พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงอาญาและการเปิดเผยประวัติโทษจำเลย การเบิกความต่อศาลถือเป็นหลักฐาน
ในฟ้องโจทก์และคำให้การของจำเลยไม่มีปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษมาแล้วหรือไม่ ต่อเมื่อจำเลยเบิกความเป็นพะยานตนเอง จำเลยเบิกความว่าเคยต้องโทษมาแล้ว เช่นนี้ศาลย่อมฟังว่าจำเลยเคยต้องโทษมาแล้วคดีจึงรอการลงอาญาจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงอาญาถูกเพิกถอนเมื่อปรากฏประวัติเคยต้องโทษจากคำเบิกความพยาน
ในฟ้องโจทก์และคำให้การของจำเลยไม่มีปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษมาแล้วหรือไม่ ต่อเมื่อจำเลยเบิกความเป็นพยานตนเองจำเลยเบิกความว่าเคยต้องโทษมาแล้ว เช่นนี้ศาลย่อมฟังว่าจำเลยเคยต้องโทษมาแล้วคดีจึงรอการลงอาญาจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยมีการกล่าวอ้างถึงการร้องทุกข์ของผู้เสียหาย จำเลยไม่โต้แย้ง ศาลไม่ต้องสืบการร้องทุกข์
คดีอาญาที่เป็นความผิดต่อส่วนตัวนั้น เมื่อโจทก์บรรยายมาในฟ้องแล้วว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ขอให้นำคดีขึ้นว่ากล่าวตามกฎหมายแล้วฝ่ายจำเลยก็มิได้คัดค้านร้องทุกข์เช่นนี้ คดีไม่จำเป็นต้องนำสืบถึงการร้องทุกข์ อ้างฎีกาที่ 489/2488 ทั้งทางพิจารณาที่ปรากฏ ก็ไม่ได้ความว่าคดีไม่มีการร้องทุกข์ ดังนี้จำเลยจะหยิบยกเป็นข้อโต้เถียงชั้นศาลสูงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขสัญญาซื้อขายที่ดิน: การบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้ขายแพ้คดีขับไล่ผู้เช่า
สัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีข้อหนึ่งว่า'ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงจะโอนซื้อขายกันเด็ดขาด ณ หอทะเบียนที่ดิน ในเมื่อผู้ขายได้ฟ้องขับไล่นางเลื่อนผู้เช่าจนคดีถึงที่สุด' ดังนี้ โจทก์ก็ย่อมสืบอธิบายสัญญาได้ว่าที่มีข้อความเช่นนี้ ก็เพราะผู้ซื้อประสงค์จะเข้าอยู่เองฉะนั้นถ้าผู้ขายฟ้องขับไล่ผู้เช่าคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ผู้ขายเป็นฝ่ายแพ้คดีผู้เช่าก็คงยังได้อยู่ในที่ดินบ้านเรือนนี้ได้ต่อไป ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและขอรับเงินมัดจำในการซื้อขายคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขสัญญาซื้อขายที่ดิน: การบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้ขายแพ้คดีขับไล่ผู้เช่า
สัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีข้อหนึ่งว่า "ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงจะโอนซื้อขายกันเด็ดขาดณ หอทะเบียนที่ดินในเมื่อผู้ขายได้ฟ้องขับไล่นางเลื่อนผู้เช่าจนคดีถึงที่สุด" ดังนี้โจทก์ก็ยอมสืบอธิบายสัญญาได้ที่+ข้อความเช่นนี้ ก็เพราะผู้ซื้อประสงค์จะเข้าอยู่เอง
ฉนั้นถ้าผู้ขายฟ้องขับไล่ผู้เช่าจนคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ผู้ขายเป็นฝ่ายแพ้คดี ผู้เช่าก็ยังคงได้อยู่ในที่ดินบ้านเรือนนี้ต่อไป ผู้ซื้อย่อมมีสิทธิ์บอกยกเลิกสัญญาและขอรับเงินมัดจำในการซื้อขายคืนได้
ฉนั้นถ้าผู้ขายฟ้องขับไล่ผู้เช่าจนคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ผู้ขายเป็นฝ่ายแพ้คดี ผู้เช่าก็ยังคงได้อยู่ในที่ดินบ้านเรือนนี้ต่อไป ผู้ซื้อย่อมมีสิทธิ์บอกยกเลิกสัญญาและขอรับเงินมัดจำในการซื้อขายคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างระหว่างเจ้าของเคหะสถานกับผู้ครอบครองและการฟ้องคดีอาญา
โจทก์ฟ้องบรรยายว่า จำเลยบุกรุกเคหะสถานของผู้เสียหายแล้วทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่หญิงที่เคหะสถานนั้น
พิจารณาได้ความว่า จำเลยได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่หญิงที่เคหะสถานนั้นจริง ปรากฏว่าเคหะสถานนั้นเป็นของมารดาผู้เสียหาย และมารดาผู้เสียหายไม่ได้ไปร้องทุกข์ในข้อหาฐานบุกรุกดังนี้ แม้ศาลจะยกฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกโดยเหตุที่เจ้าของเคหะสถานไม่ได้ร้องทุกข์ก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและทำอนาจารได้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง
พิจารณาได้ความว่า จำเลยได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่หญิงที่เคหะสถานนั้นจริง ปรากฏว่าเคหะสถานนั้นเป็นของมารดาผู้เสียหาย และมารดาผู้เสียหายไม่ได้ไปร้องทุกข์ในข้อหาฐานบุกรุกดังนี้ แม้ศาลจะยกฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกโดยเหตุที่เจ้าของเคหะสถานไม่ได้ร้องทุกข์ก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและทำอนาจารได้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำให้การต่อสู้ของจำเลยไม่ใช่คำรับสารภาพ และหน้าที่การนำสืบของโจทก์ในคดีอาญา
คำรับของจำเลยที่รับว่า ได้ทำร้ายผู้เสียหายจริง แต่ได้ทำไปโดยการป้องกันตัวนั้น ถือว่าไม่ใช่คำรับสารภาพตามฟ้องตามที่กำหนดไว้ใน ป.ม.วิ.อาญา ม.176 จะฟังเอาคำรับของจำเลยแต่เพียงบางส่วนไปลงโทษจำเลยหาได้ไม่ โจทก์จึงคงมีหน้าที่ต้องนำสืบตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 174 เพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยควรรับโทษ ถ้าโจทก์ไม่สืบก็ต้องยกฟ้อง
ในคดีอาญานั้น แม้โจทก์จำเลยตกลงอ้างและขอให้ศาลวินิจฉัยคดีตามคำให้การขอพะยานในคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวเนื่องในกรณีเกียวกัน ศาลก็ไม่รับฟังคำพะยานเหล่านั้นเพื่อลงโทษจำเลย
ในคดีอาญานั้น แม้โจทก์จำเลยตกลงอ้างและขอให้ศาลวินิจฉัยคดีตามคำให้การขอพะยานในคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวเนื่องในกรณีเกียวกัน ศาลก็ไม่รับฟังคำพะยานเหล่านั้นเพื่อลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: สิทธิเรียกร้องคืนเมื่อสัญญายังไม่เลิก
สัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งในขณะทำสัญญา ผู้ขายยังไม่ได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์เด็ดขาดในที่ดินที่ขายนั้น จะจัดการโอนโดยมีการจดทะเบียนตามกฏหมายก็ยังไม่ได้นั้น ถือว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น
ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน และผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้ว แม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน และผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้ว แม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: สิทธิเมื่อยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์และไม่มีการเลิกสัญญา
สัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งในขณะทำสัญญา ผู้ขายยังไม่ได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์เด็ดขาดในที่ดินที่ขายนั้น จะจัดการโอนโดยมีการจดทะเบียนตามกฎหมายก็ยังไม่ได้นั้น ถือว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้วแม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้วแม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหุ้นห้างหุ้นส่วนสามัญที่มีอสังหาริมทรัพย์ ไม่ถือเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ สัญญาบังคับได้
การโอนขายหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งมีทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์นั้น ไม่ถือว่าเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ ทำหนังสือสัญญากันเองก็ใช้ได้ (+ฎีกาที่ 143/2476)
ผู้ใช้อำนาจปกครองทำนิติกรรมขายหุ้นของผู้เยาว์+ห้างหุ้นส่วนสามัญซึ่งมีทรัพย์เป็นอสังหาริมทรัพย์ได้โดยไม่ต้องรับอนุญาติจากศาล
สัญญาจะซื้อขายมีเงื่อนไขว่าจะต้องขออนุญาตต่อศาลเสียก่อนจึงจะขายได้ โดยคู่สัญญาเข้าใจผิดคิดว่าจะต้องขออนุญาตจากศาล เมื่อตามกฏหมายไม่ต้องขออนุญาตดังนี้ เงื่อนไขนี้ก็ไม่มีผล ผู้ซื้อมีสิทธิฟ้องบังคับให้ผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาได้ทีเดียว
ผู้ใช้อำนาจปกครองทำนิติกรรมขายหุ้นของผู้เยาว์+ห้างหุ้นส่วนสามัญซึ่งมีทรัพย์เป็นอสังหาริมทรัพย์ได้โดยไม่ต้องรับอนุญาติจากศาล
สัญญาจะซื้อขายมีเงื่อนไขว่าจะต้องขออนุญาตต่อศาลเสียก่อนจึงจะขายได้ โดยคู่สัญญาเข้าใจผิดคิดว่าจะต้องขออนุญาตจากศาล เมื่อตามกฏหมายไม่ต้องขออนุญาตดังนี้ เงื่อนไขนี้ก็ไม่มีผล ผู้ซื้อมีสิทธิฟ้องบังคับให้ผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาได้ทีเดียว