คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ธรรมบัณฑิต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานรวม ไม่ยึดเพียงวันที่เบิกความไม่ตรงตามฟ้อง
การที่วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือเกิดเหตุวันใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณา จากคำพยานหลักฐาน ทั้งหมดรวมกันแล้ว จึงจะชี้ขาดฟังเป็นข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดหรือจำเลยกระทำผิดวันใดแน่ หาใช่ว่าถ้าพยานโจทก์ คนหนึ่งหรือสองคนเบิกความถึงวันเกิดเหตุแตกต่างไปจากวันที่กล่าวในฟ้องแล้ว จะปรับเอาว่าข้อเท็จจริงตามทาง พิจารณาต่างกับฟ้องหรือว่าฟ้องผิดวันหาได้ไม่.
แม้พยานบุคคลถึง 2 คนเบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดจากวันที่กล่าวในฟ้อง แต่ก็เป็นข้อถ้อยคำที่เลื่อนลอยไม่มีหลัก ฐานประกอบ และเบิกหลังจากวันเกิดเหตุนานซึ่งย่อมพลั้งเผลอผิดพลาด แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอีกมากที่จะ
พิศูจน์ให้เป็นยุติได้ว่าวันเกิดเหตุตรงตามที่กล่าวในฟ้อง เช่นนี้ศาลก็ย่อมฟังว่าวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้และการไถ่ถอนการขายฝาก: การฟ้องแทนลูกหนี้โดยไม่ต้องหมายเรียกในฐานะโจทก์
เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และปรากฎว่าลูกหนี้มีที่ดินอยู่ 1 แปลง ขายฝากแก่เขาไว้ ยัง ไม่ท่วมราคาที่ดินแต่ลูกหนี้ไม่ยอมไถ่ถอน ดังนี้เจ้าหน้าย่อมมีสิทธิใช้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้แทนลูกหนี้ ฟ้องขอ ไถ่ถอนที่ดินนั้นได้ และในการฟ้องคดีดังกล่าวแม้เจ้าหนี้จะเป็นโจทก์ฟ้องลูกหนี้และผู้รับซื้อฝากที่ดินไว้เป็นจำเลย ด้วยกัน ก็ถือได้ว่าเป็นการขอหมายเรียกลูกหนี้เข้ามาในคดีด้วยแล้ว ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 234 หาจำต้อง หมายเรียกลูกหนี้มาในคดีในฐานะเป็นโจทก์เสมอไปไม่./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้เช่าเคหะ แม้เจ้าของที่ดินโอนขายห้องเช่าและที่ดินไปแล้ว ผู้เช่ายังคงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เจ้าของที่ดินปลูกห้องแถวลงบนที่ดินให้คนเช่าอยู่อาศัย ต่อมาเจ้าของที่ดินโอนขายเฉพาะห้องแถวให้ผู้อื่น ผู้รับซื้อ คงเก็บค่าเช่าห้องจากผู้อยู่ต่อไป และเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน ดังนี้แม้เจ้าของที่ดินจะฟ้องผู้รับซื้อห้องแถวให้รื้อถอน ห้องแถวนั้นไปจากที่ดิน และศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดี ก็ตาม ผู้เช่าห้องแถวนั้นอยู่ดังกล่าว ก็ยังได้รับ ความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ต้องออกจากห้องเช่าไป./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานเพื่อหักล้างข้อต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การนำสืบถึงที่มาของทรัพย์สินไม่เป็นการนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากเจ้าของ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้อื่น ดังนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิสืบได้ว่าเจ้าของ ได้ทรัพย์พิพาทมาอย่างไรไม่เป็นการนอกประเด็นและมีสิทธิสทบว่าผู้อื่นที่จำเลยอ้างนั้นได้อยู่ในที่พิพาทโดยทาง อาศัย เพราะเป็นการสืบหักล้างคำให้การต่อสู้ของจำเลย
ในกรณีที่จำเลยฎีกาคัดค้านในข้อที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนว่าเป็นการมิชอบนั้น เมื่อปรากฎว่าได้สืบ พยานเสร็จสิ้นไปทั้งสองฝ่ายแล้ว และในฎีกาของจำเลยก็หาได้ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานกันใหม่แต่ ประการใดไม่ และแม้การที่ศาลกำหนดหน้าที่ให้จำเลยสืบก่อนจะเป็นการชอบหรือไม่ก็ตามก็ไม่ทำให้คำวินิจฉัยคำ พยานของศาลในคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ดังนี้ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ก็ย่อมฟังไม่ขึ้น./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิในที่ดินจากการจำนองและครอบครองโดยถือสิทธิเกิน 10 ปี
จำนองที่ดิน (มีโฉนด) ไว้แก่เขาและมอบให้เขาครอบครองเก็บประโยชน์ต่างดอกเบี้ย ภายหลังผู้จำนองได้และที่ดิน ที่จำนองให้เป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง และผู้รับจำนองได้ครอบครองต่อมาโดยถือสิทธิเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี ดังนี้ ผู้รับจำนองย่อมได้กรรมสิทธิในที่ดินนั้น ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1382./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฉ้อโกงต้องระบุความจริงควบคู่ความเท็จ มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ต้องกล่าวในฟ้องฐานฉ้อโกงนั้น ต้องกล่าวไม่เฉพาะแต่ความเท็จ จำต้องกล่าวถึงความจริงว่าเป็นประ การใดด้วย ถ้ามีแต่ความเท็จอย่างเดียว ส่วนความจริงไม่ปรากฎ ก็เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1048/ 2493.
