พบผลลัพธ์ทั้งหมด 563 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในสลากที่ได้มาจากการซื้อขายจากผู้ไม่มีสิทธิ แม้ผู้ซื้อจะสุจริตก็ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
สลากกินแบ่งของโจทก์หายไป จำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าจำหน่ายสลากกินแบ่งรับซื้อไว้โดยเปิดเผย และโดยสุจริต ไม่ทราบว่าเป็นสลากกินแบ่งของโจทก์ที่หายไปเช่นนี้ เมื่อผู้ขายมิใช่เจ้าของสลากและไม่มีอำนาจจะเอามาขายได้ จำเลยผู้รับซื้อก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในสลากินแบ่งนั้น
คำว่า ท้องตลาด ตามมาตรา 1332 หมายถึง "ที่ชุมนุมแห่งการค้า" ที่ใดเป็นที่ชุมนุมการค้าหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป
คำว่า ท้องตลาด ตามมาตรา 1332 หมายถึง "ที่ชุมนุมแห่งการค้า" ที่ใดเป็นที่ชุมนุมการค้าหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานปลอมแปลงเอกสารและการใช้เอกสารปลอม โดยศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาจากฐานใช้เอกสารปลอมเป็นฐานปลอมแปลงเอกสาร
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปลอมหนังสือขึ้นเอง แล้วนำหนังสือปลอมนั้นไปใช้ คือไปขายให้แก่ผู้อื่น จึงขอให้ลงโทษทั้ง 2 ฐานคือตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 224 และ 227 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเอง คงฟังได้ว่าจำเลยใช้หนังสือปลอมอันเป็นผิดตามมาตรา 227 ซึ่งโยนไปลงโทษตามมาตรา 224 จึงพิพากษาจำคุกจำเลย 2ปี
โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่าจำเลยเป็นตัวการในการปลอมหนังสือ แต่ไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการลงโทษตามมาตราที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นการชอบแล้ว
โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่าจำเลยเป็นตัวการในการปลอมหนังสือ แต่ไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการลงโทษตามมาตราที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมลายมือชื่อในเอกสารทางราชการและการใช้เอกสารปลอม ความผิดตามกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปลอมหนังสือขึ้นเอง แล้วนำหนังสือปลอมนั้นไปใช้ คือไปขายให้แก่ผู้อื่น จึงขอให้ลงโทษทั้ง 2 ฐานคือตาม ก.ม,ลักษณะอาญามาตรา 224 และ 227 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเอง คงฟังได้ว่าจำ เลยใช้หนังสือปลอมอันเป็นผิดตามมาตรา 227 ซึ่งโยนไปลงโทษตามมาตรา 224 จึงพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี.
โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่าจำเลยเป็นตีวการในการปลอม หนังสือ แต่ไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 ดังนี้ ถือได้ว่า เป็นการลงโทษตามมาตราที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นการชอบแล้ว
โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่าจำเลยเป็นตีวการในการปลอม หนังสือ แต่ไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 ดังนี้ ถือได้ว่า เป็นการลงโทษตามมาตราที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทน: สัญญาที่เปิดโอกาสให้ตกลงราคาได้ย่อมผูกพันตัวการ แม้มีข้อตกลงภายในจำกัดอำนาจ
ข้อความในหนังสือสัญญามอบอำนาจให้ตัวแทนตกลงลดราคาที่จะขายทรัพย์สินได้ก่อนลงนามในสัญญา ตัวการขอเพิ่มข้อความว่าจะลดราคาเกินร้อยละ 10 ต้องให้ตัวการยินยอมก่อนตัวแทนว่าข้อความในสัญญานั้นจะแก้ไม่ได้ และได้พูดว่าถ้าจะลดราคาลงเกินกว่าร้อยละ 10 ตัวแทนจะบอกให้ตัวการทราบก่อน ตัวการก็ลงนามในสัญญาโดยไม่มีการแก้ไขข้อความอย่างใด กับมีพฤติการณ์แสดงว่าถ้าลดราคาเพียงร้อยละ 10 ไม่มีทางจะขายทรัพย์สินได้สำเร็จดังนี้ไม่พอถือว่าได้มีข้อจำกัดอำนาจของตัวแทนในการที่จะลดราคาขายลงเกินกว่าร้อยละ 10
