พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลยพินิจศาลในการลดโทษตาม ม.59 อาญา: ไม่เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่รับฎีกา
การลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.59 นั้นเป็นการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงฉะเพาะเรื่อง มิใช่เป็นข้อ ก.ม.
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม ม. 254-63 ลดฐานปราณีตาม ม.59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกันและไม่ลดฐานปราณีให้เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยานดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตามม.59 เป็นการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อ ก.ม.จึงฎีกาไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม ม. 254-63 ลดฐานปราณีตาม ม.59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกันและไม่ลดฐานปราณีให้เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยานดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตามม.59 เป็นการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อ ก.ม.จึงฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานที่ดินต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สามารถอ้างระเบียบที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาขัดขวางการจดทะเบียนสิทธิในที่ดินได้
กฎกระทรวงต้องไม่ขัดต่อ ก.ม. จึงจะมีผลบังคับได้
เจ้าพนักงานที่ดินมีหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ร.ศ. 127 ม.41 ฉนั้น อ้างระเบียบกระทรวงมหาดไทยซึ่งวางระเบียบไว้ว่าถ้าผู้ซื้อที่ดินเป็นบุตรของคนต่างด้าว แม้จะมีสัญชาติเป็นไทยก็ให้มีการสอบสวนเพื่อควบคุมให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ที่ดินเกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 อันไม่ปรากฎว่าได้ออกมาโดยอาศัยอำนาจตาม ก.ม.มาหน่วงเหนี่ยวขัดขวางผู้ร้องขอที่มีสัญชาติไทยบิดาเป็นคนต่างด้าวมิให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิในที่ดิน ตาม ก.ม. ไม่ได้
เจ้าพนักงานที่ดินมีหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ร.ศ. 127 ม.41 ฉนั้น อ้างระเบียบกระทรวงมหาดไทยซึ่งวางระเบียบไว้ว่าถ้าผู้ซื้อที่ดินเป็นบุตรของคนต่างด้าว แม้จะมีสัญชาติเป็นไทยก็ให้มีการสอบสวนเพื่อควบคุมให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ที่ดินเกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 อันไม่ปรากฎว่าได้ออกมาโดยอาศัยอำนาจตาม ก.ม.มาหน่วงเหนี่ยวขัดขวางผู้ร้องขอที่มีสัญชาติไทยบิดาเป็นคนต่างด้าวมิให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิในที่ดิน ตาม ก.ม. ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรู้ร่วมคิดกับการวิ่งราวทรัพย์: ผู้ให้พาหนะไม่ใช่ตัวการ
จำเลยร่วมรู้กับตัวการในการวิ่งราวทรัพย์ แต่จำเลยมิได้ลงมือทำการวิ่งราวด้วยพฤติการณ์ยังชี้ไม่ได้ว่ามีการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ จำเลยเป็นแต่ให้รถเพื่อใช้เป็นกำลังพาหนะเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงผู้สมรู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาเวลาเกิดเหตุในคดีอาญา: 'จวนพลบค่ำยังไม่มืด' ไม่ถือเป็นเวลากลางคืน
เวลาจวนพลบค่ำยังไม่มืดนั้นยังไม่ใช่เวลากลางคืนตามความหมายแห่ง ก.ม.อาญา ม.6(24)
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน พยานโจทก์บางคนว่าเหตุเกิดตะวันตกดินแล้ว 2 อึดใจ บางคนว่า 3 อึดใจ และบางคนว่าขณะนั้นยังไม่มึด เช่นนี้สมควรจะได้ฟังพยานต่อไปให้สิ้นกระแสร์ความยังไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานอื่น ๆ เสีย
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน พยานโจทก์บางคนว่าเหตุเกิดตะวันตกดินแล้ว 2 อึดใจ บางคนว่า 3 อึดใจ และบางคนว่าขณะนั้นยังไม่มึด เช่นนี้สมควรจะได้ฟังพยานต่อไปให้สิ้นกระแสร์ความยังไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานอื่น ๆ เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201-1203/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงโดยหลอกลวงให้ลงทุนหวังผลตอบแทนสูงเกินจริง และการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ
จำเลยตั้งสำนักงานขึ้นให้ชื่อว่าบริษัทชัยวัฒนา มีวัตถุประสงค์ทำการค้าและชักชวนให้ประชาชนำเงินมาฝากเป็นการเข้าหุ้น แต่การเข้าหุ้นนี้จำเลยคิดผลประโยชน์ให้ร้อยละ 50 ต่อเดือนเป็นรายเดือน มีประชาชนหลายจังหวัดนำเงินมามอบให้จำเลยเป็นจำนวนมากมายหลายสิบล้านบาทเพราะหวังประโยชน์ตอบแทนอันสูง ดังนี้เมื่อคำนวนอัตราผลประโยชน์ร้อยละ 50 ต่อเดือนที่จำเลยคิดให้แล้วในต้นเดือนที่จำเลยคิดให้แล้วในต้นเงินเพียง 100 บาท ถ้าฝากจำเลยสมทบทั้งต้นและผลประโยชน์ ในปีหนึ่งจำเลยจะต้องจ่ายเป็นเงินหนึ่งหมื่นเศษ ถ้าถึงปีที่ 2 ก็เป็นจำนวนเกินล้านบาท ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยจะไปหาผลกำไรจากที่ไหนมาจ่ายให้ได้ แม้จำเลยเองก็ว่าหุ้นส่วนมีกำไรเท่าใดไม่อาจรู้ได้ แต่กระนั้นจำเลยก็ยังคงจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ฝากไปได้ เหตุที่จำเลยจ่ายเงินปันผลทั้ง ๆที่ไม่รู้ว่ามีกำไรเท่าใดนั้น ย่อมประกอบให้เห็นเจตนาจำเลยในการลวงให้เข้าหลงเชื่อโดยแท้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้อุบายเป็นทำนองว่าตนทำการค้าใหญ่โตให้เขานำเงินมาฝากเข้าเป็นหุ้นส่วน โดยสัญญาจะจ่ายเงินปันผลให้ร้อยละ 50 ต่อเดือน ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็รู้ดีว่าไม่สามารถจะจ่ายให้เขาได้จึงนับว่าเป็นความเท็จและคนหลงเชื่อนำเงินมาฝากมากมายเช่นนี้ย่อมเข้าเกณฑ์ความผิดฐานฉ้อโกงตาม ก.ม. อาญา ม.304 และการกระทำดังกล่าวไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ธนาคารพานิชย์เพราะไม่ใช่ทำการเป็นธนาคารพานิชย์และไม่มีสภาพคล้ายคลึงกับกิจการธนาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้าอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุขแห่งสาธารณะชน พ.ศ. 2471 ม.7
โจทก์กล่าวฟ้องว่าก่อนคดีนี้จำเลยที่ 1 เคยต้องโทษฐานไม่ทำบัญชีแสดงรายการรับและจำหน่ายน้ำตาลมาครั้งหนึ่ง ศาลพิพากษาปรับ 50 บาท ดังปรากฎในคดีแดงที่ 178/2489 พ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี จำเลยแถลงรับว่าเคยต้องโทษจริงตามฟ้อง แล้วโจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องว่า ความผิดฐานไม่ทำบัญชีซึ่งจำเลยเคยต้องโทษนั้นเป็นความผิดซึ่งไม่ใช่เป็นส่วนลหุโทษและมิใช่ความผิดที่เกิดขึ้นด้วยประมาทศาลสองจำเลย จำเลยไม่คัดค้านศาลอนุญาตและปรากฎว่าในสำนวนเลขแดงที่ 178/2489 ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ภาษีอากรซื้อน้ำตาล ม.26 ที่บัญญัติให้มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมิใช่ความผิดฐานลหุโทษ ดังนี้แม้ในฟ้องจะมิได้ระบุว่าโทษครั้งก่อนเนื่องจากความผิดต่อ ก.ม. ใดเลยก็เพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตาม ก.ม. อาญา ม.72 ตามฟ้องของโจทก์ได้
ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อ ก.ม. ในการวินิจฉัยปัญหาข้อ ก.ม. นั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
โจทก์กล่าวฟ้องว่าก่อนคดีนี้จำเลยที่ 1 เคยต้องโทษฐานไม่ทำบัญชีแสดงรายการรับและจำหน่ายน้ำตาลมาครั้งหนึ่ง ศาลพิพากษาปรับ 50 บาท ดังปรากฎในคดีแดงที่ 178/2489 พ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี จำเลยแถลงรับว่าเคยต้องโทษจริงตามฟ้อง แล้วโจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องว่า ความผิดฐานไม่ทำบัญชีซึ่งจำเลยเคยต้องโทษนั้นเป็นความผิดซึ่งไม่ใช่เป็นส่วนลหุโทษและมิใช่ความผิดที่เกิดขึ้นด้วยประมาทศาลสองจำเลย จำเลยไม่คัดค้านศาลอนุญาตและปรากฎว่าในสำนวนเลขแดงที่ 178/2489 ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ภาษีอากรซื้อน้ำตาล ม.26 ที่บัญญัติให้มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมิใช่ความผิดฐานลหุโทษ ดังนี้แม้ในฟ้องจะมิได้ระบุว่าโทษครั้งก่อนเนื่องจากความผิดต่อ ก.ม. ใดเลยก็เพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตาม ก.ม. อาญา ม.72 ตามฟ้องของโจทก์ได้
ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อ ก.ม. ในการวินิจฉัยปัญหาข้อ ก.ม. นั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ทำร้ายติดพันในวิวาทและเจตนาฆ่า: ศาลลดโทษจากฆ่าคนตายโดยเจตนาเป็นฆ่าคนโดยไม่เจตนา
การที่ผู้ตายกับจำเลยต่างฟันกันคนละทีแล้วจำเลยแทงซ้ำอีก 3 ทีในขณะที่ต่อสู้กันนั้นเป็นเรื่องต่อสู้ทำร้ายติดพันกันในการวิวาท ประกอบกับผู้ตายและจำเลยเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ไม่มีสาเหตุอันใดต่อกันเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย จำเลยหามีผิดตาม ม.249 ไม่ แต่มีผิดเพียง ม. 251
