คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ธรรมบัณฑิต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวผู้ต้องหาหลังศาลปล่อยชั่วคราว: อำนาจจำกัดเฉพาะการส่งตัวไปฟ้อง
พนักงานสอบสวนหรืออัยการ ไปขอให้ศาลขังจำเลยระหว่างสอบสวนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 จนครบกำหนดและศาลปล่อยตัวจำเลยไปแล้วเช่นนี้ จะมาขอให้ศาลสั่งขังอีกย่อมไม่ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อเจ้าพนักงานจับจำเลยใหม่เพื่อฟ้องเป็นคดีจะควบคุมผู้ต้องหาไม่ได้เสียเลย เจ้าพนักงานยังคงควบคุมผู้ต้องหาได้ตามที่จำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีตามตอนต้นแห่งมาตรา 87 คือเพียงเท่าที่จะนำตัวจำเลยมาส่งศาลโดยแท้เท่านั้น จะควบคุมเพื่อเหตุอื่น เช่นสอบสวนต่อไป หรือรออัยการสั่งฟ้องไม่ได้
อัยการฟ้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยถูกศาลสั่งขังระหว่างสอบสวนครบกำหนดจนศาลสั่งปล่อยตัวไปแล้วเช่นนี้ไม่ชอบที่ศาลจะรับประทับฟ้องและออกหมายจับให้ เพราะเจ้าพนักงานยังมีอำนาจที่จะดำเนินการเพื่อเอาตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมฟ้องได้ มิฉะนั้นจะเป็นการยืดอายุความอันเป็นผลร้ายแก่จำเลย
(อ้างฎีกาที่ 126/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้าม: การโต้แย้งการรับพิจารณาคดีอาญาในประเด็นอาวุธและลักษณะการกระทำ
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิเคราะห์ถึงอาวุธที่จำเลยใช้ทำร้ายบาดแผลของผู้ตาย และลักษณะการกระทำของจำเลย ดังนี้ถือว่า เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลล่าง 2 ศาลพิพากษาต้องกันให้จำคุกจำเลย 4 ปี ฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ม.218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้าม: การโต้แย้งอาวุธและลักษณะการกระทำในคดีฆ่าคนโดยไม่เจตนา
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิเคราะห์ถึงอาวุธที่จำเลยใช้ทำร้ายบาดแผลของผู้ตายและลักษณะการกระทำของจำเลย ดังนี้ถือว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลล่าง 2 ศาลพิพากษาต้องกันให้จำคุกจำเลย 4 ปีฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตาม มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แทนบุตรและการขอคืนทรัพย์สินที่ถูกยึด ผู้รับชำระหนี้มีหน้าที่คืนทรัพย์สินให้บุตร
บิดากู้เงินผู้อื่นมาแล้วมอบที่นาไว้ให้เขายึดถือ ทำกินต่างดอกเบี้ย ภายหลังบิดาตาย น้าจึงไปชำระเงินกู้และไถ่ถอนที่นาคืนมาจากเจ้าหนี้แทนบุตร์ ดังนี้ บุตรมีอำนาจฟ้องน้า ขอให้รับชำระหนี้เงินกู้ และคืนนาให้แก่บุตรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แทนกันและการเรียกร้องสิทธิในที่ดินที่ถูกยึดถือเพื่อเป็นหลักประกัน
บิดากู้เงินผู้อื่นมาแล้วมอบที่นาไว้ให้เขายึดถือทำกินต่างดอกเบี้ยภายหลังบิดาตาย น้าจึงไปชำระเงินกู้และไถ่ถอนที่นาคืนมาจากเจ้าหนี้แทนบุตรดังนี้ บุตรมีอำนาจฟ้องน้า ขอให้รับชำระหนี้เงินกู้และคืนนาให้แก่บุตรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506-507/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนข้าวผ่านเขตกักกันไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489
พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ.2489 บัญญัติห้ามเฉพาะการขนย้ายข้าวออก ซึ่งต้องเป็นที่เข้าใจว่า ขนข้าวที่อยู่ในเขตกักกันออกไป หาได้บัญญัติห้ามถึงการขนผ่านไม่
จำเลยขนย้ายข้าวจากจังหวัดนอกเขตกักกันข้าว พาผ่านจังหวัดซึ่งเป็นเขตกักกันข้าว เพื่อจะนำไปอีกจังหวัดหนึ่ง ดังนี้ ยังไม่เป็นผิดตาม พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506-507/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนข้าวผ่านเขตห้ามกักกัน ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว
พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489 บัญญัติห้ามฉะเพาะการขนย้ายข้าวออก ซึ่งต้องเป็นที่เข้าใจว่า ขนข้าวที่อยู่ในเขตต์กักกันออกไป หาได้บัญญัติห้ามถึงการขนผ่านไม่
จำเลยขนย้ายข้าวจากจังหวัดนอกเขตต์กักกันข้าว พาผ่านจังหวัดซึ่งเป็นเขตต์กักกันข้าว เพื่อจะนำไปอีกจังหวัดหนึ่ง ดังนี้ ยังไม่เป็นผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรับมรดกของผู้ร้องสอดและการคุ้มครองสิทธิในคดีระหว่างโจทก์จำเลย
ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับมฤดกของผู้ร้อง ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 57 (1) ซึ่งบัญญัติให้บุคคลที่ 3 ได้รับความคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่โดยทันที ไม่จำต้องฟ้องคดีหลายเรื่อง และไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากคู่ความ เช่น อนุมาตรา 2 แม้คู่ความจะคัดค้าน ศาลก็สั่งอนุญาตได้.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในฐานะส่วนตัว และในฐานผู้จัดการมฤดก และผู้รับมฤดกของภริยาผู้วายชนม์ ผู้ร้องสอด ผู้เป็นมารดาผู้ตาย ผู้ร้องสอดว่า โจทก์จำเลยสมยอมสร้างหนี้สินขึ้นโดยไม่เป็นความจริง ทำให้ผู้ร้องสอดเสียหาย เนื่องจากผู้ร้องสอดกำลังฟ้อง จำเลยเรียกทรัพย์มฤดกรายนี้อยู่ ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องสอดเสีย แล้วดำเนินคดีไปพิพากษาให้จำเลยในส่วนตัว และในฐานผู้จัดการและรับมฤดกนางเลี๊ยบ ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้องดังนี้ เมื่อผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขึ้นมา ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ ตามรูปความได้ตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 243 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาพยานหลักฐานในคดีอาญา: วัตถุพยานไม่จำเป็นต้องส่งศาลเสมอไป
ป.วิ.อาญามาตรา 241 มิได้เป็นบทบัญญัติบังคับให้จำต้องนำวัตถุพยานมาส่งศาลเสมอไป ฉะนั้นเมื่อศาลล่างทั้ง 2 ได้พิจารณาพยานบุคคล ประกอบด้วยพยานเอกสารแล้ว ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าของกลางเป็นฝิ่นแล้ว คู่ความจะฎีกาคัดค้านไม่ได้ ในเมื่อคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วัตถุพยานไม่จำเป็นต้องส่งศาล หากศาลล่างพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นพ้องกัน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 241 มิได้เป็นบทบัญญัติบังคับให้จำต้องนำวัตถุพยานมาส่งศาลเสมอไปฉะนั้นเมื่อศาลล่างทั้ง 2 ได้พิจารณาพยานบุคคลประกอบด้วยพยานเอกสารแล้ว ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าของกลางเป็นฝิ่นแล้ว คู่ความจะฎีกาคัดค้านไม่ได้ ในเมื่อคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
of 219