กรรมการบริษัทจำกัดลงชื่อในหนังสือ โดยไม่มีตราของบริษัทประทับ ผิดข้อบังคับของบริษัท แต่บริษัทได้เชิดกรรมการผู้นั้นออกเป็นตัวแทนตลอดมาตั้งแต่แรกและต่อจากนั้นไปอีก การกระทำของกรรมการผู้นั้นย่อมผูกพันบริษัทได้
กรรมการบริษัทจำกัดลงชื่อในหนังสือ โดยไม่มีตราของบริษัทประทับ ผิดข้อบังคับของบริษัท แต่บริษัทได้เชิดกรรมการผู้นั้นออกเป็นตัวแทนตลอดมาตั้งแต่แรกและต่อจากนั้นไปอีก การกระทำของกรรมการผู้นั้นย่อมผูกพันบริษัทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนใช้ชื่อบริษัทที่ยังไม่ได้จดทะเบียนกู้เงิน ความรับผิดชอบยังคงอยู่ที่หุ้นส่วน
สองคนเข้าหุ้นส่วนกันตั้งร้านค้า มีชื่อเป็นบริษัทบริษัทหนึ่งได้ทำสัญญากู้เงินเขา โดยหุ้นส่วนคนหนึ่งลงชื่อเป็นผู้กู้มีผู้อื่นเป็นผู้ค้ำประกันต่อมาผิดนัดไม่ชำระหนี้แก่เขา ผู้ค้ำประกันต้องออกเงินใช้แทนไป ดังนี้ แม้ในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันจะใช้คำว่าบริษัทเป็นผู้กู้ก็ดี แต่บริษัทดังว่า ยังมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจึงไม่ทำให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งสองพ้นจากความรับผิดไปได้เพราะชื่อบริษัทที่กล่าวนี้ ผู้เป็นหุ้นส่วนใช้แทนชื่อของตนนั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011-1028/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องมือประมงในที่สาธารณะ: ลักษณะ 'ประจำที่' ต้องมีหลักฐานชัดเจน
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้เครื่องมือประจำที่ทำการจับสัตว์น้ำในที่สาธารณะประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ปรากฏว่า แพสดุ้งใหญ่ที่จำเลยใช้ทำการจับปลา มีลักษณะเป็นแพถ่อเคลื่อนที่ไปมาได้ เวลาทำการจับปลาตามปกติก็ไม่ต้องลงหลักปัก ผูก ขึงรั้งถ่วง หรือใช้วิธีอื่นให้แพอยู่กับที่ เพราะตามปกติจับปลาในที่น้ำนิ่ง และตามข้อเท็จจริงที่ศาลฟังมาก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ลงหลักปักผูกแพให้อยู่กับที่ในเวลาทำการประมง ในลักษณะอันจะพอให้ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือประจำที่ ดังนี้ คดียังไม่พอจะชี้ขาดว่าจำเลยได้ใช้เครื่องมือประจำที่ ทำการประมงดังฟ้อง ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011-1028/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมงในที่สาธารณะ: ลักษณะเครื่องมือประจำที่ต้องมีหลักฐานการติดตั้งถาวร
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช่เครื่องมือประจำที่ทำการจับสัตว์น้ำในที่สาธารณะประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ปรากฎว่า แพสดุ้งใหญ่ที่จำเลยใช้ทำการาจับปลา มีลักษณะเป็นแพถ่อเคลื่อนที่ไปมาได้ เวลาทำการจับปลาตามปกติ ก้ไม่ต้องลงหลักปัก ผูก ขึงรั้งถ่วง หรือใช้งิธีอื่นให้แพอยู่กับที่ เพราะตามปกติจับปลาในที่น้ำนิ่ง และตามข้อเท็จจริงที่ศาลฟังมาก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ลงหลักปักผูกแพให้อยู่กับที่ในเวลาทำการประมง ในลักษณะประจำที่ ดังนี้ คดียังไม่พอจะชี้ขาดว่าจำเลยได้ใช้เครื่องมือประจำที่ ทำการประมงดังฟ้อง ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อตั้งทรัสต์ต้องมีเจตนาชัดเจน ยกทรัพย์ให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นหรือสาธารณะ คำสั่งกว้างๆ ไม่ถือเป็นทรัสต์
กรณีจะเป็นทรัสต์นั้น ต้องมีข้อความให้เห็นได้ว่า ยกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ให้ แต่ผูกมัดไว้ว่า ผู้รับกรรมสิทธิ์นั้นจะต้องใช้ทรัพย์นั้นให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลใดๆอันกำหนดตัวได้แน่นอนหรือเพื่อสาธารณะกุศลอันแน่นอน
