พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 25/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิเช่า: ผู้เช่าไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ที่เข้าอยู่อาศัยแทนเมื่อสละสิทธิแล้ว
เช่าห้องเช่าามาแล้วไม่ได้อยู่เอง เมื่อมีผู้อื่นมาขออยู่ ตนสละสิทธิยอมให้ผู้อื่นเข้าอยู่ในห้องเช่า โดยผู้อยู่เสียค่าเช่าโดยตรงต่อเจ้าของห้องตลอดมา ดังนี้ ผู้เช่าไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้อยู่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 25/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิเช่า: ผู้เช่าไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ที่เข้าอยู่แทนโดยได้รับอนุญาต
เช่าห้องเขามาแล้วไม่ได้อยู่เอง เมื่อมีผู้อื่นมาขออยู่ ตนสละสิทธิยอมให้ผู้อื่นเข้าอยู่ในห้องเช่า โดยผู้อยู่เสียค่าเช่าโดยตรงต่อเจ้าของห้องตลอดมา ดังนี้ผู้เช่าไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้อยู่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การบรรยายฟ้องให้จำเลยเข้าใจข้อหา แม้ไม่มีรายละเอียดการกระทำผิดโดยตรง
ฟ้องโจทก์บรรยายในข้อ 1 ว่า มีโจรลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไป ข้อ 2 บรรยายว่า จับของกลางบางส่วนได้ที่จำเลยที่ 1-2 กำลังจะนำไปจำหน่าย ทั้งนี้โดยจำเลยทั้ง 4 ได้สมคบกันเป็นคนร้ายลักมาตามที่กล่าวในข้อ 1 หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้ง 4 บังอาจสมคบกันรับทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และรับของโจรดังนี้ แม้จะมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 3-4 ได้กระทำการเกี่ยวข้องแก่ทรัพย์ของกลางประการใดด้วยก็ยังถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ตาม ป.วิ.อาญา ม.158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การบรรยายฟ้องที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหา แม้ไม่มีพฤติการณ์เฉพาะเจาะจง
ฟ้องโจทก์บรรยายในข้อ 1 ว่า มีโจรลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไป ข้อ 2 บรรยายว่า จับของกลางบางส่วนได้ที่จำเลยที่ 1-2 กำลังจะนำไปจำหน่ายทั้งนี้โดยจำเลยทั้ง 4 ได้สมคบกันเป็นคนร้ายลักมาตามที่กล่าวในข้อ 1 หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้ง 4 บังอาจสมคบกันรับทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และรับของโจร ดังนี้ แม้จะมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 3-4 ได้กระทำการเกี่ยวข้องแก่ทรัพย์ของกลางประการใดด้วย ก็ยังถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ ที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินฟ้องขับไล่ผู้เช่าจอดแพ แม้ไม่มีสัญญาเช่าที่ดินโดยตรง และการเช่าไม่เข้าข่ายกฎหมายควบคุมค่าเช่า
เช่าสิทธิจอดแพในคลองซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น เจ้าของที่ดินย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ได้
ผู้ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัด ให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่อง ศาลจ้าวย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ ผู้เช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของศาลจ้าวได้
การเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือนจึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการเช่ามีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกันโดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบความข้อนี้อีก
ผู้ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัด ให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่อง ศาลจ้าวย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ ผู้เช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของศาลจ้าวได้
การเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือนจึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการเช่ามีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกันโดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบความข้อนี้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินฟ้องขับไล่ผู้เช่าจอดแพ และการเช่าไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าสิทธิจอดแพในคลองซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น เจ้าของที่ดินย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ได้
ผู้ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัดให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่องศาลจ้าวย่อมมีอำนาจฟ้อง ขับไล่ผู้เช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของศาลจ้าวได้
การเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือน จึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการเช่ามีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน โดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบความข้อนี้อีก.
