พบผลลัพธ์ทั้งหมด 563 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681-713/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเก็บกินในที่ดินย่อมรวมถึงสิ่งปลูกสร้าง และสิทธิในการสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ เจ้าของที่ดินไม่อาจขัดขวางได้
ข้อความจดทะเบียนมีว่าให้โจทก์มีสิทธิครอบครองใช้และถือเอาซึ่งประโยชน์ แห่งทรัพย์สินในที่ดิน(โฉนด) นั้นย่อมหมายความว่า โจทก์มีสิทธิได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินใด ๆ ในที่ดินนั้นได้ ทั้งในที่ดินนั้นเองและในสิ่งปลูกสร้างใด ๆ บนที่ดินนั้น ฉะนั้นหากสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินนั้นจะสลายไปสิทธิเก็บกินของโจทก์ก็ยังคงมีอยู่เหนือที่ดิน อันโจทก์อาจใช้สิทธินั้นจัดการให้เกิดประโยชน์โดยปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างในที่ดินนั้นใหม่ได้ เจ้าของที่ดินไม่มีสิทธิจะขัดขวางสิทธิเก็บกินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยโดยมิได้อ้างฐานเป็นตัวแทน แม้ถอนฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่ง จำเลยที่ถูกฟ้องก็ยังต้องรับผิดตามฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องกรรมการผู้จัดการสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นจำเลยที่ 1 กระทรวงพาณิชย์เป็นจำเลยที่ 2 โดยบรรยายอำนาจและหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดและบรรยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นกระทรวงควบคุมกิจการสำนักงานนี้ โจทก์ได้รับคำสั่งจากจำเลยที่ 1 ให้จัดการขนส่งน้ำตาลในกิจการของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัด จากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯโจทก์จึงฟ้องเรียกค่าจ้างและเงินที่โจทก์ได้จ่ายเงินส่วนตัวทดรองไปก่อนจากจำเลยที่ 1 และ จำเลย ที่ 2 ดังนี้มิได้หมายความว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวถึงจำเลยที่ 2 ว่าเป็นผู้ควบคุมกิจการของสำนักงาน ไม่พอที่จะให้ถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนฉะนั้นแม้ภายหลังโจทก์จะถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 เสีย จำเลยที่ 1 ก็ย่อมถูกฟ้องให้รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกรรมการผู้จัดการต่อการจ่ายเงินทดรองและค่าจ้าง แม้มิได้ฟ้องในฐานะตัวแทน
โจทก์ฟ้องกรรมการผู้จัดการสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นจำเลยที่ 1 กระทรวงพาณิชย์เป็นจำเลยที่ 2 โดยบรรยายอำนาจและหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดและบรรยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นกระทรวงควบคุมกิจการสำนักงานนี้ โจทก์ได้รับคำสั่งจากจำเลยที่ 1 ให้จัดการขนส่งน้ำตาลในกิจการ ของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดจากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าจ้างและเงินที่โจทก์ได้จ่ายเงินส่วนตัวทดรองไปก่อนจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ดังนี้ มิได้หมายความว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวถึงจำเลยที่ 2 ว่าเป็นผู้ควบคุมกิจการของสำนักงาน ไม่พอที่จะให้ถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทน ฉะนั้นแม้ภายหลังโจทก์จะถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 เสียจำเลยที่ 1 ก็ย่อมถูกฟ้องให้รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดชอบนายหน้าซื้อขาย: สิทธิรับค่านายหน้าแม้ผู้ซื้อผิดสัญญา