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ซื้อผิดนัดซื้อขายยางพาราสัญญาเดิมยัง binding ไม่ต้องแก้ไขสัญญาเป็นหนังสือ
ผู้ซื้อทำสัญญาซื้อยางพารารับเบอร์กำหนดให้ผู้ขายส่งภายในกำหนด ถึงกำหนดแล้วผู้ซื้อไม่รับ ดังนี้เป็นกรณีเรื่องผู้ซื้อผิดนัด ไม่ใช่เรื่องสัญญาเดิมถูกแก้ไข และการขอให้ปฏิบัติตามสัญญาของผู้ขายไม่ต้องทำเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีภาษีและการสมรู้ร่วมคิดในความผิดฐานไม่ทำบัญชีตามกฎหมาย
จำเลยผู้ทำการโรงสีไม่ได้ทำบัญชีข้าวและข้าวเปลือกตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร ม.201 อันมีโทษตาม ม.208 แต่ขณะพิจารณาคดีได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 บังคับ พ.ร.บ.นี้ได้ยกเลิกและบัญญัติเรื่องการทำบัญชีข้าวและข้าวเปลือกใหม่ตาม ม.40 โดยแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ม.87 ทวิขึ้นใหม่และมีบทลงโทษตาม ม.93 ซึ่งมีโทษเบากว่า การกระทำของจำเลยจึงต้องนำ ม.87 ทวิ และ ม.93 มาใช้บังคับและต้องนำอายุความสำหรับบทลงโทษตาม ก.ม. ที่ใช้อยู่ในขณะพิจารณาคดีซึ่งมีโทษเบากว่ามาใช้บังคับแก่คดีด้วย
หน้าที่ทำบัญชีตาม พ.ร.บ.บัญชีนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะบุคคลตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ. การบัญชี ม.7 บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่ทำบัญชีจะเรียกว่าเป็นผู้ละเว้นกระทำไม่ได้ และจะช่วยสมรู้หรือสมคบในการไม่กระทำตามหน้าที่คนอื่นไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ผู้เดียว โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ด้วยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ฎีกา ถ้าเป็นเหตุในลักษณะคดีแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1ได้
หน้าที่ทำบัญชีตาม พ.ร.บ.บัญชีนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะบุคคลตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ. การบัญชี ม.7 บุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่ทำบัญชีจะเรียกว่าเป็นผู้ละเว้นกระทำไม่ได้ และจะช่วยสมรู้หรือสมคบในการไม่กระทำตามหน้าที่คนอื่นไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 ผู้เดียว โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ด้วยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ฎีกา ถ้าเป็นเหตุในลักษณะคดีแล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีและการบังคับคดีโดยไม่ชัดเจนถึงฐานะจำเลยและทรัพย์สินที่พิพาท ทำให้สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพัน
คำฟ้องบรรยายว่าขอยื่นฟ้องนายคลี่มารดาผู้แทนโดยชอบธรรม ด.ญ.ยุพิน กับพวก จำเลยนั้นเมื่อไม่แสดงให้ชัดแจ้งว่า ฟ้องในฐานะอย่างอื่น ก็ต้องว่าฟ้องนาคลี่เป็นส่วนตัว ที่กล่าวว่าเป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมก็เพียงระบุว่านางคลี่คนไหนเท่านั้น
การแปลคำฟ้องที่จะให้เป็นผลร้ายแก่ผู้เยาว์ โดยโจทก์ไม่แสดงให้แน่ชัดหาได้ไม่
สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลย ผู้มารดาในฐานะส่วนตัวทำกันไว้หาผูกพันทรัพย์สินของเด็กไม่
การแปลคำฟ้องที่จะให้เป็นผลร้ายแก่ผู้เยาว์ โดยโจทก์ไม่แสดงให้แน่ชัดหาได้ไม่
สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลย ผู้มารดาในฐานะส่วนตัวทำกันไว้หาผูกพันทรัพย์สินของเด็กไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์สินของลูกหนี้: ฎีกาไม่อาจวินิจฉัยได้เนื่องจากข้ออ้างไม่ชัดเจนและขาดการสืบพยาน
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดทรัพย์สินของจำเลย ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาในคดีสำนวนอื่นของจำเลยขอเฉลี่ยทรัพย์อ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกแล้วนอกจากที่โจกท์นำยึดเท่านั้น
โจทก์ฎีกาคัดค้าน เมื่อฎีกาของโจทก์คลุมเครือไม่แจ้งชัดว่าหมายถึงเจ้าหนี้รายใด (ผู้ร้องขอเฉลี่ยหลายราย) และข้ออ้างว่ากระไร ดังนี้ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้ได้
โจทก์ฎีกาคัดค้าน เมื่อฎีกาของโจทก์คลุมเครือไม่แจ้งชัดว่าหมายถึงเจ้าหนี้รายใด (ผู้ร้องขอเฉลี่ยหลายราย) และข้ออ้างว่ากระไร ดังนี้ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้ได้