คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ลัดพลีธรรมประคัลภ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 563 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องลักทรัพย์ แม้ไม่ได้กล่าวถึงการเอาทรัพย์ไป การกรีดน้ำยางโดยทุจริตถือเป็นความเสียหาย
ฟ้องของโจทก์กล่าวเป็นใจความว่า จำเลยบังอาจสมคบกันเข้ากรีดเอาน้ำมันยางในสวนของโจทก์โดยการทุจริต ซึ่งโจทก์มิได้อนุญาต และขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 288,63 ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้กล่าวว่าจำเลยเอาน้ำยางไปหรือลักเอาน้ำยางไป ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกรีดเอาน้ำยางของโจทก์โดยการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นการเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์นับว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 ครบข้อหาฐานลักทรัพย์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช่าแยกส่วน: การเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า แม้ต้องใช้ทางผ่านที่เช่าเพื่อประกอบการค้า
ทำสัญญาเช่า 2 ฉบับเป็นการเช่า 2 รายคือ เช่าตึกด้านหน้าทำเป็นโรงกลึงรายหนึ่งและเช่าที่ดินหลังตึกปลูกเรือนอยู่อาศัยอีกรายหนึ่ง แม้การเช่าตึกทำเป็นโรงกลึงถือว่าเป็นการเช่าประกอบการค้าไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าก็ดี แต่การเช่าที่ปลูกเรือนอยู่ด้านหลังนั้นเป็นการเช่าใช้เป็นที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะ ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ แม้ที่เช่าด้านหลังต้องใช้ทางออกทางตึกด้านหน้าก็ดี ก็ไม่ทำให้การวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าแยกประเภท: เช่าเพื่อประกอบการค้าไม่คุ้มครอง แต่เช่าที่อยู่อาศัยได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ทำสัญญาเช่า 2 ฉบับเป็นการเช่า 2 รายคือ เช่าตึกด้านหน้าทำเป็นโรงกลึงรายหนึ่งและเช่าที่ดินหลังตึกปลูกเรือนอยู่อาศัยอีกรายหนึ่งแม้การเช่าตึกทำเป็นโรงกลึงถือว่าเป็นการเช่าประกอบการค้าไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าก็ดีแต่การเช่าที่ปลูกเรือนอยู่ด้านหลังนั้นเป็นการเช่าใช้เป็นที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แม้ที่เช่าด้านหลังต้องใช้ทางออกทางตึกด้านหน้าก็ดี ก็ไม่ทำให้การวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพระราชทาน: การตีความต้องจำกัด และมีข้อแตกต่างตามแต่ละรัชกาล
การตีความข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ต้องตีความโดยจำกัดเงื่อนไขห้ามการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้ก่อนตายหรือโดยพินัยกรรมจะมีอยู่ได้ก็โดยจำกัดอย่างเคร่งครัด
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมรดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีทีวอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า'..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน...'นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า'เรื่องเช่นนี้'จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชกาลใดๆ นั้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงื่อนไขห้ามโอนกรรมสิทธิในที่ดินพระราชทานต้องตีความอย่างเคร่งครัด และมีขอบเขตจำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้
การตีความข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ต้องตีความโดยจำกัดเงื่อนไขห้ามการโอนกรรมสิทธิในทรัพย์สินที่ให้ก่อนตายหรือโดยพินัยกรรมจะมีอยู่ได้ก็โดยจำกัดอย่างเคร่งครัด
พระราชหัตถเลขาพระราชทานที่ดิน มีข้อความว่า ยกที่ดินให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับผู้เดียว ถ้าผู้รับไม่มีตัวลงเมื่อใดก็ให้ที่ตกเป็นของผู้ที่ควรจะได้รับมฤดกตามความพอใจของผู้รับหรือตามพระราชกำหนดกฎหมายต่อไปอีกประการหนึ่งในเวลาที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ถ้าผู้รับจะขายที่รายนี้ให้แก่ผู้ใดต้องบอกให้พระองค์รู้ก่อน เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงขายได้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่าเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคแล้ว ผู้รับก็มิต้องขอพระบรมราชานุญาตอย่างใดในการโอน
พระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสั่งไว้ในเรื่องพระทรงพลราบขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตขายที่ดินซึ่งได้รับพระราชทาน ให้แก่นายพีที,วอง เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2471 ซึ่งมีข้อความว่า "..สำหรับกระทรวงเกษตรนั้น จะจัดการตามหน้าที่ ให้ในเรื่องเช่นนี้ได้ต่อเมื่อเจ้าของที่มีหนังสือสำคัญแสดงว่าได้รับพระบรมราชานุญาตให้ขาย ก็ให้จัดการไปได้ ถ้าไม่มีหนังสือต้องไม่รับรู้เสียทีเดียว ให้ไปนำหนังสือมาก่อน.." นั้น เป็นพระบรมราชโองการเพื่อวางวิธีการปฏิบัติสำหรับที่ดินที่พระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 6 พระราชทานแก่ข้าทูลลอองธุลีพระบาทของพระองค์ซึ่งยังสับสนกันอยู่เท่านั้น คำว่า " เรื่องเช่นนี้ " จะแปลความไปให้หมายถึงที่ดินที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ไม่ว่าในรัชการใด ๆ นั้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปรับบทหนัก พ.ร.บ.ศุลกากรและควบคุมการส่งออก-นำเข้า: ปรับตามราคาสินค้า
จำเลยกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากรและพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างซึ่งศาลให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติฉบับหลังเป็นบทหนักนั้นตามมาตรา 3 แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปฯลฯ (ฉบับที่3)2490 ศาลย่อมมีอำนาจปรับจำเลยเป็นรายตัวคนละ5 เท่าของราคาสินค้าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการปรับตาม พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกฯ และข้อโต้แย้งเรื่องเลขที่ใบขน
จำเลยกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรและ พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างซึ่งศาลให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ฉบับหลังเป็นบทหนักนั้น ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปฯลฯ ( ฉบับที่ 3 ) 2490 ศาลย่อมมีอำนาจปรับจำเลยเป็นรายตัวคนละ 5 เท่าของราคาสินค้าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดบทลงโทษในความผิดหลายบท ศาลต้องใช้บทที่มีโทษหนักที่สุด แม้ความผิดอื่นจะอยู่ในอำนาจศาลแขวง
ในกรณีที่ฟ้องอ้างว่าจำเลยกระทำความผิดซึ่งเป็นการละเมิด ก.ม. หลายบทด้วยกันนั้น หากพิจารณาได้ข้อเท็จจริงตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์แล้ว ศาลก็ต้องใช้อาญาที่เป็นบทนักลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 70 ฉะนั้นเมื่อความผิดตามบท ก.ม. ที่หนักนั้นเกินอำนาจศาลแขวงแม้ความผิดบทเบา จะอยู่ในอำนาจศาลแขวง ศาลแขวงก็ต้องพิพากษายกฟ้องเสีย เพราะต้องถือว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวง: ความผิดหลายบท ใช้บทหนัก แม้บทเบาอยู่ในอำนาจ
ในกรณีที่ฟ้องอ้างว่าจำเลยกระทำความผิดซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบทด้วยกันนั้น หากพิจารณาได้ข้อเท็จจริงตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์แล้ว ศาลก็ต้องใช้อาญาที่เป็นบทหนักลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 70 ฉะนั้นเมื่อความผิดตามบทกฎหมายที่หนักนั้น เกินอำนาจศาลแขวงแม้ความผิดบทเบา จะอยู่ในอำนาจศาลแขวง ศาลแขวงก็ต้องพิพากษายกฟ้องเสีย เพราะต้องถือว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความเท็จตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่เป็นเหตุให้พ้นผิดทางอาญา
แม้สรรพากรจังหวัดสั่งให้เสมียนสรรพากรจดบัญชีและหนังสือราชการเท็จ เมื่อเสมียนสรรพากรทราบดีอยู่แล้วว่าข้อความที่ให้จดเป็นเท็จและเป็นคำสั่งที่ผิดกฎหมาย เมื่อเสมียนผู้นั้นทำลงไปตามคำสั่งแล้ว เสมียนผู้นั้นจะยกขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดหาได้ไม่
of 57