นายหน้าได้ชักนำผู้ซื้อมาตกลงทำสัญญาซื้อขายกับผู้ขายตามความประสงค์ของผู้ขายที่ได้ตกลงไว้กับนายหน้าแล้วนับว่านายหน้าได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 แล้ว แม้ภายหลังผู้ซื้อผิดสัญญากับผู้ขาย โดยไม่มีเงินไปชำระแก่ผู้ขายก็ตาม ก็เป็นเรื่องของผู้ขายจะว่ากล่าวแก่ผู้ซื้อไม่เกี่ยวแก่นายหน้าอย่างใด ฉะนั้นนายหน้าย่อมมีสิทธิได้รับค่านายหน้าตามที่ตกลงไว้กับผู้ขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิค่านายหน้าเมื่อผู้ซื้อผิดสัญญา นายหน้ามีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามตกลง
นายหน้าได้ชักนำผู้ซื้อมาตกลงทำสัญญาซื้อขายกับผู้ขายตามความประสงค์ของผู้ขายที่ได้ตกลงไว้กับนายหน้าแล้ว นับว่านายหน้าได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 845 แล้วแม้ภายหลังผู้ซื้อผิดสัญญากับผู้ขาย โดยไม่มีเงินไปชำระแก่ผู้ขายก็ตาม ก็เป็นเรื่องของผู้ขายจะว่ากล่าวแก่ผู้ซื้อไม่เกี่ยวแก่นายหน้าอย่างใด ฉะนั้นนายหน้าย่อมมีสิทธิได้รับค่านายหน้าตามที่ตกลงไว้กับผู้ขาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่าช่วงที่ไม่ระบุชื่อ แม้มิใช่ฟ้องเคลือบคลุม หากไม่ทำให้เสียเปรียบ
ฟ้องขอให้ขับไล่ผู้เช่าโดยอ้างว่าผู้เช่าให้ผู้อื่นเช่าช่วงนั้น แม้โจทก์จะมิได้ระบุชื่อผู้เช่าช่วงมาในฟ้อง ก็จะถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมมิได้ เพราะไม่ทำให้ผู้เช่าหลงหรือเสียเปรียบในการต่อสู้คดีอย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าช่วง แม้มิได้ระบุชื่อผู้เช่าช่วงในฟ้อง ไม่ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม หากจำเลยไม่เสียเปรียบในการต่อสู้คดี
ฟ้องขอให้ขับไล่ผู้เช่าโดยอ้างว่าผู้เช่าให้ผู้อื่นเช่าช่วงนั้น แม้โจทก์จะมิได้ระบุชื่อผู้เเช่าช่วงมาในฟ้อง ก็จะถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมได้ เพราะไม่ทำให้ผู้เช่าหลงหรือเสียเปรียบในการต่อสู้คดีอย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของรัฐในการรับสัญญาส่วนบุคคลที่ทำกับเจ้าพนักงาน และอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ผิดสัญญา
คณะกรรมการประมูลได้ตกลงให้เอกชนเป็นผู้รับทำการประมง ผู้ประมูลได้ก็ได้เซ็นชื่อยอมรับข้อตกลงนั้น นับว่าเป็นสัญญาผูกพันกันได้ตามกฎหมาย และสัญญานี้คณะกรรมการผู้เป็นเจ้าพนักงานได้ทำแทนรัฐบาลซึ่งกระทรวงเกษตราธิการเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรง กระทรวงเกษตราธิการจึงมีสิทธิ์รับเอาสัญญานี้ได้ เมื่อผู้ประมูลผิดสัญญา กระทรวงเกษตราธิการก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ประมูลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประมูลผูกพันรัฐ: กระทรวงเกษตราธิการมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ประมูลผิดสัญญา
คณะกรรมการประมูลได้ตกลงให้เอกชนเป็นผู้รับทำการประมงผู้ประมูลได้ก็ได้เซ็นชื่อยอมรับข้อตกลงนั้น นับว่า เป็นสัญญาผูกพันกันได้ตามกฎหมายและสัญญานี้คณะกรรมการผู้เป็นเจ้าพนักงานได้ทำแทนรัฐบาลซึ่งกระทรวงเกษตราธิการเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรงกระทรวงเกษตราธิการจึงมีสิทธิรับเอาสัญญานี้ได้ เมื่อผู้ประมูลผิดสัญญา กระทรวงเกษตราธิการก็มีอำนาจ เป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ประมูลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องลักทรัพย์ แม้ไม่ได้กล่าวถึงการเอาทรัพย์ไป การกรีดน้ำยางโดยทุจริตถือเป็นความเสียหาย
ฟ้องของโจทก์กล่าวเป็นใจความว่า จำเลยบังอาจสมคบกันเข้ากรีดเอาน้ำมันยางในสวนของโจทก์โดยการทุจริต ซึ่งโจทก์มิได้อนุญาต และขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 288,63 ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้กล่าวว่าจำเลยเอาน้ำยางไปหรือลักเอาน้ำยางไป ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกรีดเอาน้ำยางของโจทก์โดยการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นการเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์นับว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 ครบข้อหาฐานลักทรัพย์แล้ว