พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาถึงแก่ความตาย ศาลลดโทษจากพฤติการณ์ภรรยาและคำรับสารภาพ
ภรรยาประพฤติตัวไม่ดี ชอบเล่นการพะนัน และไปค้างตามโรงแรม,สามีว่ากล่าวตักเตือน ก็ไม่เชื่อฟัง กลับทุบตีวิ วาทกับสามี ๆ จึงใช้มีดฟันภรรยามีบาดแผล 11 แห่ง ภรรยาถึงแต่ความตายและจำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนมีประ โยชน์แก่การพิจารณา ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยสมควรได้รับความปราณี ลดโทษตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่ง.
การที่ฝ่ายหนึ่งตบหน้า อีกฝ่ายหนึ่งก็เอามีดฟัน พฤติการณ์ทั้งนี้เป็นเรื่องวิวาท จะอ้างว่าป้องกันหรือถูกยั่วโทษะไม่
ได้./
การที่ฝ่ายหนึ่งตบหน้า อีกฝ่ายหนึ่งก็เอามีดฟัน พฤติการณ์ทั้งนี้เป็นเรื่องวิวาท จะอ้างว่าป้องกันหรือถูกยั่วโทษะไม่
ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัส: บาดแผลลึกต้องรักษาต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อการทำงาน
ใช้มีดหรือขวานไม่ปรากฎชัดฟันเขาถูกที่หน้าผากเป็นบาดแผลกว้าง 2 ซ.ม. ยาว 7 ซ.ม. ลึก 1 ซ.ม. แพทย์ลงความ เห็นว่าอาการสาหัสรักษาเกินกว่า 20 วัน ผู้เสียหายเบิกความว่า ต้องรักษาอยู่ประมาณ 60 วันจึงหาย ระหว่างรักษา ทำงานการไม่ได้เพราะเสียวเดี๋ยวนี้งานเบาทำได้ งานหนักทำไม่ได้ แม้แพทย์ผู้รักษาจะเบิกความว่า บาดแผลผู้ เสียหายรักษา 10 วัน หายก็ดี แต่ก็ว่าบาดแผลข้างในยังไม่หาย ต้องทำการรักษากันอยู่ตลอดมา เพราะเกี่ยวกับเส้น ประสทอีกด้วย ดังนี้ วินิจฉัยว่า เป็นบาดแผลถึงสาหัสตามกฎหมาย./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ 'อาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม' เป็นข้อเท็จจริง ห้ามฎีกา
พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. 2490 ไม่ได้ให้บทวิเคราะห์ศัพท์คำว่า "อาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม" ไว้ ฉะนั้นอาวุธปืนใดเป็นอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามหรือไม่ จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีอาวุธปืนธรรมดาไว้ในครอบครองผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 7, 72 ปรับ 225 บาท ฯลฯล
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าปืนของกลางเป็นอาวุธปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 55, 78 ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 1000 บาท เพิ่มโทษและลดแล้ว คงจำคุก 22 วัน ปรับ 666 บาท 66 สตางค์ โทษจำ คุกให้ยกเสีย ดังนี้ จำเลยจะฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220./
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีอาวุธปืนธรรมดาไว้ในครอบครองผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 7, 72 ปรับ 225 บาท ฯลฯล
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าปืนของกลางเป็นอาวุธปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 55, 78 ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 1000 บาท เพิ่มโทษและลดแล้ว คงจำคุก 22 วัน ปรับ 666 บาท 66 สตางค์ โทษจำ คุกให้ยกเสีย ดังนี้ จำเลยจะฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการเช่าเพื่อค้าขาย: ตีความสัญญาตามเจตนาคู่กรณีและพฤติการณ์แวดล้อม
ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่า แล้วคู่ความทำสัญญายอมควมกันว่า ผู้เช่ายอมออกจากห้องเช่านั้นไปอยู่ ที่อื่นชั่วคราว ผู้ให้เช่าจะจัดสร้างห้องรายนี้ใหม่ โดยผู้เช่ายอมออกเงินค่าก่อสร้างให้ 1 ห้องและเมื่อชำระเสร็จแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมให้ผู้เช่าเช่าอยู่ต่อไปอีก 1 ห้อง เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีนั้น จะให้หมายความเพียงว่าเช่าเพื่อใช้เป็น ที่อยู่อาศัยเท่านั้นหาได้ไม่อาจเป็นการเช่าอยู่เพื่อประกอบการค้าหรือธุรกิจอะไรอย่างใด ก็ได้ เมื่อตามข้อสัญญาไม่ ได้กล่าวให้ชัด ก็จำต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเรื่องนี้ต่อไป.
