พบผลลัพธ์ทั้งหมด 563 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุก: การมิให้ผู้อื่นครอบครองทรัพย์โดยปกติสุขเป็นสาระสำคัญ มิใช่การเข้าถือครอง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้บังอาจสมคบกันมีหลาวและมีดตอกเป็นอาวุธ บุกรุกเข้าไปในเขตต์ที่นาของนายวิง โดยมีเจตนาจะมิให้นายวิงครอบครองที่นาได้โดยปกติสุข โดยจำเลยมิได้มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ย่อมครบองค์ความผิดฐานบุกรุกแล้ว เพราะความผิดฐานบุกรุกอันเป็นมูลฐานอยู่ที่เจตนาจะมิให้ผู้อื่นครอบครองทรัพย์ ของเขา อันพึงเคลื่อนจากที่มิได้โดยความปกติสุข มิได้อยู่ที่เข้าถือเอาทรัพย์ หรือเพื่อจะถือเอาทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุก: การขัดขวางการครอบครองทรัพย์สินโดยปกติสุข
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้บังอาจสมคบกันมีหลาวและมีดตอกเป็นอาวุธ บุกรุกเข้าไปในเขตที่นาของนายวิงโดยมีเจตนาจะมิให้นายวิงครอบครองที่นาได้โดยปกติสุขโดยจำเลยมิได้มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้ ฟ้องของโจทก์ย่อมครบองค์ความผิดฐานบุกรุกแล้วเพราะความผิดฐานบุกรุกเจตนาอันเป็นมูลฐานอยู่ที่เจตนาจะมิให้ผู้อื่นครอบครองทรัพย์ของเขา อันพึงเคลื่อนจากที่มิได้โดยความปกติสุข มิได้อยู่ที่เข้าถือเอาทรัพย์ หรือเพื่อจะถือเอาทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนน้ำสุราข้ามตำบลโดยไม่ได้รับอนุญาต และการริบของกลางเกิน 10 ลิตร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขนน้ำสุราจากตำบลรองเมืองจังหวัดพระนคร มายังตำบลบางปลาสร้อย จังหวัดชลบุรี โดยไม่ได้รับอนุญาต ฟ้องของโจทก์แสดงว่าจำเลยขนไปต่างตำบลซึ่งอยู่ต่างจังหวัดกันด้วย เป็นการขนไปต่างตำบลตาม พระราชบัญญัติภาษีชั้นใน จ.ศ.1248 มาตรา 11 ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรานี้
ขนสุรามีปริมาณเกิน 10 ลิตร โดยไม่ได้รับอนุญาตน้ำสุรานั้นทั้งหมดรวมกันเกิดเป็นความผิด จึงริบน้ำสุราได้ทั้งหมด
ขนสุรามีปริมาณเกิน 10 ลิตร โดยไม่ได้รับอนุญาตน้ำสุรานั้นทั้งหมดรวมกันเกิดเป็นความผิด จึงริบน้ำสุราได้ทั้งหมด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนน้ำสุราข้ามตำบลต่างจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน และริบสุราได้ทั้งหมด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขนน้ำสุราจากตำบลรองเมืองจังหวัดพระนคร มายังตำบลบางปลาสร้อย จังหวัดชลบุรี โดยไม่ได้รับอนุญาต ฟ้องของโจทก์แสดงว่าจำเลยขนไปต่างตำบลซึ่งอยู่ต่างจังหวัดกันด้วย เป็นการขนไปต่างตำบลตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน จ.ศ.1248 มาตรา 11 ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรานี้
ขนสุราปริมาณเกิน 10 ลิตร โดยไม่ได้รับอนุญาต น้ำสุรานั้นทั้งหมดรวมกันเกิดเป็นความผิด จึงริบน้ำสุราได้ทั้งหมด.
(อ้างฎีกา 178/2486)
ขนสุราปริมาณเกิน 10 ลิตร โดยไม่ได้รับอนุญาต น้ำสุรานั้นทั้งหมดรวมกันเกิดเป็นความผิด จึงริบน้ำสุราได้ทั้งหมด.