การสั่งให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นกองกลาง เพื่อให้บุตรหลานมีสิทธิได้อยู่อาศัยและเก็บกิน ซึ่งผลประโยชน์ต่อไปจนตลอดชีวิต เมื่อบุตรหลานคนใดไม่มีทุนรอน ก็ให้เงินทำทุนพอสมควร โดยตั้งให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ กับมีหน้าที่เก็บเงิน ทำบุญวัดและบ้านนั้นเป็นคำสั่งที่ใช้คำกว้างๆ ไม่แน่นอนมิได้กำหนดให้ชัดว่าทำบุญอะไร วัดไหนและบ้านแห่งใด ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีก่อตั้งทรัสต์ และต้องถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวแล้วไม่มีผล ทรัพย์มรดกจึงตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมต่อไป
การสั่งให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นกองกลาง เพื่อให้บุตรหลานมีสิทธิได้อยู่อาศัยและเก็บกิน ซึ่งผลประโยชน์ต่อไปจนตลอดชีวิต เมื่อบุตรหลานคนใดไม่มีทุนรอน ก็ให้เงินทำทุนพอสมควร โดยตั้งให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ กับมีหน้าที่เก็บเงิน ทำบุญวัดและบ้านนั้นเป็นคำสั่งที่ใช้คำกว้างๆ ไม่แน่นอนมิได้กำหนดให้ชัดว่าทำบุญอะไร วัดไหนและบ้านแห่งใด ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีก่อตั้งทรัสต์ และต้องถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวแล้วไม่มีผล ทรัพย์มรดกจึงตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อตั้งตรัสต์ต้องมีเจตนาชัดเจนยกทรัพย์และผูกมัดการใช้ประโยชน์ให้ชัดเจน มิฉะนั้นถือเป็นทรัพย์มรดก
กรณีจะเป็นตรัสต์นั้น ต้องมีข้อความให้เห็นได้ว่า ยกกรรมสิทธิในทรัพย์ให้ แต่ผูกมัดไว้ว่า ผู้รับกรรมสิทธินั้จะต้องใช้ทรัพย์นั้นให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลใด ๆ อันกำหนดตัวได้แน่นอนหรือเพื่อสาธารณะกุศลอันแน่นอน
การสั่งให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นกองกลาง เพื่อให้บุตรหลานมีสิทธิได้อยู่อาศัยและเก็บกิน ซึ่งผลประโยชน์ไปจนตลอดชีวิต เมื่อบุตรหลานคนใดไม่มีทุนรอน ก็ให้เงินทำทุนพอสมควร โดยตั้งให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ กับมีหน้าที่เก็บเงิน ทำบุญวัดและบ้านนั้น เป็นคำสั่งที่ใช้คำกว้าง ๆ ไม่แน่นอนมิได้กำหนดให้ชัดว่าทำบุญอะไร วัดไหน และบ้านแห่งใด ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีก่อให้ตั้งตรัสต์ และต้องถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวแล้ว ไม่มีผล ทรัพย์มรดกจึงตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมไป
การสั่งให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นกองกลาง เพื่อให้บุตรหลานมีสิทธิได้อยู่อาศัยและเก็บกิน ซึ่งผลประโยชน์ไปจนตลอดชีวิต เมื่อบุตรหลานคนใดไม่มีทุนรอน ก็ให้เงินทำทุนพอสมควร โดยตั้งให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ กับมีหน้าที่เก็บเงิน ทำบุญวัดและบ้านนั้น เป็นคำสั่งที่ใช้คำกว้าง ๆ ไม่แน่นอนมิได้กำหนดให้ชัดว่าทำบุญอะไร วัดไหน และบ้านแห่งใด ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีก่อให้ตั้งตรัสต์ และต้องถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวแล้ว ไม่มีผล ทรัพย์มรดกจึงตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 823/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าห้ามเช่าช่วง: การเช่าช่วงโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นละเมิดสิทธิผู้ให้เช่า
สัญญาเช่ามีข้อความระบุไว้ชัดว่า ผู้เช่าจะไม่เอาสถานที่เช่าไปให้เช่าช่วงเป็นอันขาดเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าเป็นลายลักษณ์อักษร ฉะนั้นเมื่อผู้เช่าเอาสถานที่ไปให้เช่าช่วงโดยไม่ได้รับคำอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้เช่าแล้วผู้เช่าช่วงจะอ้างการเช่าระหว่างตนกับผู้เช่ามายันผู้ให้เช่าไม่ได้ และต้องถือว่า ผู้เช่าช่วงเป็นผู้เข้าอยู่โดยละเมิดสิทธิของผู้ให้เช่า