ฟ้องในข้อหาฐานฉ้อโกงที่กล่าวแต่ความเท็จ ไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นประการใดด้วยนั้น ถ้าพอจะค้นหาความ จริง ได้ในฟ้องข้อนั้นเองหรือในฟ้องข้ออื่นแล้ว ศาลก็ย่อมหยิบยกเอาความจริงที่ค้นมาได้นั้น มาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ หาว่าจำเลยกล่าวเท็จนั้นเป็นเท็จจริงหรือไม่
ฟ้องข้อ 1 กล่าวหาว่า จำเลยฉ้อโกงโดยเอาความเท็จมากล่าว,ฟ้องข้อ 2 ว่า ถึงกำหนดแล้วจำเลยหาได้นำทรัพย์ที่เอา ไปคืนให้โจทก์ไม่ ดังนี้เป็นเรื่องผิดคำรับรองหรือผิดสัญญาในทางแพ่ง เพราะโจทก์ไม่ได้ยืนยันมาในฟ้องว่า ่จำเลย ได้ตั้งใจจะไม่คืนทรัพย์ให้แก่โจทก์มาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ถึงกำหนดแล้ว ไม่คืนจะว่าเป็นความเท็จมาแต่ต้นย่อมไม่ ได้ ฟ้องดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984-990/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิขอคืนที่ดินเวนคืนเมื่อพ้น 5 ปี หากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการและไม่มีคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ
การตั้งอนุญาโตตุลาการ กำหนดค่าทำขวัญตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็เพื่อให้ระงับข้อพิพาท เมื่อไม่ได้มีการตกลงหรือชี้ขาดระงับข้อพิพาทแล้ว ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จใน 5 ปีตามความ ใน พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ เมื่อพ้น 5 ปี แล้วถ้ามิได้เข้าทำประโยชน์ในที่ เจ้าของทีดินที่ถูกเวนคืนย่อมมี สิทธิที่ดินนั้นคืน ตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2477 ได้ ไม่จำต้องรอให้อนุญาโตตุลาการ ชี้ขาดต่อไป./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการอุทธรณ์ภาษี: อำเภอ -> เจ้าพนักงานประเมิน -> ข้าหลวงประจำจังหวัด -> ศาล
การอุทธรณ์การประเมินภาษีของอำเภอนั้น ให้อุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานประเมินก่อน แล้วจึงอุทธรณ์ต่อข้าหลวงประ จำจังหวัด แต่ถ้าเป็นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินแล้ว ให้อุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัดทีเดียว ถัดจาก นี้จึงให้อุทธรณ์ต่อศาล อย่างไรก็ตามในกรณีที่อำเภอประเมินภาษีนั้น แม้จะอุทธรณ์ข้ามเข้าพนักงานประเมินไป คืออุทธรณ์ตรงต่อข้าหลวงจังหวัดทีเดียวนั้น ถ้าข้าหลวงประจำจังหวัดรับวินิจฉัยให้แล้ว ก้ไม่น่าจะล้วงไปวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ข้ามเจ้าพนักงานประเมินไป เพราะได้ก้าวล่วงพ้นมาแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กลฉ้อฉลในสัญญาซื้อขาย จำเลยต้องนำสืบหักล้างหลักฐานโจทก์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาต่ออำเภอขายที่พิพาทให้โจทก์แล้ว,จึงขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทจำเลยให้การ รับว่า ได้ไปทำสัญญาดังกล่าวจริง แต่แก้ไปว่ามสัญญานี้เกิดจากโจทก์ใช้อุบายล่อลวงเป็นกลฉ้อฉลความจริงเป็น เรื่องเจตนาขายฝากดังนี้ จำเลยมีหน้าที่จะต้องสืบก่อน เพื่อหักล้างหลักฐานฝ่ายโจทก./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอาศัย vs. การดูแลรักษาเพื่อแบ่งผลประโยชน์: ผลต่อการฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องอ้างว่า จำเลยอาศัย ขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่ามิใช่อาศัย แต่เป็นการเช่าช่วงจากโจทก์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตอนแรกจำเลยเข้ามาปลูกเรือนอยู่ในสวนพิพาทนั้น โดยเป็นการอาศัยโจทก์ แต่ต่อมาโจทก์ซื้อกิ่งส้มมาให้จำเลย ปลูกและดูแลรักษาเพื่อแบ่งผลกัน พฤติการณ์ตอนหลังนี้ ฟังได้ว่าจำเลยอยู่ในสวนพิพาทในฐานะผู้ดูแลรักษาต้น ส้มอันจำเลยมีผลประโยชน์ร่วมด้วย เมื่อทางพิจารณาไม่ได้ความชัดว่าการอยู่อาศัยกับการปลูกดูแลรักษาต้นส้มนั้น แยกขาดจากกัน ดังนี้ จะชี้ขาดว่า พฤติการณ์ตอนหลังนี้เป็นเรื่องอาศัยไม่ถนัด โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย แต่ข้อเท็จ จริงในขณะฟ้องร้องกัน ฟังไม่ได้ดังฟ้องก็ต้องยกฟ้องโจทก์./
of 219