เดิมห้องเช่าพิพาทเป็นร้านจำหน่ายน้ำมันที่หน้าร้านมี ปั๊มน้ำมันตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงและห้องติดต่อกันเป็นร้าน ค้าขาย แสดงว่าห้องเช่าพิพาทอยู่ในทำเลการค้า ประกอบกับผู้เช่ายอมออกเงินค่าก่อสร้างให้ผู้ให้เช่าเป็นจำนวน มาก ย่อมบ่งชี้ให้เห็นว่าที่ยอมให้ผู้เช่า เช่าอยู่ต่อไปอีกนั้น เป็นการให้เช่าอยู่เพื่อทำการค้าน้ำมันตามเดิมนั้นเอง./
เดิมห้องเช่าพิพาทเป็นร้านจำหน่ายน้ำมันที่หน้าร้านมี ปั๊มน้ำมันตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงและห้องติดต่อกันเป็นร้าน ค้าขาย แสดงว่าห้องเช่าพิพาทอยู่ในทำเลการค้า ประกอบกับผู้เช่ายอมออกเงินค่าก่อสร้างให้ผู้ให้เช่าเป็นจำนวน มาก ย่อมบ่งชี้ให้เห็นว่าที่ยอมให้ผู้เช่า เช่าอยู่ต่อไปอีกนั้น เป็นการให้เช่าอยู่เพื่อทำการค้าน้ำมันตามเดิมนั้นเอง./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 823-825/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของไวยาวัจจกร: การมอบอำนาจดำเนินคดีแทนวัด แม้หนังสือมอบอำนาจฉบับแรกไม่ชัดเจน
ไวยาวัจจกรเป็นโจทก์ ฟ้องคดีแทนวัด จำเลยคัดค้านว่าไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะมิได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้อง เมื่อ ปรากฎว่า โจทก์มีเอกสารที่คณะสงฆ์วัดนั้นแต่งตั้งโจทก์เป็นไวยาวัจจกร และปรากำว่าเจ้าอาวาสวัดนั้นก็ได้ทำหนัง สือมอบอำนาจให้โจทก์ดำเนินคดีแทนวัดได้อีกฉะบับหนึ่ง แม้หนังสือฉะบับแรกจะมิได้ปรากฎชัดว่าให้โจทก์ดำเนิน คดีได้ก็ดี แต่หนังสือฉะบับหลังมอบอำนาจให้ดำเนินคดีได้ไว้ชัดเจน การที่โจทก์เพิ่งแสดงหนังสือมอบอำนาจฉะบับ หลังภายหลังนั้นไม่เป็นเหตุให้ศาลไม่รับฟัง เพราะตัวการย่อมรับรองการกระทำของตัวแทนได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 823 โจทก์จึงฟ้องความแทนวัดได้ โดยชอบ./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมลายมือชื่อในเอกสารทางราชการและการใช้เอกสารปลอม ความผิดตามกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปลอมหนังสือขึ้นเอง แล้วนำหนังสือปลอมนั้นไปใช้ คือไปขายให้แก่ผู้อื่น จึงขอให้ลงโทษทั้ง 2 ฐานคือตาม ก.ม,ลักษณะอาญามาตรา 224 และ 227 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเอง คงฟังได้ว่าจำ เลยใช้หนังสือปลอมอันเป็นผิดตามมาตรา 227 ซึ่งโยนไปลงโทษตามมาตรา 224 จึงพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี.
โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่าจำเลยเป็นตีวการในการปลอม หนังสือ แต่ไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 ดังนี้ ถือได้ว่า เป็นการลงโทษตามมาตราที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นการชอบแล้ว
โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่าจำเลยเป็นตีวการในการปลอม หนังสือ แต่ไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 ดังนี้ ถือได้ว่า เป็นการลงโทษตามมาตราที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ: ผู้ทำเอกสารไม่ใช่ผู้ลงนาม
สัสดีอำเภอผู้มีหน้าที่ทำและรักษาทะเบียนทหาร ทำใบกองเกินเท็จ ไปให้ปลัดอำเภอลงนามออกให้ผู้ที่มิใข่ตัวจริง ไป ดังนี้ เมื่อสัสดีไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้ลงนามในใบกองเกินนั้น สัสดีอำเภอก็ย่อมมีผิดเพียงฐานปลอมหนังสือราชการ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 224 หามีผิดตามมาตรา 229, 230 ไม่./
(อ้างฎีกาที่ 962/2492)
(อ้างฎีกาที่ 962/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้สักเก่าครอบครองก่อนกฎหมายใหม่ ไม่อยู่ในความผิดอาญา แม้กฎหมายใหม่ขยายประเภทไม้หวงห้าม
มีไม้สักแปรรูป ซึ่งได้มาจากต้นสักในที่ดินกรรมสิทธิของเอกชนไว้ในครอบครองก่อนวันใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉะบับที่ 3) พ.ศ. 2494 นั้น ไม่เป็นผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และแม้จะครอบครองต่อมาจนใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉะบับที่ 3) พ.ศ. 2494 ซึ่งบัญญัติว่า "ไม้สักทั่วไปในราชอาณาจักรไม่ว่าจะขึ้นอยู่ในที่ใด เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ฯลฯ" ก็ ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉะบับที่ 3) พ.ศ. 2494 ไม่ได้กล่าวให้มีผลย้อนหลัง ฉะนั้นจึงจะใช้กฎหมายฉะบับหลังให้มีผลย้อน หลังเป็นการลงโทษบุคคลในทางอาญามิได้ขัดต่อกฎหมาย ลักษณะอาญามาตรา 7 ผู้ครอบครองไม้สักดังกล่าวจึงยัง ไม่มีผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉะบับที่ 3) พ.ศ. 2494./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปิดตรวจพิศูจน์ของกลางต่อหน้าพยาน ไม่ขัดต่อ ป.วิ.อาญา ม.242
การเปิดตรวจพิศูจน์ของกลางตลอดจนถ่ายใส่ภาชนะใหม่นั้น ถ้าได้กระทำต่อหน้าพยานที่เกี่ยวข้องในระหว่างสอบ สวนแล้ว แม้จะทำลับหลังผู้ต้องหา ก็ไม่เป็นการขัดกับ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 242./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสถานการณ์ป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การยิงผิดตัวในภาวะหวาดระแวง
จำเลยถูกผู้ร้ายในท้องถิ่นรบกวนเสียจนประสาทหวาดระแวงไม่ปกติ ในคืนเกิดเหตุ จำเลยตื่นขึ้นกลางดึกเห็นคน ดำ ๆ ที่นอกชาน จำเลยจึงเอาปืนลูกซองที่เอาไว้ข้างที่นอนยิงไป 1 นัด ปรากฎว่าเป็นภริยาจำเลยเอง ภริยาจำเลย ถูกกระสุนปืนตายคาที่ ที่นอกชานนั่นเอง ดังนี้ เป็นเรื่องสำคัญผิดว่าเป็นผู้ร้าย ถือได้ว่าเป็นการป้องกันเกินกว่า
เหตุ./
เหตุ./