พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะและการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า การพิสูจน์ภาระหน้าที่ของผู้เช่าในการนำสืบ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า มีอัตราค่าเช่าเดือนละ 60 บาทจำเลยให้การและแถลงรับในรายงานพิจารณาว่าเช่ากัน 60 บาทจริง แต่โจทก์เพิ่งมาขึ้นค่าเช่า เดิมเสียค่าเช่าเดือนละ 30 บาท ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่นำสืบให้ได้ความว่าโจทก์ขึ้นค่าเช่าเมื่อใดแล้ว ก็ต้องฟังว่าคิดค่าเช่ากันเดือนละ 60 บาท มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 8 ธันวาคม 2484 แล้ว จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2486
บอกเลิกการเช่าเคหะก่อนใช้ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2489แล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัตินั้น ตามที่วินิจฉัยไว้ในฎีกาที่ 740/2490
บอกเลิกการเช่าเคหะก่อนใช้ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2489แล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัตินั้น ตามที่วินิจฉัยไว้ในฎีกาที่ 740/2490
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยืมทรัพย์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของมีสิทธิฟ้องเรียกคืนได้โดยตรง
ยืมทรัพย์ของผู้อื่นไปจากผู้รับฝากทรัพย์นั้นไว้ โดยเจ้าของมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย เจ้าของทรัพย์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์นั้นคืนจากผู้ยืมได้โดยตรง
โจทก์ฟ้องเรียกกระดุมทองคำของโจทก์คืนจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยืมไปตามฟ้อง ดังนี้ ประเด็นฝ่ายจำเลยมีแต่เพียงนำสืบว่าไม่ได้ยืมกระดุมไปตามฟ้อง ไม่มีประเด็นจะนำสืบว่ากระดุมของโจทก์เป็นลงหินชุบทอง
โจทก์ฟ้องเรียกกระดุมทองคำของโจทก์คืนจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยืมไปตามฟ้อง ดังนี้ ประเด็นฝ่ายจำเลยมีแต่เพียงนำสืบว่าไม่ได้ยืมกระดุมไปตามฟ้อง ไม่มีประเด็นจะนำสืบว่ากระดุมของโจทก์เป็นลงหินชุบทอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้ทรัพย์แก่นิติบุคคลที่ยังไม่ได้จดทะเบียน: ความสมบูรณ์ของนิติกรรม
การให้ทรัพย์แก่สมาคมที่ตั้งขึ้นโดยมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายนั้นไม่สมบูรณ์ เพราะมีแต่ผู้ให้ ไม่มีบุคคลผู้รับ เนื่องจากสมาคมนั้นไม่ใช่นิติบุคคล ผู้ให้จึงฟ้องเรียกคืนเงินที่ให้ได้
โจทก์ฟ้องว่าได้มอบเงินให้จำเลยในฐานะนายกสมาคมเพื่อนำไปฝากคลัง ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เงินนั้น แต่ได้ความตามข้อเท็จจริงที่รับกันว่าโจทก์ได้ให้เงินจำนวนนั้นแก่สมาคมและรับกันต่อไปว่า สมาคมนั้นมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายดังนี้ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการให้ทรัพย์แก่สมาคมที่มิได้จดทะเบียนจะเป็นการสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่า การให้ไม่สมบูรณ์ และพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของเงินรายพิพาท จึงเป็นคำชี้ขาดในประเด็นและชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าได้มอบเงินให้จำเลยในฐานะนายกสมาคมเพื่อนำไปฝากคลัง ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เงินนั้น แต่ได้ความตามข้อเท็จจริงที่รับกันว่าโจทก์ได้ให้เงินจำนวนนั้นแก่สมาคมและรับกันต่อไปว่า สมาคมนั้นมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายดังนี้ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการให้ทรัพย์แก่สมาคมที่มิได้จดทะเบียนจะเป็นการสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่า การให้ไม่สมบูรณ์ และพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของเงินรายพิพาท จึงเป็นคำชี้ขาดในประเด็นและชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้เงินแก่สมาคมที่มิได้จดทะเบียน: สิทธิในทรัพย์สินยังคงอยู่ของผู้ให้
การให้ทรัพย์แก่สมาคมที่ตั้งขึ้นโดยมิได้จดทะเบียนตาม ก.ม. นั้นไม่สมบูรณ์ เพราะมีแต่ผู้ให้ ไม่มีบุคคลผู้รับเนื่องจากสมาคมนั้นไม่ใช่นิติบุคคลผู้ให้จึงฟ้องเรียกคืนเงินที่ให้ได้
โจทก์ฟ้องว่าได้มอบเงินให้จำเลยในฐานะนายกสมาคมเพื่อนำไปฝากคลัง ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิเงินนั้น แต่ได้ความตามข้อเท็จจจริงที่รับกันว่าโจทก์ได้ให้เงินจำนวนนั้นแก่สมาคมและรับกันต่อไปว่า สมาคมนั้นมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายดังนี้ ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการให้ทรัพย์แก่สมาคมที่มิได้จดทะเบียนจะเป็นการสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่า การให้ไม่สมบูรณ์ และพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของเงินรายพิพาท จึงเป็นคำชี้ขาดในประเด็นและชอบด้วยกฎหมาย.