ผู้ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัดให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่องศาลจ้าวย่อมมีอำนาจฟ้อง ขับไล่ผู้เช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของศาลจ้าวได้
การเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือน จึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการเช่ามีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน โดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบความข้อนี้อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอน ไม่ต้องจดทะเบียนก็สมบูรณ์ หากผู้ซื้อสุจริตและเจ้าของร่วมยินยอม
ซื้อเรือนเพื่อรื้อไป ไม่จำต้องทำสัญญาจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็สมบูรณ์
เจ้าของร่วมคนหนึ่งทำสัญญาขายทรัพย์ให้แก่เขา เขาซื้อไว้โดยสุจริตเมื่อปรากฏว่าเจ้าของร่วมคนอื่นๆ ได้รู้เห็นยินยอมในการซื้อขายนั้นด้วยการซื้อขายย่อมสมบูรณ์และผู้ซื้อได้ทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์
เจ้าของร่วมคนหนึ่งทำสัญญาขายทรัพย์ให้แก่เขา เขาซื้อไว้โดยสุจริตเมื่อปรากฏว่าเจ้าของร่วมคนอื่นๆ ได้รู้เห็นยินยอมในการซื้อขายนั้นด้วยการซื้อขายย่อมสมบูรณ์และผู้ซื้อได้ทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนทรัพย์มรดกพร้อมภาระผูกพันตามพินัยกรรมและกฎหมาย
ตามพินัยกรรม์ได้ระบุทรัพย์ที่ยกให้แก่บรรดาทายาทไว้เป็นกิจะลักษณะ ย่อมว่าผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรม์เป็นผู้รับในลักษณะฉะเพาะความใน ป.พ.พ.ม.1651 (2) ต้องรับภาระผูกพัน เช่นภาระจำนองที่ดินติดอยู่กับทรัพย์ที่ตนรับด้วย
ข้อความในพินัยกรรม์ข้อหนึ่งที่กล่าวว่า "ทรัพย์สินอันใดที่มิได้ระบุไว้ข้างต้น บรรดาที่มีเหลืออยู่ในวันที่ข้าพเจ้าวายชนม์ลงจะเป็นสังหาริมทรัพย์ก็ดี อสังหาริมทรัพย์ก็ดี ให้ผู้จัดการมฤดกรวมขายเอาเงินทำศพ และจัดการมฤดกของข้าพเจ้าทำบุญในส่วนกุศลสาธารณะประโยชน์ได้ตามที่เห็นสมควรนั้น" เป็นข้อความกำหนดที่สั่งให้ผู้จัดการมฤดกจัดการขายทรัพย์ที่มิได้ระบุให้ผู้ใด ไว้ขายเอาเงินทำศพและทำบุญมิได้หมายความให้ไถ่ถอนการจำนองหรือชำระหนี้สินในทรัพย์ที่ระบุให้แก่ผู้ใดไว้แล้วเพื่อผู้นั้น
ป.พ.พ.ม.1740 เป็นเรื่องบัญญัติถึงวิธีให้ผู้จัดการมฤดกจัดการทรัพย์มฤดกเท่านั้นมิได้หมายความจะให้ลบล้างความในมาตรา 1651 (2).
ข้อความในพินัยกรรม์ข้อหนึ่งที่กล่าวว่า "ทรัพย์สินอันใดที่มิได้ระบุไว้ข้างต้น บรรดาที่มีเหลืออยู่ในวันที่ข้าพเจ้าวายชนม์ลงจะเป็นสังหาริมทรัพย์ก็ดี อสังหาริมทรัพย์ก็ดี ให้ผู้จัดการมฤดกรวมขายเอาเงินทำศพ และจัดการมฤดกของข้าพเจ้าทำบุญในส่วนกุศลสาธารณะประโยชน์ได้ตามที่เห็นสมควรนั้น" เป็นข้อความกำหนดที่สั่งให้ผู้จัดการมฤดกจัดการขายทรัพย์ที่มิได้ระบุให้ผู้ใด ไว้ขายเอาเงินทำศพและทำบุญมิได้หมายความให้ไถ่ถอนการจำนองหรือชำระหนี้สินในทรัพย์ที่ระบุให้แก่ผู้ใดไว้แล้วเพื่อผู้นั้น
ป.พ.พ.ม.1740 เป็นเรื่องบัญญัติถึงวิธีให้ผู้จัดการมฤดกจัดการทรัพย์มฤดกเท่านั้นมิได้หมายความจะให้ลบล้างความในมาตรา 1651 (2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทายาทรับมรดกเฉพาะเจาะจงต้องรับภาระผูกพันเดิมของทรัพย์สินนั้นด้วย
