที่พิพาทเป็นที่นามือเปล่าและอยู่ในความครอบครองของฝ่ายจำเลย ซึ่งอ้างว่าได้มาโดยการสละกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องจากที่ได้รับซื้อฝากไว้ เมื่อโจทก์อ้างว่าได้กู้เงินจำเลยไปและให้ที่ไว้ทำกินต่างดอกเบี้ยไม่ใช่การซื้อฝาก ดังนี้เป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก: การอ้างมาตราผิดพลาด ศาลลงโทษได้ตามข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2481 (ฉะบับที่ 3) มาตรา 8 แต่ พ.ร.บ.ฉะบับนี้มีเพียง 5 มาตรา และมาตรา 4 เท่านั้นเป็นบทลงโทษ ฉะนั้นจึงเป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์คงจะขอให้ลงโทษตามมาตรา 4 แต่โจทก์อ้างผิดไป ตามมาตรา 192 วรรค 4 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยตามกฎหมายจราจร แม้โจทก์อ้างมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามความผิดจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2481 (ฉบับที่ 3) มาตรา 8 แต่พ.ร.บ.ฉบับนี้มีเพียง5 มาตรา และมาตรา 4 เท่านั้นเป็นบทลงโทษ ฉะนั้น จึงเป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์คงจะขอให้ลงโทษตามมาตรา 4 แต่โจทก์อ้างผิดไป ตามมาตรา 192 วรรคสี่ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249-1250/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญา จำเลยต้องมีตัวอยู่เพื่อให้ศาลเรียกมาได้เสมอ แม้จำเลยฎีกาเอง
คดีอาญา เมื่อศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยรับไป ภายหลังทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่าตัวจำเลยไม่ได้รับทราบสำเนาอุทธรณ์เพราะหาตัวไม่พบ ศาลขอให้ทางอำเภอส่งหมายให้จำเลยก็ส่งไม่ได้ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องจำหน่ายคดีเพราะในการพิจารณาคดีอาญาทั้งปวง หลักสำคัญมีอยู่ว่าจำเลยต้องมีตัวอยู่ให้ศาลเรียกมาได้ เมื่อต้องการไม่ว่าเวลาใดๆ (อ้างฎีกาที่ 410/2488)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249-1250/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีอาญาเมื่อจำเลยไม่สามารถอยู่ในอำนาจศาลได้ แม้ทนายจำเลยจะได้รับสำเนาคำอุทธรณ์
คดีอาญา เมื่อศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยรับไป ภายหลังทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่าตัวจำเลยไม่ได้รับทราบสำเนาอุทธรณ์เพราะหาตัวไม่พบ ศาลขอให้ทางอำเภอส่งหมายให้จำเลยก็ส่งไม่ได้ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องจำหน่ายคดีเพราะในการพิจารณาคดีทั้งปวง หลักสำคัญมีอยู่ว่า จำเลยต้องมีตัวอยู่ให้ศาลเรียกมาได้ เมื่อต้องการไม่ว่าเวลาใด ๆ.
(อ้างฎีกาที่ 410/2488)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมที่ทำตามแบบธรรมดา แม้ผิดแบบเอกสารฝ่ายเมือง และการรับฟังพยานนอกประเด็น
แม้พินัยกรรมจะทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตามความประสงค์เดิมของผู้ทำพินัยกรรมก็ดี แต่ก็ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1656 ทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมยกความสมบูรณ์ตามแบบพินัยกรรมอย่างหลังนี้ ขึ้นใช้บังคับได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่ง ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 136.
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142(5) นั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นจากพะยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 142 (5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมที่ทำผิดแบบแต่เป็นไปตามแบบอื่นได้ใช้บังคับได้ และข้อจำกัดการวินิจฉัยข้อกฎหมายโดยศาลตามมาตรา 142(5)
แม้พินัยกรรมจะทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตามความประสงค์เดิมของผู้ทำพินัยกรรมก็ดี แต่ก็ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1656 ทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมยกความสมบูรณ์ตามแบบพินัยกรรมอย่างหลังนี้ ขึ้นใช้บังคับได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้นจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ใช่กฎหมายอันรู้ถึงประชาชนเสมอไป ต้องได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายจึงมีผล
ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นตามนิตินัยมิใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะต้องถือว่าเป็นกฎหมายอันรู้ถึงประชาชน ทั้งนี้ต้องแล้วแต่ว่าประกาศที่ออกแล้วนั้น จะได้รับการสนับสนุนให้มีผลใช้ได้ในกฎหมายเพียงใด
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้
of 57