โจทก์ฟ้องว่าได้มอบเงินให้จำเลยในฐานะนายกสมาคมเพื่อนำไปฝากคลัง ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิเงินนั้น แต่ได้ความตามข้อเท็จจจริงที่รับกันว่าโจทก์ได้ให้เงินจำนวนนั้นแก่สมาคมและรับกันต่อไปว่า สมาคมนั้นมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายดังนี้ ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการให้ทรัพย์แก่สมาคมที่มิได้จดทะเบียนจะเป็นการสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่า การให้ไม่สมบูรณ์ และพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของเงินรายพิพาท จึงเป็นคำชี้ขาดในประเด็นและชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมเป็นโมฆะเมื่อเงื่อนไขไม่เกิดขึ้น: สามีตายก่อนภรรยา
ในพินัยกรรมมีข้อความว่า ถ้าตนถึงแก่กรรมก่อนสามีแล้วให้แบ่งทรัพย์ดังนี้ฯลฯ เมื่อปรากฏว่าสามีกลับตายก่อนเช่นนี้ ข้อความในพินัยกรรมนั้น ย่อมเป็นไร้ผล ผู้ใดจะถือสิทธิตามพินัยกรรมนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมเป็นโมฆะเมื่อเงื่อนไขไม่เกิดขึ้น
ในพินัยกรรมมีข้อความว่า ถ้าตนถึงแก่กรรมก่อนสามีแล้ว ให้แบ่งทรัพย์ดังนี้ฯลฯ เมื่อปรากฏว่าสามีกลับตายก่อนเช่นนี้ ข้อความในพินัยกรรมนั้น ย่อมเป็นอันไร้ผล ผู้ใดจะถือสิทธิตามพินัยกรรมนั้นไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิไม่เป็นผู้เสียหายในคดีฉ้อโกง หากไม่ได้ถูกหลอกลวงโดยตรง
องค์สำคัญแห่งความผิดตาม ก.ม.อาญามาตรา 306 คือ การฉ้อโกงซึ่งตามมาตรา 304 ว่าต้องมีการหลอกลวง ฯลฯ ผู้ที่ถูกหลอกลวงตามมาตรา 306(4) ก็คือ ผู้ซื้อ ผู้รับทรัพย์ ไว้เป็นประกัน ผู้รับจำนำ ผู้รับจำหน่าย เจ้าของกรรมสิทธิในทรัพย์ หาได้ถูกหลอกลวงไม่ ฉะนั้นเจ้าของกรรมสิทธิจึงไม่เป็นผู้เสียหายและไม่มีสิทธิฟ้องผู้ฉ้อโกงเป็นคดีอาญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่เป็นผู้เสียหายในคดีฉ้อโกง หากไม่ได้ถูกหลอกลวงโดยตรง
องค์สำคัญแห่งความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 306คือการฉ้อโกงซึ่งตามมาตรา 304 ว่าต้องมีการหลอกลวง ฯลฯผู้ที่ถูกหลอกลวงตามมาตรา 306(4) ก็คือ ผู้ซื้อ ผู้รับทรัพย์ไว้เป็นประกันผู้รับจำนำผู้รับจำหน่าย เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ หาได้ถูกหลอกลวงไม่ ฉะนั้นเจ้าของกรรมสิทธิ์จึงไม่เป็นผู้เสียหายและไม่มีสิทธิฟ้องผู้ฉ้อโกงเป็นคดีอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีแพ่งเท็จไม่เป็นความผิดทางอาญาตาม ม.158, 159 หากไม่มีการขอลงโทษอาญา
ฟ้องกล่าวโทษหรือฟ้องว่าเกิดการกระทำผิดขึ้นตามความในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158,159 นั้นเป็นเรื่องฟ้องว่ากระทำความผิดในทางอาญา
ฟ้องคดีแพ่ง แม้จะกล่าวว่าเป็นเรื่องยักยอก แม้จะเป็นเท็จก็ไม่มีผิดฐานฟ้องเท็จ ตาม มาตรา158-159
ฟ้องคดีแพ่ง แม้จะกล่าวว่าเป็นเรื่องยักยอก แม้จะเป็นเท็จก็ไม่มีผิดฐานฟ้องเท็จ ตาม มาตรา158-159
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีแพ่งเท็จไม่เป็นความผิดตามมาตรา 158, 159 อาญา หากไม่มีคำขอให้ลงอาญา
ฟ้องกล่าวโทษหรือฟ้องว่าเกิดการกระทำผิดขึ้นตามความในกฎหมายอาญามาตรา 158, 159 นั้นเป็นเรื่องฟ้องว่ากระทำความผิดในทางอาญา
ฟ้องคดีแพ่ง แม้จะกล่าวว่าเป็นเรื่องยักยอก แม้จะเป็นเท็จก็ไม่มีผิดฐานฟ้องเท็จตาม ม.158, 159.
ฟ้องคดีแพ่ง แม้จะกล่าวว่าเป็นเรื่องยักยอก แม้จะเป็นเท็จก็ไม่มีผิดฐานฟ้องเท็จตาม ม.158, 159.