ตามพินัยกรรมได้ระบุทรัพย์ที่ยกให้แก่บรรดาทายาทไว้เป็นกิจลักษณะ ย่อมถือว่าผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นผู้รับในลักษณะเฉพาะตามความใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1651(2) ต้องรับภาระผูกพันเช่นภาระจำนองที่ติดอยู่กับทรัพย์ที่ตนรับด้วย
ข้อความในพินัยกรรมข้อหนึ่งที่กล่าวว่า 'ทรัพย์สินอันใดที่มิได้ระบุไว้ข้างต้นบรรดาที่มีเหลืออยู่ในวันที่ข้าพเจ้าวายชนม์ลงจะเป็นสังหาริมทรัพย์ก็ดีอสังหาริมทรัพย์ก็ดี ให้ผู้จัดการมรดกรวมขายเอาเงินทำศพ และจัดการมรดกของข้าพเจ้าและทำบุญในส่วนกุศลสาธารณะประโยชน์ได้ตามที่เห็นสมควร'นั้น เป็นข้อความกำหนดที่สั่งให้ผู้จัดการมรดกจัดการขายทรัพย์ที่มิได้ระบุให้ผู้ใด ไว้ขายเอาเงินทำศพและทำบุญมิได้หมายความให้ไถ่ถอนการจำนองหรือชำระหนี้สินในทรัพย์ที่ระบุให้แก่ผู้ใดไว้แล้ว เพื่อผู้นั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1740 เป็นเรื่องบัญญัติถึงวิธีให้ผู้จัดการมรดกจัดการทรัพย์มรดกเท่านั้นมิได้หมายความจะให้ลบล้างความในมาตรา 1651(2)
ข้อความในพินัยกรรมข้อหนึ่งที่กล่าวว่า 'ทรัพย์สินอันใดที่มิได้ระบุไว้ข้างต้นบรรดาที่มีเหลืออยู่ในวันที่ข้าพเจ้าวายชนม์ลงจะเป็นสังหาริมทรัพย์ก็ดีอสังหาริมทรัพย์ก็ดี ให้ผู้จัดการมรดกรวมขายเอาเงินทำศพ และจัดการมรดกของข้าพเจ้าและทำบุญในส่วนกุศลสาธารณะประโยชน์ได้ตามที่เห็นสมควร'นั้น เป็นข้อความกำหนดที่สั่งให้ผู้จัดการมรดกจัดการขายทรัพย์ที่มิได้ระบุให้ผู้ใด ไว้ขายเอาเงินทำศพและทำบุญมิได้หมายความให้ไถ่ถอนการจำนองหรือชำระหนี้สินในทรัพย์ที่ระบุให้แก่ผู้ใดไว้แล้ว เพื่อผู้นั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1740 เป็นเรื่องบัญญัติถึงวิธีให้ผู้จัดการมรดกจัดการทรัพย์มรดกเท่านั้นมิได้หมายความจะให้ลบล้างความในมาตรา 1651(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงในคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง: การรุกที่ดิน
ศาลพิพากษาชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ว่า 'ผู้เสียหายไม่รู้ว่าเขตโฉนดของตนอยู่แค่ไหนจำเลยจะบุกรุกเข้าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่หาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไป ก็เพราะสังเกตไว้เข้าใจเอาเท่านั้น ฟังไม่ได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ดินของผู้เสียหายฯลฯ'ดังนี้ ถือว่าศาลไม่ได้ชี้ขาดว่าจำเลยไม่ได้รุกที่ดินของผู้เสียหาย เป็นแต่ว่า ผู้เสียหายไม่รู้เขตที่ คือนำสืบไม่ชัดว่า ที่ดินของผู้เสียหายแค่ไหน จึงลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้เท่านั้น ฉะนั้นเมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้จัดการทำแผนที่วิวาท และนำสืบจนฟังได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ของโจทก์แล้ว ศาลก็ย่อมฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งว่าจำเลยรุกที่ดินโจทก์ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46