พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบโทษ และสิทธิในการต่อสู้คดีในชั้นฎีกา
การเพิ่มโทษและลดโทษที่มีกำหนดเสมอกันนั้น แม้จำเลยต้องโทษประหารชีวิตหรือจำคุก 20 ปีก็ต้องหักกลบลบกันตามมาตรา39
เมื่อศาลชั้นต้นลงโทษ โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว เมื่อศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้วจำเลยก็ฎีกาเถียงในข้อเท็จจริงได้
เมื่อศาลชั้นต้นลงโทษ โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว เมื่อศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้วจำเลยก็ฎีกาเถียงในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259-260/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฉ้อโกงจากการหลอกลวงและยึดครองทรัพย์สินโดยเจ้าทุกข์สละการครอบครอง มิใช่ลักทรัพย์
จำเลยใช้อุบายหลอกลวงให้เจ้าทุกข์มอบทรัพย์ให้ แล้วจำเลยพาทรัพย์หนีไปในขณะที่เจ้าทุกข์ไม่ได้ควบคุมยึดถือ และไม่อาจติดตามได้ดังนี้ ถือได้ว่าเจ้าทุกข์ได้สละการครอบครองแล้ว จำเลยต้องมีผิดฐานฉ้อโกงไม่ใช่ลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามคำพะยานโจทก์ แล้วชี้ขาดว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ใช่ข้อที่โจทก์ประสงค์จะลงโทษดังนี้ หากศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้อง ก็มีอำนาจพิพากษาได้ ไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นฟังพะยานจำเลยด้วย
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามคำพะยานโจทก์ แล้วชี้ขาดว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ใช่ข้อที่โจทก์ประสงค์จะลงโทษดังนี้ หากศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้อง ก็มีอำนาจพิพากษาได้ ไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นฟังพะยานจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259-260/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกง vs ลักทรัพย์: การสละการครอบครองทรัพย์สิน
จำเลยใช้อุบายหลอกลวงให้เจ้าทุกข์มอบทรัพย์ให้แล้วจำเลยพาทรัพย์หนีไปในขณะที่เจ้าทุกข์ไม่ได้ควบคุมยึดถือ และไม่อาจติดตามได้ดังนี้ ถือได้ว่าเจ้าทุกข์ได้สละการครอบครองแล้ว จำเลยต้องมีผิดฐานฉ้อโกงไม่ใช่ลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามคำพยานโจทก์ แล้วชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ใช่ข้อที่โจทก์ประสงค์จะลงโทษดังนี้ หากศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องก็มีอำนาจพิพากษาได้ ไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นฟังพยานจำเลยด้วย
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามคำพยานโจทก์ แล้วชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ใช่ข้อที่โจทก์ประสงค์จะลงโทษดังนี้ หากศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องก็มีอำนาจพิพากษาได้ ไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นฟังพยานจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในตัวเด็กเกินสมควรแก่เหตุ นำไปสู่การกระทำความผิดทางอาญา
ผู้ตายกับพวกฉุดคร่าพาหลานสาวของจำเลยหนีไป จำเลยกับพวกติดตามไปทัน จำเลยขอหลานสาวคืน ผู้ตายกับพวกไม่ยอมคืนและพาหนีต่อไป จำเลยยิงไป 1 นัดเพื่อมิให้ผู้ตายพาหลานสาวของจำเลยหนีต่อไป ถูกผู้ตายกับพวกอีกคนหนึ่งทางด้านหลัง เป็นการป้องกันหลานสาวของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: ยิงเพื่อป้องกันการพาตัวหลานสาวหนี
ผู้ตายกับพวกฉุดคร่าห์พาหลานสาวของจำเลยหนีไปจำเลยกับพวกติดตามไปทัน จำเลยขอหลานสาวคืน ผู้ตายกับพวกไม่ยอมคืนและพาหนีต่อไป จำเลยยิงไป 1 นัดเพื่อมิให้ผู้ตายพาหลานสาวของจำเลยหนีต่อไป ถูกผู้ตายกับพวกอีกคนหนึ่งทางด้านหลังเป็นการป้องกันหลานสาวของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์: วันที่เริ่มนับความผิดฐานยักยอก