(อ้างฎีกา 178/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ความผิดการค้ากำไรเกินควร: ความจำเป็นในการระบุเจตนาทราบประกาศ
โจทก์ฟ้องว่า
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าดเป็นสิ่งของต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง จำเลยบังอาจค้ากำไรเกินควรโดยขายน้ำมันก๊าดให้นายทองไป 1 ลิตรราคา 2 บาท เกินราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ดังนี้ ตามข้อความในฟ้อง พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้วฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 แล้ว
คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าดเป็นสิ่งของต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง จำเลยบังอาจค้ากำไรเกินควรโดยขายน้ำมันก๊าดให้นายทองไป 1 ลิตรราคา 2 บาท เกินราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ดังนี้ ตามข้อความในฟ้อง พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้วฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีค้ากำไรเกินควร การทราบประกาศเป็นองค์ประกอบที่ต้องพิสูจน์ในชั้นพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่า คณะกรรมการส่วนจังหวัดป้องกันการค้ากำไรเกินควรประจำจังหวัดนครพนม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร 2490 ได้ประกาศระบุให้น้ำมันก๊าสเป็นสิ่งของต้องห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควร โดยได้กำหนดราคาสูงสุดไว้แล้วตามสำเนาประกาศท้ายฟ้อง จำเลยบังอาจค้ากำไรเกินควรโดยขายน้ำมันก๊าสให้นายทองไป 1 ลิตร ราคา 2 บาท เกินราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ 50 สตางค์ ดังนี้ตามข้อความในฟ้อง พอเข้าใจได้แล้วว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบังอาจกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ แม้โจทก์จะมิได้ระบุในฟ้องว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว ฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร้องทางอาญาของศาลทหารเหนือการลงโทษทางวินัยของผู้บังคับบัญชา
ความในมาตรา 8 แห่ง ป.ม.กฎหมายลักษณะอาญาทหาร มีบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า ถ้านายทหารผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร เห็นสมควรให้นำความผิดฟ้องร้องต่อศาลแล้ว ผู้บังคับบัญชาจะสั่งลงโทษทางวินัยไม่ได้ จะต้องเป็นไปตามคำสั่งของนายทหารผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร
จำเลยเป็นนายสิบเวรของกองร้อย ได้ละทิ้งหน้าที่ไปจนคนร้ายลักปืนกลเบาของกองร้อยไป ผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งลงทัณฑ์ขัง 15 วัน แล้วต่อมาผู้มีอำนาจตั้งศาลทหารได้มีคำสั่งตั้งกรรมการศาลขึ้นพิจารณาพิพากษาการกระทำของจำเลย ซึ่งเป็นอำนาจสูงกว่าคำสั่งผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์ ดังนี้ ไม่ตัดอำนาจของผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร ที่จะสั่งฟ้องร้องจำเลยได้.
จำเลยเป็นนายสิบเวรของกองร้อย ได้ละทิ้งหน้าที่ไปจนคนร้ายลักปืนกลเบาของกองร้อยไป ผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งลงทัณฑ์ขัง 15 วัน แล้วต่อมาผู้มีอำนาจตั้งศาลทหารได้มีคำสั่งตั้งกรรมการศาลขึ้นพิจารณาพิพากษาการกระทำของจำเลย ซึ่งเป็นอำนาจสูงกว่าคำสั่งผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์ ดังนี้ ไม่ตัดอำนาจของผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร ที่จะสั่งฟ้องร้องจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลทหารสูงกว่าคำสั่งลงทัณฑ์ทางวินัยเมื่อมีการฟ้องร้องคดีอาญา
ความในมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายลักษณะอาญาทหาร มีบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่าถ้านายทหารผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร เห็นสมควรให้นำความผิดฟ้องร้องต่อศาลแล้วผู้บังคับบัญชาจะสั่งลงโทษทางวินัยไม่ได้ จะต้องเป็นไปตามคำสั่งของนายทหารผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร
จำเลยเป็นนายสิบเวรของกองร้อย ได้ละทิ้งหน้าที่ไปจนคนร้ายลักปืนกลเบาของกองร้อยไป ผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งลงทัณฑ์ขัง 15 วัน แล้วต่อมาผู้มีอำนาจตั้งศาลทหารได้มีคำสั่งตั้งกรรมการศาลขึ้นพิจารณาพิพากษาการกระทำของจำเลย ซึ่งเป็นอำนาจสูงกว่าคำสั่งผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์ ดังนี้ ไม่ตัดอำนาจของผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร ที่จะสั่งฟ้องร้องจำเลยได้
จำเลยเป็นนายสิบเวรของกองร้อย ได้ละทิ้งหน้าที่ไปจนคนร้ายลักปืนกลเบาของกองร้อยไป ผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งลงทัณฑ์ขัง 15 วัน แล้วต่อมาผู้มีอำนาจตั้งศาลทหารได้มีคำสั่งตั้งกรรมการศาลขึ้นพิจารณาพิพากษาการกระทำของจำเลย ซึ่งเป็นอำนาจสูงกว่าคำสั่งผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์ ดังนี้ ไม่ตัดอำนาจของผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร ที่จะสั่งฟ้องร้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693-694/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตห้ามขนย้ายข้าว: การขนย้ายข้าวเข้าเขต vs. ออกนอกเขต ตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489
โจทก์ฟ้องกล่าวว่าจำเลยขนย้ายข้าว เข้ามาในเขตต์ห้ามขนย้ายข้าวตามประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 มาตรา 10 เพราะมาตรานี้ห้ามไว้แต่การขนย้ายออกนอกเขตต์ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693-694/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตห้ามขนย้ายข้าว: การขนย้ายเข้าเขตไม่ใช่ความผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว
โจทก์ฟ้องกล่าวว่าจำเลยขนย้ายข้าวเข้ามาในเขตห้ามขนย้ายข้าวตามประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีผิดตาม พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ.2489 มาตรา 10เพราะมาตรานี้ห้ามไว้แต่การขนย้ายออกนอกเขตซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดเท่านั้น