ฟ้องว่า 'จำเลยรับมอบหมายสร้อยของ ส. ไปในวันที่ 3 ต.ค.86 เวลากลางวันแล้วบังอาจมีเจตนาทุจริตเบียดบังเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย'ดังนี้ เป็นฟ้องสมบูรณ์ตามกฎหมายในความผิดฐานยักยอกแล้ว
ความผิดฐานยักยอกนั้นเกิดขึ้นแต่วันที่รับมอบหมายจนถึงวันที่ไม่ยอมส่งคืน ดังนี้ เมื่อฟ้องว่าจำเลยยักยอกแต่วันที่ 3 ต.ค.86 ซึ่งเป็นวันได้รับมอบหมาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่ยอมคืนทรัพย์ให้ในเดือน พ.ย.2486 จึงไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง
ความผิดฐานยักยอกนั้นเกิดขึ้นแต่วันที่รับมอบหมายจนถึงวันที่ไม่ยอมส่งคืน ดังนี้ เมื่อฟ้องว่าจำเลยยักยอกแต่วันที่ 3 ต.ค.86 ซึ่งเป็นวันได้รับมอบหมาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่ยอมคืนทรัพย์ให้ในเดือน พ.ย.2486 จึงไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์: ความครบถ้วนของฟ้องและข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐาน
ฟ้องว่า "จำเลยรับมอบหมายสร้อยของ ส.ไปในวันที่ 3 ต.ค.86 เวลากลางแล้วบังอาจมีเจตนาทุจริตเบียดบังเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย" ดังเป็นฟ้องสมบูรณ์ตามกฎหมายในความผิดฐานยักยอกแล้ว.
ความผิดฐานยักยอกนั้นเกิดขึ้นแต่วันที่รับมอบหมายจนถึงวันที่ไม่ยอมส่งคืน ดังนี้เมื่อฟ้องว่าจำเลยยักยอกแต่วันที่ 3 ต.ค.86 ซึ่งเป็นวันได้รับมอบหมาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่ยอมคืนทรัพย์ให้ในเดือน พ.ย. 2486 จึงไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง.
ความผิดฐานยักยอกนั้นเกิดขึ้นแต่วันที่รับมอบหมายจนถึงวันที่ไม่ยอมส่งคืน ดังนี้เมื่อฟ้องว่าจำเลยยักยอกแต่วันที่ 3 ต.ค.86 ซึ่งเป็นวันได้รับมอบหมาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่ยอมคืนทรัพย์ให้ในเดือน พ.ย. 2486 จึงไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละข้อต่อสู้เรื่องการแบ่งทรัพย์สินหลังทำหนังสือหย่าแล้ว ศาลต้องถือว่าจำเลยสละสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องขอหย่าและแบ่งสินสมรส จำเลยตัดฟ้องว่าได้ทำหนังสือหย่าขาดและแบ่งทรัพย์กันเสร็จสิ้นไปแล้ว ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้หย่าขาดกันแล้ว ขอให้ศาลพิจารณาว่า โจทก์มีสินเดิมหรือไม่ มีสินสมรสจะต้องแบ่งกันเท่าไรดังนี้ ศาลจะชี้ขาดว่าโจทก์จำเลยได้แบ่งทรัพย์กันไปตามหนังสือหย่าแล้วไม่ได้โดยถือได้ว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ข้อนี้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสหลังหย่าขาด หากจำเลยสละสิทธิในการต่อสู้เรื่องการแบ่งทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอหย่าและแบ่งสินสมรส จำเลยตัดฟ้องว่าได้ทำหนังสือหย่าขาดและแบ่งทรัพย์กันเสร็จสิ้นไปแล้ว ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้หย่าขาดกันแล้ว ขอให้ศาลพิจารณาว่า โจทก์มีสินเดิมหรือไม่ มีสินสมรสที่จะต้องแบ่งกันเท่าไร ดังนี้ ศาลจะชี้ขาดว่าโจทก์จำเลยได้แบ่งทรัพย์กันไปตามหนังสือหย่าแล้วไม่ได้โดยถือได้ว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ข้อนี้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบสินเดิมในคดีแบ่งสินสมรส แม้มิได้กล่าวอ้างในฟ้อง ศาลเปิดโอกาสให้สืบได้หากพออนุมานได้จากเนื้อหา
ผู้ตายมีภรรยา 2 คนเมื่อศาลพิพากษาแบ่งมฤดกศาลได้แบ่งเงินไว้เป็นสินสมรสส่วนของภรรยาไว้ ภรรยาคน 1 มาฟ้องแบ่งสินสมรสนั้นกึ่ง 1 โดยกล่าวอ้างคำพิพากษาในคดีก่อนด้วย แม้ไม่ระบุตนมีสินเดิม ก็นำสืบได้